๑๑
"...พ่อขอโทษนะลูก" เสียงของบิดาเรียกสติของหญิงสาวที่นั่งซึมมาตลอดทางให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง น้ำใจพยายามปั้นรอยยิ้มให้ปรากฏออกมาบนใบหน้า พลิกมือประกบจับมือของผู้เป็นพ่อเอาไว้ซะเอง
"พ่อพูดคำนี้อีกแล้วนะคะ ไม่ต้องขอโทษหนูแล้วค่ะ น้ำยินดีทำเพื่อทุกคน"
"ลูกพ่อ..." มือหนาวางบนศีรษะทุยเล็กพลางรั้งบุตรสาวเข้ามาสวมกอด คนที่ในตอนนี้มวลสมองมันหนักอึ้ง คิดไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนี้เธอกำลังคิดแบบไหนก็สอดแขนเข้าไปกอดพ่อเอาไว้เช่นกัน
"เขาอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเลยเหรอคะ พ่อกับแม่และพี่ฟ้าจะไปส่งน้ำถึงบ้านของเสี่ยประภาสนั่นเลยหรือเปล่า"
"ไม่ต้องไปส่งถึงที่หรอก เสี่ยเขามีรถมารับน่า" เฟื่องรัตน์เอ่ยขึ้นมาหวังจะตัดความรำคาญ แต่พอสบตากับสามีที่ถลึงตาใส่เธอก็หันหน้าออกไปอีกทาง
"เสี่ยจะส่งรถมารับหนูนะลูก บ้านของเขาอยู่ค่อนข้างไกล แถวๆ แถบภาคอีสาน หากพ่อกับแม่ไปส่งน้ำที่นั่นก็คงต้องใช้เวลาทั้งวัน"
"เสี่ยคนนั้นเขาจะมาเองเลยไหมคะ"
"พ่อไม่แน่ใจว่าเขาจะมารับหนูด้วยตัวเองหรือเปล่า ไว้ถึงที่หมายเราก็คงจะได้รู้"
"ทำไมพ่อถึงรู้จักเขาล่ะคะ เขาเป็นคนแบบไหน มีครอบครัวหรือเปล่า น้ำกลัวว่าน้ำจะ..."
"เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกับพ่อบอกว่าเขาเป็นคนดี มีกิจการที่ภาคอีสาน เดิมทีเคยอยู่ที่กรุงเทพฯ นะ เห็นว่าเขาอยากไปใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่น" น้ำใจฝืนยิ้มจางๆ พลางพยักหน้าออกมา เธอตัดสินใจแล้วที่จะช่วยเหลือครอบครัว ยอมทิ้งการเรียน ทิ้งทุกอย่าง เชื่อว่าการตัดสินใจช่วยเหลือครอบครัวในครั้งนี้ มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงๆ
"อย่าซึมไปเลยยัยน้ำ ถึงจะมีผัวแก่คราวพ่อ..."
"ยัยฟ้า!" พ่อปรามออกมาเสียงดัง แต่ถึงอย่างนั้นปลายฟ้าก็ไม่ยอมหยุด
"ฟ้าแค่จะบอกยัยน้ำว่ามีผัวแก่นั่นแหละดี เป็นเมียมันแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ตาย!"
