ที่บ้านของเกวลิน
สองพี่น้องที่ตอนนี้นั่งดูโทรทัศน์คนละมุม และเป็นครั้งแรกที่นางพุดกรองนั้นอยู่ติดบ้าน เพราะหลังจากที่ถูกทำร้ายร่างกายมาครั้งล่าสุดแล้วนางก็ไม่ค่อยออกไปจากบ้านสักเท่าไหร่นัก ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์จะเดินถือจานผลไม้ออกมาจากห้องครัว แล้ววางลงที่กลางโต๊ะเพื่อเป็นของหวานแทนกาแฟตามคำสั่งของหมอ
“ผลไม้แม่...” พงษ์ศักดิ์บอกกับภรรยา
นางเกศแก้วยิ้มให้กับสามีก่อนเอื้อมหยิบฝรั่งชิ้นพอดีคำแล้วร้องเรียกน้องสาวของตนให้ร่วมทานผลไม้ด้วยกัน
“พุดกรองกินฝรั่งกัน...”
ร้องเรียกน้องสาวพร้อมกับยื่นส่งฝรั่งชิ้นพอดีคำที่อยู่ในมือให้กับอีกฝ่าย นางพุดกรองละสายตาจากโทรทัศน์ที่กำลังดูเพลินๆ อยู่มองตามชิ้นผลไม้ที่คนเป็นพี่ยื่นส่งมาให้
“ไม่ละ...พี่แก้วกินเถอะ ฉันไม่อยากกิน” พูดปฏิเสธออกไปพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“อ้าว...แล้วนั่นไม่ดูทีวีด้วยกันแล้วเหรอ”
นางเกศแก้วร้องถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวลุกจากเก้าอี้แล้วเดินขึ้นบันไดไป เท้าที่กำลังก้าวอยู่หยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมาบอกอีกฝ่ายว่า
“ไม่ดูแล้ว...ฉันปวดหัวจะนอนแล้ว...พวกพี่ดูกันไปเถอะ...” พูดจบก็เดินก้าวขึ้นต่อไปทันที
สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นสามีจะเป็นฝ่ายถามออกมา
“พุดกรองเค้าดูซึมๆ ไปนะแม่...” นางเกศแก้วพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“ค่ะพ่อ แม่ก็สังเกตอยู่เหมือนกันว่าเค้าดูเหมือนคนที่มีเรื่องกังวลอยู่ใจ ว่าจะถามแต่ก็กลัวจะหาว่าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว”
“ดีแล้วละแม่ อย่าไปยุ่งเลย เดี๋ยวจะโดนว่ากลับมาเปล่าๆ ถ้าเค้าต้องการความช่วยเหลือจากเราก็มาพูดแล้วละ ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ให้เราช่วยใช้หนี้ให้นั่นแหละ” นายพงษ์ศักดิ์พูดออกไปตามที่ตนเองคิด
“ก็จริงของพ่อนะ อะนี่ค่ะฝรั่ง พ่อก็ทานบ้างนะคะ”
บอกพร้อมกับยื่นส่งผลไม้ให้กับสามี นางพงษ์ศักดิ์รับฝรั่งชิ้นนั้นมาไว้ในมือแล้วยิ้มให้กับเมียรัก
“เอ้อ...เดี๋ยวพ่อจะออกไปหาคุณประสิทธิ์ที่บ้านเค้าสักหน่อย เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากสุพรรณแล้วโทรฯ มาชวนให้พ่อไปดูพระเครื่องที่เพิ่งได้มาใหม่ แม่นั่งดูทีวีคนเดี๋ยวไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อมา”
“ค่ะ ไปเถอะ...แม่รู้ว่าพ่อชอบ...แต่ก็อย่าให้ดึกนักก็แล้วกันเกรงใจคุณประสิทธิ์เค้าน่ะพ่อ...”
