ตอนที่ 14
คนที่อุทานร้องอย่างตกใจอย่างมากก็คือแพนหรือพัณสินีที่บ้านพักของหล่อน ซึ่งเป็นคฤหาสน์ตั้งอยู่ย่านจรัญสนิทวงศ์ เมื่อคนใช้วิ่งไปตามบอกว่ามีเพื่อนเก่ามาขอพบหล่อน
“เลื่อม เลื่อมจริงๆ ด้วย เราไม่นึกว่าเลื่อมจะมาหาถึงนี่” หญิงสาวเดินเข้าไปด้วยหัวใจอ่อนระโหยทักทายกับพัณสินี
“ฉันเบื่อบ้านน่ะแพน ยังไงต้องกลับอยู่ดี”
“สามีของเธอล่ะ”
“คงอยู่ที่ทำงาน”
“อ้าว เธอไม่ได้บอกเขาหรือ”
“บอกเขาก็ไม่ให้ฉันมาสิ” เลื่อมลนินเอ่ยต่อ
“สู้ไม่บอกดีกว่า ฉันก็รู้สึกสบายใจด้วย” แต่สีหน้าของพัณสินีเป็นห่วง
“แต่ยังไงก็แล้วแต่นะ สามีกับภรรยาเหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้วนะจ๊ะเลื่อม”
เลื่อมลนินครุ่นคิดตามที่เพื่อนเอ่ย นับว่าพัณสินีพอจะรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางของเพื่อนจากจักราวุธ
“ฉันพอจะรู้เรื่องของเธอจากอิงค์ อิงค์บอกพวกเรา” เลื่อมลนินถอนหายใจอย่างพยายามที่จะข่มใจเช่นกัน เมื่อเธอต้องเอ่ยบอกเพื่อน
“ฉันโทร.บอกอิงค์เอง ฉันเหงานี่ ไม่มีใคร นึกถึงแต่พวกเธอ แต่ก็ลืมเบอร์เพื่อนทั้งหมดจนต้องให้พ่อช่วยจัดการเอามาให้”
“ฉันเองก็ไม่มีเบอร์ของเธอ เธอไม่ได้ใช้เบอร์เก่า”
“ใช่”
“อีกอย่างช่วงนั้นฉันกำลังยุ่ง”
“เรียกว่าฉันถูกขายก็ได้แพน ฉันไม่อายหรอก ในเมื่อมันต้องเป็นความจริง เธอจะดูถูกฉันก็ได้” เลื่อมลนินบอกเพื่อนอย่างนั้น
“สำหรับเพื่อนฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอก เพื่อนมีค่ามากกว่าจะเอามาถากถางทำลาย ฉันสงสารเธอ เป็นห่วงเธอ เราเคยเป็นเพื่อนที่รักกันมากนี่เลื่อม”
“จ้ะ” เลื่อมลนินตอบเพื่อน
“ฉันดีใจที่เธอมาหาฉัน”
“ฉันคิดถึงเธอจึงมาหา”
“ฉันก็คิดถึงเธอมาหลายวันเหมือนกัน ไม่นึกว่าจะได้เจอ” พัณสินีมองเห็นกายที่ผ่ายผอมของเพื่อนแต่ความสวยยังไม่ลดลง นอกจากเป็นห่วงแล้วก็ถอนใจ
“เธอคงอยู่ในสภาพที่ทุกข์ใจมาก เพราะเขารู้กัน เพื่อนพากันบอก ฉันก็รู้จากคนเหล่านั้น โดยเฉพาะปากมากอย่างแม่กรองอุรา ว่าเธอตกเป็นเหยื่อแก้แค้นของผู้ชายที่เธออยู่กับเขาด้วย นี่มันอะไรกันเลื่อม”
เลื่อมลนินพยักหน้ากับเพื่อนเบาๆ
“ฉันจะปฏิเสธอย่างไรกับพวกปากหอยปากปู ไม่รู้วันนี้ก็ต้องรู้ในวันหน้า ดูเหมือนว่าแม่กรองอุราจะเป็นญาติของเขาด้วยไม่ใช่หรือ”
“ใช่ กรองอุราเป็นญาติห่างๆ ของสามีเธอด้วย”
“มิน่าพวกปากหอยปากปูพวกนี้ถึงรู้” เลื่อมลนินเอ่ยพูดท่าทางไม่ยี่หระนัก
“ถึงยังไงก็ต้องรู้ ฉันไม่คิดอะไรมากหรอก ชีวิตนี้เอาอะไรกับมันนักหนา ดูโชคชะตาชีวิตของฉันสิ ยังพัดพามาแบบนี้เลย ให้อับอายคน”
“แต่เลื่อม...เธอต้องสร้างกำลังใจให้แก่ตนเองสิ เธอต้องอดทน”
“อดทน ฉันต้องอดทนแน่ ไม่ต้องกลัวหรอกแพนว่าคนอย่างเลื่อมลนินจะไม่อดทน ฉันจะฟาดฟันคนพวกนั้นให้ตายดับดิ้นไปคนละข้างเลย” เลื่อมลนินพูดแรงมาก พัณสินีก็ไม่นึกว่าเพื่อนจะพูดรุนแรงขนาดนี้
“เลื่อม!”