"พ่อสั่งให้แกหยุด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพ่อใจร้ายกับแกนะยัยฟ้า"
"เอาล่ะค่ะ ยัยฟ้ามันก็พูดความจริงนั่นแหละคุณ อดทนนะลูกยัยน้ำ ต่อให้อีเสี่ยประภาสอะไรนี่จะแก่หน่อย แต่ท่องเอาไว้ว่าอย่างน้อยๆ เงินของเขาก็ช่วยให้พ่อกับแม่ของแกที่เลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กจนโตรอดตาย" แม้ลึกๆ จะรู้สึกน้อยใจ แต่น้ำใจก็เลือกที่จะยิ้มและพยักหน้าให้ทุกคน
"น้ำ แล้วเขาคนนั้นล่ะลูก หนูบอกเขาหรือเปล่า"
"เราเลิกกันแล้วค่ะ ทุกคนบอกน้ำเองนี่คะว่าถึงยังไงแล้วคนระดับเขาก็ไม่มีทางมาจริงจังกับคนอย่างเรา" เสกสรรค์ชะงักกึก มองบุตรสาวที่ไม่เคยมีครั้งไหนที่นำเรื่องหนักใจมาให้ ซ้ำยังเป็นหน้าเป็นตาในเรื่องของการศึกษาให้พ่อแม่ได้ชื่นชมมีหน้ามีตามาโดยตลอด ลึกๆ แล้วรู้สึกผิดมากที่มีส่วนเป็นแรงกดดันอย่างจังให้ลูกต้องเสียสละ ทิ้งคนที่เขารักมาแต่งงาน แต่ถึงอย่างนั้นเสกสรรค์ก็เลือกที่จะเงียบ เก็บความรู้สึกผิดไว้ในใจ
รถตู้โดยสารที่วันนี้พ่อของเธอเหมาจ้างให้มาส่งเธอยังที่หมายยังคงมุ่งหน้าตามถนนที่เธอไม่คุ้นเคย สองข้างทางคือสถานที่ที่ไม่รู้จัก ไม่เคยผ่านตา ไม่รู้แม้ว่าโชคชะตาของเธอต่อจากนี้จะเป็นยังไง
@ปั้มน้ำมัน
"ถึงแล้วลูก เสี่ยประภาสให้พ่อพาหนูมาที่นี่" น้ำใจกวาดสายตาออกไปรอบๆ ปั้ม ทิ้งสายตาที่ป้ายบอกสาขา บอกสถานที่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทั้งแม่และพี่สาวของเธอเดินลงจากรถไปแล้ว ในขณะที่เธอและพ่อตามลงไป
"สรุป เสี่ยประภาสส่งคนมารับลูกนะ" เสกสรรค์ชูโทรศัพท์ในมือ ซึ่งเป็นหลักฐานของการพูดคุยกัน
"น้ำขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ นั่งรถนานเกินไป"
"ได้สิลูก รีบมานะ เดี๋ยวพ่อไปนั่งรอกับแม่กับพี่ฟ้าด้านโน้นนะ" นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังโต๊ะว่างซึ่งอยู่อีกด้าน น้ำใจพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำแบบที่เธอได้บอกมา
มือเรียวล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเมื่ออยู่ในห้องน้ำที่ปราศจากบุคคลอื่น ดวงตากลมโตเหลือบมองที่เวลา เผลอเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นที่เคยใช้คุยกับชายหนุ่มคนรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ความจริงที่ผุดเข้ามาตอกย้ำว่าตอนนี้เธอกำลังจะทำอะไรส่งผลให้น้ำใสๆ คลอออกมาจากตา อดคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่เธอนัดหมายพบเจอกับเขาที่สวนสาธารณะไม่ได้เลย
'ว่าแต่มึงเถอะ มายืนเก๊กอะไรแถวนี้วะ ร้อนก็ร้อน หิ้วเด็กสาวๆ สวยๆ ไปนอนตากแอร์เล่นไม่ดีกว่าหรือไง'
'เงียบแบบนี้ อย่าบอกนะเว้ย ว่ามึงนัดกับน้องน้ำคนสวยของมึง'
'คนนี้ทำไมยากกว่าทุกคนวะ พูดก็พูดเถอะกูเห็นมึงตามจีบมาหลายเดือนแล้วนะ อย่าบอกนะเว้ยว่ายังไม่ได้แตะแม้แต่ปลายก้อย บ้าเอ้ย เสียชื่อเสือไฟชะมัด'
'ป่านนี้คนของมึงรอแย่แล้วมั้ง ไม่รีบไปล่ะ'
'อย่ามาเปลี่ยนเรื่องน่า ทำไมไม่เคลมให้เร็วๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ล่ะ จริงๆ แล้วคนอย่างนายอัคนีเจ้าของสถานีน้ำมันรวยเวอร์โปรไฟล์แจ่มแบบมึง จะเอาใครก็ได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คนนี้ทำไมลีลาจังวะ อย่าบอกนะ ว่าคนนี้ยากมาก ลวดลายเสือที่แกมีไม่สามารถใช้กับผู้หญิงคนนี้ได้?'