นางเกศแก้วพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รู้ดีว่าสามีนั้นชอบดูพระเครื่องเป็นชีวิตจิตใจ นางพงษ์ศักดิ์ก้มหน้าหอมแก้มเมียรักเข้าให้ฟอดใหญ่ กับความรู้ใจของผู้เป็นสามี
“รับรองแม่ว่าไม่ดึก”
บอกเมียรักอย่างดีใจก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้านไปโดยมีสายตาของนางเกศแก้วที่เปี่ยมไปด้วยความรักมองตามไปจนลับตา แล้วหันกลับมาสนใจกับโทรทัศน์ตรงหน้าตามเดิม โดยไม่รู้เลยว่าภายในห้องนอนของตนนั้นกำลังถูกนางพุดกรองก้าวเข้าไปสำรวจค้นหาสิ่งของอยู่ด้านบนแล้วในขณะนี้
ภายในห้องนอน
“มันอยู่ตรงไหนกันนะ”
นางพุดกรองเปิดลิ้นชักแทบจะทุกตัวที่อยู่ในห้องของพี่สาวเพื่อที่จะหาโฉนดที่ดินของบ้านหลังนี้ นำเอาไปขายให้กับเสี่ยประเดิมเพื่อใช้หนี้พนันที่ตนเองติดไว้ และเพราะว่าหนี้พนันครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ตนเล่นเสีย การที่จะขอให้พี่สาวและพี่เขยมาชดใช้หนี้ให้อีกคนทั้งคู่คงไม่มีทางยอมให้ง่ายๆ และยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปมันคงไม่เป็นผลดีกับตัวนางอย่างแน่นอน สู้หาหลักทรัพย์ไปขายแลกเปลี่ยนเพื่อชดใช้หนี้พนันให้กับเสี่ยประเดิมคงจะง่ายกว่า และนางคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะทำ
“โอย!...หาจนทั่วแล้วพี่แก้วเอาไปเก็บไว้ไหนกันเนี่ย”
นางพุดกรองพูดออกมาอย่างหมดความอดทน ก่อนจะก้าวเดินเพื่อออกจากห้องนอนของพี่สาวไป พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องขนาดย่อมที่อยู่บนหลังตู้เสื้อผ้า
“กล่องอะไรน่ะ ทำไมถึงเก็บไว้ซะสูงขนาดนั้น”
นางพุดกรองไม่พูดเปล่า กลับเดินเข้าไปยกเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งมาวางไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อใช้เหยียบพาร่างของตนขึ้นไปหยิบเอากล่องที่ว่านั้นลงมา แล้วทำการเปิดออกดูว่าภายในนั้นมีสิ่งใดเก็บเอาไว้อยู่
“เจอแล้ว...”
นางพุดกรองร้องบอกออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากเพราะเสียงที่ร้องออกมานั้นดังพอสมควร ก่อนจะรีบเอากล่องใบนั้นกลับขึ้นไปเก็บไว้ตามเดิม และรีบจัดการภายในห้องให้เป็นปกติที่สุด
และเพราะเสียงร้องอุทานของนางพุดกรองที่ร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อสักครู่นั้นดังพอที่จะทำให้นางเกศแก้วผู้เป็นพี่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านล่างได้ยินแววๆ เช่นกัน นางรีบลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่แล้วเดินขึ้นมาด้านบนด้วยความเป็นห่วงน้องสาวแทบจะทันที
นางเกศแก้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องของน้องสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะนางพุดกรองบอกไว้ก่อนที่จะเดินกลับขึ้นมาบนห้องว่าปวดหัว บางทีน้องสาวของนางอาจจะกำลังต้องการความช่วยเหลือก็เป็นได้ ก่อนจะบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดเข้าไปในห้องแต่ก็ไม่พบกับนางพุดกรอง
ภายในห้องนอนนั้นว่างเปล่า นางเกศแก้วได้แต่ยืนนิ่ง ก่อนจะดึงประตูปิดลงตามเดิมด้วยความสงสัยว่าเหตุใดน้องสาวของนางจึงไม่ได้อยู่ภายในห้อง แล้วเสียงร้องของนางพุดกรองที่นางได้ยินนั้นดังมาจากที่ไหนกัน
ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อเห็นร่างของน้องสาวเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองในท่าทางลับๆ ล่อๆ หนำซ้ำในมือยังมีซองเอกสารบางอย่างอีกด้วย นางเกศแก้วไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาน้องสาวของตนเองทันที
“พุดกรอง! เธอเข้าไปทำอะไรในห้องพี่”
นางเกศแก้วถามเสียงเรียบ แต่ดวงตามองจ้องใบหน้าน้องสาวเขม็ง นางพุดกรองตกใจเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน คิดไม่ถึงว่าจะเจอพี่สาวของตนจะๆ ซึ่งๆ หน้าแบบนี้
“ฉะ...ฉัน...ฉันมาหายาแก้ไข้น่ะ...” ละล่ำละลักพูดบอกพี่สาวออกไป
“แล้วไหนล่ะยา”
นางเกศแก้วไม่เชื่อในสิ่งที่น้องสาวพูด นางต้องการเห็นหลักฐานที่นางพุดกรองบอก
“หะ...หาไม่เจอ...”
เสียงตะกุกตะกักตอบออกมาทั้งๆ ที่ไม่มองหน้า ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาดื้อๆ แต่มีหรือที่นางเกศแก้วจะยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ ในเมื่อนางเห็นอยู่เต็มสองตาว่าน้องสาวของตนถือซองเอกสารออกมาจากห้องของนางด้วย
“นั่นซองอะไรน่ะ ขอพี่ดูหน่อยสิ”
นางเกศแก้วไม่พูดเปล่า อาศัยความไวกว่าดึงซองเอกสารออกจากมือของนางพุดกรองมาไว้ในมือแล้วเปิดซองดูเอกสารด้านในทันที ปล่อยให้นางพุดกรองยื่นอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่นางจะรีบดึงเอกสารกลับมาไว้ในมือได้อีกครั้งเมื่อเห็นพี่สาวกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง
“พุดกรอง!!!” นางเกศแก้วเรียกชื่อน้องสาวเสียงเข้ม
“นี่เธอ...เธอคิดจะทำอะไร เอาโฉนดบ้านพี่ออกมาทำไมกัน หรือว่าเธอ...”