“ทำไมหรือ”
“ฉันต้องเอาคืน” ในหัวใจของเลื่อมลนินเต็มไปด้วยไฟแค้น ช่างน่าสงสาร
“เธอแกร่งก็ดี แต่อย่าแกร่งจนกระด้างเลย ไม่ใช่นิสัยของลูกผู้หญิงเลยนะจ๊ะ”
“จ้ะ ฉันรู้แพน ฉันมีขอบเขตของอารมณ์เหมือนกันล่ะ ดีมาฉันก็ดีไป ร้ายมาฉันก็ร้ายตอบ”
“ท่าทางเธอจะทะเลาะกับเขาทุกวันเลยสิ”
“มันช่วยไม่ได้นี่แพน ชีวิตมันเป็นอย่างนี้” เลื่อมลนินบอกเพื่อน ยิ่งทำให้พัณสินีนึกเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนคนนี้มาก เมื่อพบว่าเพื่อนพบเจอเรื่องราวที่หนักหน่วง
“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ก็อย่าลืมนึกถึงนะ”
“จ้ะ” แล้วพัณสินีนึกถึงบิดาของเพื่อน
“แล้วพ่อของเธอล่ะเลื่อม อยู่กับใคร”
“พ่อฉันอยู่ตามลำพังคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดว่าพ่อคงเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พ่อสามารถดูแลตัวเองได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่ใกล้ชิดท่านเหมือนเดิม”
“ท่านคงเข้าใจเธออยู่หรอก”
“พ่อฉันเข้าใจและยอมจำนนอยู่แล้วกับการถูกมัดมือชกทำร้ายของคนตระกูลนั้น ดิ้นไม่หลุดจากการประณาม ฉันก็คิดว่าเป็นเวรกรรมพ่ออาจจะได้รับเวรกรรมที่เคยก่อ”
“สงสารพ่อเธอจัง”
“อ้อ กลับมาแล้วหรือเมียรัก ไปดอดกกพบชู้ที่ไหนมาไม่ทราบ”
เสียงนั้นดังขึ้นแรงๆ ทีเดียวจากมุมห้องที่มีความมืดเพียงสลัว ที่หล่อนตั้งใจมาในเวลานี้เพราะคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่เปล่าเลยนั่น ร่างนั้นยังคงยืนจังก้าพร้อมดวงไฟที่เปิดสว่างตามมา
“นึกไม่ถึงสินะว่าผัวจะยืนคอย”
“ยืนคอยทำไมคะ นึกว่าคุณจะหลับนอน”
“จะหลับนอนได้ไง ถ้าไม่ได้แกล้งเมียนอนไม่หลับ”
“นิสัยคุณเป็นอย่างนี้หรือคะคุณกบิณฑ์” เสียงเขากร้าว สีหน้าดุตึงเข้ม
“นี่เลื่อมลนินไม่ต้องหาทางประชดผัวอย่างนั้นหรอก คุณออกไปไหนไม่ทราบ เลิกงานแล้วทำไมไม่กลับ ถ้ามีมารยาทบ้างก็โทร.มาบอกผัวก็ได้ ผมก็น่าจะอนุญาต ไม่ใช่จะกักขังตลอดหรอก”
“ค่ะ ฉันไปหาเพื่อน”
“แน่ใจ” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าที่คลางแคลง
“คุณไม่เชื่อหรือ”
“เอ้า คราวนี้เชื่อใจก็ได้” หล่อนโล่งอกคิดว่าคราวนี้จะต้องฟาดฟันสงครามประสาทกับเขาอีก
“แต่อย่าทำอย่างนี้บ่อย”
“ขอบคุณที่อนุญาต ฉันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวจะรีบไปไหน”
“ฉันเหนื่อย เหนียวตัว เดี๋ยวจะขออาบน้ำ”
“ก็ได้ แล้วเราคุยกันต่อ”
หล่อนรู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของเขาเลย ตื๊อเอาเรื่องชะมัด
อีกสิบนาทีต่อมา
“เรามาคุยกันต่อ ผมยังสงสัยอยู่”
“อย่ากวนสิคะ” เลื่อมลนินพยายามไม่สนใจ หล่อนอาบน้ำแล้วพยายามจะเข้านอน เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เกือบชิดดวงหน้าสวยหวานของหล่อน
“ฮื่อ หอมจริงๆ หอมไปทั้งเนื้อทั้งตัว” เลื่อมลนินพยายามเบี่ยงหนีเขา
“ได้ข่าวว่าคุณปากจัดมากไม่ใช่หรือกับแม่ของผม”
“อ้อ คุณแม่คุณฟ้องมายังไงหรือคะ” น้ำเสียงของเลื่อมลนินเริ่มขึ้นเสียงและเริ่มมีอารมณ์ หล่อนอยากหลับพักผ่อนเหลือเกินแต่เขามากวน
“นี่เลื่อมลนิน ยังไงก็แม่ผม เบาะๆ หน่อยก็ได้”
“อ้อ ใครแรงมาฉันก็แรงไปนั่นล่ะ” เลื่อมลนินเอ่ยเสียงเข้มหล่อนเริ่มฉุน
“ชักมีอารมณ์แล้วสิ คุณไม่ยำเกรงแม่ผม”
“อุ๊ยต๊ายตาย จะต้องให้นางบำเรออย่างดิฉัน ยำเกรงคนที่ข่มตัวเองแล้วคิดจะฆ่าฉันทางอ้อมหรือไงคะ แหม คิดถูกหรือผิดกันแน่คุณกบิณฑ์ แต่ขอให้คุณรู้เอาไว้ก็แล้วกัน ว่าคนอย่างเลื่อมลนินสู้ไม่ถอย”