EP.1 เด็กน้อยที่รอดชีวิต
EP.1 เด็กน้อยที่รอดชีวิต
เดยาน่าเก็บเสื้อผ้าที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบย่อม พร้อมกับทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่ถึงขวบปี หลังจากความอดทนของเธอสิ้นสุดลง เธอจะไม่ยอมอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรูหราทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรุ่มร้อนริษยาอีกแม้แต่วินาทีเดียว ที่ผ่านมาไม่ว่าชีคคานัสรีนจะทำร้ายเธอหรือดูถูกเหยียดหยามเธอสักเพียงไรเธอทนได้ เพราะเธอเป็นภรรยาคนที่สี่ของท่านชีคอิมรานผู้ปกครองรัฐฮาดิยะห์
เธอมาทีหลัง...ข้อนั้นเธอรู้ดีอยู่เต็มอก จึงไม่แปลกที่ภรรยาคนแรกจะจงเกลียดจงชังเธอ แต่ถึงขนาดว่าจะจับลูกน้อยอันเป็นแก้วตาดวงใจของเธอโยนลงมาจากบันได...เธอยอมรับไม่ได้จริงๆ
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะท่านเดยาน่า”
เจ้าของนัยน์ตาชวนฝันพยักหน้ารับ กระชับลูกน้อยแนบอก ย้อนมองกลับไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่อีกครั้ง หัวใจปวดแปลบเมื่อคิดว่าเธอจำต้องจากสามีอันเป็นที่รัก อีกทั้งยังต้องฝืนทำเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกของผู้เป็นแม่ เพราะไม่รู้ว่าหนูน้อยในอ้อมกอดจะมีโอกาสพบหน้าผู้เป็นบิดาอีกเมื่อใด
ตลอดหกปีที่ผ่านมาชีคอิมรานไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ และยังคงไม่รู้ว่าภรรยาคนแรกซึ่งดำรงตำแหน่งชีคคา...ตำแหน่งอันสูงสุดเหนือสตรีทุกนางในรัฐฮาดิยะห์ ผู้คนต่างเคารพนบนอบ ยกย่องให้เป็นแม่เมืองเคียงคู่ชีคอิมรานทว่าลับหลังได้กลั่นแกล้งเธอสารพัด แม้เธอจะไม่ปริปากพูดแต่ทุกคนในคฤหาสน์ต่างรู้ดีว่าชีคคานัสรีนเป็นคนเช่นไร
เดยาน่ายกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา กระชับทารกน้อยไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง จุมพิตลงบนหน้าผากเล็กแผ่วเบา ก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับสาวใช้ที่จงรักภักดี
“กองคาราวานจะมาถึงหุบเขาบนูฟะฮ์ด[1] น่าจะช่วงเที่ยงวันค่ะท่านเดยาน่า เราน่าจะไปถึงที่นั่นก่อนสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง”
“จ้ะ”
การเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติฟาอิกสถานซึ่งตั้งอยู่รัฐเจดดาห์ เดยาน่าจำเป็นต้องขอเดินทางไปกับกองคาราวานของครอบครัวสาวใช้ เนื่องด้วยระยะทางในการเดินทางข้ามผ่านรัฐมาห์จาซึ่งปกคลุมไปด้วยทะเลทรายแห้งแล้งนั้นค่อนข้างยากลำบาก เธอและลูกคงไม่สามารถเดินทางกันตามลำพังโดยขาดผู้ชำนาญทาง ไม่เช่นนั้นรังแต่จะตกเป็นอาหารของฝูงไฮยีน่าและสัตว์ร้ายยามค่ำคืน
เดยาน่าก้าวพ้นออกมาจากคฤหาสน์โดยมิได้ล่วงรู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดของเธออยู่ในสายตาของชีคคานัสรีนมาโดยตลอด
“จัดการอย่าให้มันมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีก” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาโหดเหี้ยม มองไปยังร่างบางที่กำลังก้าวออกจากคฤหาสน์พร้อมพยานรักตัวน้อย
“เดยาน่าแกจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เป็นหนามตำใจฉันอีกต่อไป”
ชีคคานัสรีนกัดฟันกรอด เธอเกลียด และริษยาเดยาน่า หญิงสาวชาวเวเนซุเอล่า ดวงตาคู่โต รับกับผมหยักศกสีดำเป็นลอนเงางามทิ้งลงจดเอวคอดกิ่ว ผิวขาวเสียจนเรียกได้ว่าขาวจัด ริมฝีปากเจือสีแดงระเรื่อชวนมองอยู่เสมอแม้มิได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง รอยยิ้มหวานที่มักจะเรียกชีคอิมรานให้ชิดใกล้เดยาน่าจนทอดทิ้งเธอให้อยู่เพียงลำพังเรื่อยมาโดยตลอด หากไม่มีมัน! ท่านชีคก็จักต้องกลับมารักเธอดังเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
“ทั้งแม่ทั้งลูก ไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมัน”
เธอกำมือเข้าหากันแน่น นึกชังเด็กตัวน้อยในอ้อมกอดนั่นเสียเหลือเกิน เด็กผู้หญิงที่คงเติบโตขึ้นมางดงามมิได้ผิดแผกไปจากผู้เป็นแม่ของมัน ความสวยงามที่พระเจ้าปั้นแต่งให้ราวกับลำเอียง เธอเกลียดที่สุด!