'กูไม่ได้รีบ'
'ไม่รีบ แปลว่ามึงจะจริงจังว่างั้น?'
'เอาเป็นว่าเวลากูได้เคลม จะอัดคลิปเสียงมาฝากมึงก็แล้วกัน ไอ้เพื่อนเวร!'
วินาทีนั้นรู้สึกเหมือนไม้เรียวของแม่ที่ฟาดก้นของเธออย่างแรงในวัยเด็ก หลังจากกลับจากโรงเรียน เธอปวดหัวและมีไข้ วันนั้นไม่ได้ล้างจานและหุงข้าวรอพ่อกับแม่แบบที่เคยทำ ทันทีที่แม่รู้ หวายฟาดก้นของเธอซ้ำๆ ไม่ถามเหตุผล ไม่สนแม้ต่อให้เธอจะพยายามอธิบาย สุขภาพของเธอไม่เคยมีความหมาย แม่ไม่ได้สนใจหรือห่วงใยเธอเหมือนที่รู้สึกกับพี่ฟ้าเลยด้วยซ้ำ ความน้อยใจ ความผิดหวังมันถาโถมเข้าใส่ รู้สึกแบบเดียวกันกับที่เธอได้ยินแฟนหนุ่มพูดถึงเธอในตอนที่คุยกับเพื่อนเขาเลย
เธอไม่ได้คิดที่จะสู้หน้าเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอหมุนตัวกลับ เตรียมจะเดินออกมาจากตรงนั้น ถ้าไม่ได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนพิงรถยนต์คันหรู มองไปที่แฟนของเธอและเพื่อนเขาอยู่เช่นกัน
'อีฟาง วันนี้พี่เปอร์มารับกูว่ะ บังเอิญเจอพี่ไฟของมึงด้วย ...ได้ข่าวว่าวันก่อนเขาพามึงไปสนามแข่งรถด้วย ได้ไปต่อกันปะวะ ...อะไรนะ เขาเอามึงตั้งแต่ก่อนไปสนามแข่ง อ๊ายย เพื่อนกูคือแซ่บค่ะ!'
ในเมื่อเขาไม่เคยหยุด เธอก็ควรเลือกที่จะเป็นฝ่ายหยุด เคยคิดว่าหากชีวิตนี้ต้องเสียตัว เธอจะยอมก็ต่อเมื่อมันเป็นความรัก แต่ในเมื่อจุดเริ่มต้นของความรักมันมีบางอย่างไม่ราบรื่น เธอพร้อมที่จะเป็นฝ่ายหยุดทุกอย่าง ยอมใช้ความบริสุทธิ์ที่มี ทำเพื่อครอบครัว แม้ใครที่มองมาจะพูดว่าเธอไร้ศักดิ์ศรีก็ตาม
'หนูดี ยังไม่กลับเหรอ วันนี้ว่างหรือเปล่า ฉันเหงา ไม่มีเพื่อนนอน!'
คนอย่างเขาไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนหากเธอหายไป เขามีคนอื่นได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ชีวิตของเธอที่เลือกก้าวออกมาจากตรงนั้นแล้ว บอกเลิกเขาไปแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อ ยอมรับโชคชะตา เธอจะต้องอยู่ให้ได้แม้ในวันที่ไม่ได้พบเจอเขาที่เป็นรักแรกอีกต่อไป