ดวงตาของนางเกศแก้วลุกวาวขึ้นเหมือนจะนึกอะไรออก ก่อนจะตรงเข้ายื้อแย่งเพื่อโฉนดที่ดินและบ้านคืนมาจากน้องสาว
“เอามานะ! เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเอาโฉนดบ้านพี่ไปไหนทั้งนั้น มีอะไรทำไมไม่บอก มาทำแบบนี้มันขโมยกันชัดๆ เอาคืนมาพุดกรอง”
“ไม่คืน! ไม่ให้! ฉันจะเอาไปใช้หนี้ ปล่อยนะพี่แก้ว!”
สองพี่น้องเยื้อแย่งซองเอกสารกันเป็นพัลวัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่นางพุดกรองจะใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่าดันร่างของพี่สาวให้กระแทกชนเข้ากับกำแพงห้องอย่างแรง และดูเหมือนว่ามันจะเป็นผล
เมื่อร่างของนางเกศแก้วทรุดลงไปกองกับพื้นแทบจะทันทีเพราะความเจ็บจุก ซองเอกสารซึ่งมีโฉนดที่ดินและบ้านร่วงหลุดออกจากมือของนางลงไปอยู่ที่พื้นด้วยเช่นกัน ก่อนที่นางพุดกรองจะรีบก้มลงหยิบแล้ววิ่งตรงไปที่บันไดเพื่อออกจากบ้านไป
“พุดกรอง! อย่าเอาไป!” นางเกศแก้วร้องบอกเสียงดังลั่น พร้อมกับรวบรวมกำลังลุกขึ้นวิ่งตามร่างของน้องสาวไป แล้วพุ่งเข้าหาร่างของนางพุดกรองอีกครั้งก่อนที่นางจะก้าวลงบันไดไป
“เอามานะ!”นางเกศแก้วก็สามารถแย่งซองเอกสารกลับคืนมาไว้ในมือได้อีกครั้ง
“ทำไมพี่แก้วถึงได้ดื้อด้านแบบนี้นะ อยากจะลองดีกับฉันใช่มั้ย!”
นางพุดกรองพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมกับถลึงตาใส่คนเป็นพี่ด้วยความโกรธที่สามารถแย่งเอาซองเอกสารกลับไปได้อีกครั้ง ก่อนพุ่งเข้าหาร่างของพี่สาวสุดตัวเพื่อเข้าแย่งซองเอกสารกลับคืนมาให้ได้
สองร่างดึงยื้อกันหมิ่นเหม่ตรงขั้นบันไดบนสุดของบ้าน ก่อนที่นางพุดกรองจะสามารถกระชากซองเอกสารออกมาจากมือของนางเกศแก้วผู้เป็นพี่สาวนั้นได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าผลจากการแย่งดึงกันนั้นทำให้ร่างของนางเกศแก้วพลัดตกบันไดลงไป
กรี๊ดดดดดดด!!!!! เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาพร้อมๆ กับร่างของนางเกศแก้วที่พุ่งตกลงมาจากบันไดชั้นบนสุด
ร่างของนางม้วนตัวตกกระทบเข้ากับขั้นบันไดของบ้านหลายขั้นก่อนจะมานอนนิ่งหมดสติลงที่พื้นของบ้านในขั้นสุดท้าย เลือดสีแดงสดไหลนองออกมาจากศีรษะเป็นจำนวนมาก
“พี่แก้ว!!”นางพุดกรองร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดตามลงมา นางพุดกรองยืนมองร่างของพี่สาวมือไม้สั่น แข้งขาที่ยืนอยู่อ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่
“ฉันไม่ได้ทำนะ! พี่แก้วตกลงมาเอง!”
พูดออกมาเสียงสั่นเมื่อเห็นเลือดสดๆ ไหลนองออกมาจากศีรษะของพี่สาว ดวงตากลอกกลิ้งไปมาหลุกหลิก ก่อนจะหยุดนิ่งเหมือนกับว่านางพุดกรองจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จากที่มีอาการสั่นสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นนิ่งเงียบ ไม่ยินดียินร้ายใดๆ ทั้งสิ้น ใบหน้าเย็นชามองหน้าของพี่สาวที่เริ่มซีดเผือดด้วยเพราะเสียเลือดมากด้วยความสะใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ช่วยไม่ได้! พี่อยากมาขวางฉันทำไม ถือซะว่าพี่ชดใช้ให้ฉันก็แล้วกัน!”
พูดจบก็เดินถือซองเอกสารออกจากบ้านไปโดยไม่คิดจะสนใจหรือเรียกรถพยาบาลเลยสักนิดว่าอาการของนางเกศแก้วจะหนักหนาสาหัสมากมายเพียงใดก็ตาม