เดยาน่าแต่งกายด้วยชุดคนพื้นเมืองคลุมผมด้วยฮิญาบ[2]สีเข้ม อีกทั้งยังปิดทุกส่วนของร่างกายเหลือไว้เพียงดวงตาคู่สวยเท่านั้น เธอร่วมเดินทางไปกับกองคาราวานรอนแรมอยู่กลางทะเลทรายร้อนจัดถึงหนึ่งวันเต็ม ลูกน้อยในอ้อมกอดก็น่ารักเหลือเกินมิได้ร้องกวนใจให้ผู้เป็นแม่ต้องเป็นกังวล จะมีบ้างก็แค่เวลาหิวนมเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น” หัวหน้ากองคาราวานสั่งให้ทั้งหมดหยุดเดินเมื่อเห็นกลุ่มควันเคลื่อนมาจากทางด้านหลังด้วยความเร็ว จุดหมาย...คงเป็นกองคาราวานของตนอย่างไม่ต้องสงสัย
“หรือจะเป็นพวกโจรทะเลทราย”
ทันทีที่หัวหน้ากองคาราวานเอ่ยขึ้น คนอื่นๆ ก็ชักดาบและมีดออกมาเตรียมพร้อม พวกเขาเดินทางรอนแรมท่ามกลางทะเลทรายเช่นนี้จึงต้องเตรียมรับมือกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้าย หรือโจรทะเลทราย
“ท่านเดยาน่าไปหลบอยู่ด้านหลังก่อนเถอะค่ะ ทางนี้ให้พ่อและพวกผู้ชายจัดการ” สาวใช้พาเจ้านายสาวเดินไปยังด้านหลัง เดยาน่ากอดลูกน้อยไว้แน่นมองกลุ่มควันเบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น
‘ขออย่าให้เรื่องที่กำลังคาดเดาอยู่ในตอนนี้เป็นจริงเลย’ เธอรำพึงในใจ ใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
“พวกผู้หญิงไปรวมกันอยู่ทางด้านหลังเร็วเข้า!”
ยังไม่ทันที่หัวหน้ากองคาราวานจะได้ถามไถ่ กลุ่มผู้มาใหม่ก็ยิงปืนใส่ไม่ยั้ง ชายฉกรรจ์พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ เดยาน่ากลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เธอมั่นใจว่าพวกมันต้องการเอาชีวิตของเธอและลูก หญิงสาวนัยน์ตาคมรีบเดินไปยังกระเป๋าสัมภาระรื้อเสื้อผ้าจากในกระเป๋าออกบางส่วน จากนั้นจึงวางลูกน้อยลงนอนในกระเป๋า เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้ผู้เป็นแม่โดยมิรู้เลยว่าเงาแห่งหายนะได้ปกคลุมไปทั่วผืนทรายสีทอง เดยาน่าลูบที่กำไลข้อเท้าของบุตรสาวซึ่งสลักชื่อไว้ว่า ‘เซรินะห์’ จากนั้นจึงถอดสร้อยคอของตนซึ่งร้อยแหวนแทนจี้พันไว้รอบข้อมือบุตรสาว
“เป็นเด็กดีนะเซรินะห์ แม่รักลูก” เดยาน่าก้มลงหอมแก้มบุตรสาวแล้วจัดการปิดกระเป๋าใบนั้นลงตามเดิม โดยเหลือช่องว่างไว้เพียงเล็กน้อย
“อยู่นี่นี่เอง” เสียงเหี้ยมเอ่ยขึ้นด้านหลัง เดยาน่าสะดุ้งเฮือกได้แต่หวังว่ามันจะไม่เห็นว่าเธอซ่อนลูกน้อยไว้ในกระเป๋าเดินทาง
“แกต้องการฆ่าฉัน แกก็ฆ่าแต่ฉันทำไมแกต้องทำร้ายคนอื่นด้วย” เดยาน่ากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นผู้คนล้มตายจนหมด เธอเองนั่นล่ะที่เป็นคนนำพาหายนะมาให้พวกเขา หากเธอเดินทางโดยลำพัง ผู้บริสุทธิ์อาจไม่ต้องมาพบกับโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายเช่นนี้
“เป็นคำสั่งของท่านชีคคา” ชายคนเดิมจ่อปืนมายังเบื้องหน้าหญิงสาว เธอหลับตานิ่งยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายของตนเอง
“ท่านชีคคาจะไม่มีวันมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงทุกคนที่ท่านทำร้าย” เธอพูดเสียงลอดไรฟันกำมือเข้าหากันแน่น
[1] บนูฟะฮ์ด แปลว่า เสือดาว หรือเสือชีตาร์
[2] ฮิญาบ ผ้าคลุมผมของสตรีชาวอาหรับ