ตอนที่ 13
“ทำไมคะ ฉันพูดผิดไปหรือเปล่า” คำพูดของหล่อนทำให้เขานิ่ง
“ถึงอย่างไรคุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผมกับครอบครัว จะเป็นยังไงก็ช่าง เป็นแค่นางบำเรออย่างคุณไม่มีสิทธิ์เกี่ยว”
“ค่า ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ล่ะ สงวนสิทธิ์ไม่ให้นางบำเรอมาเกี่ยวข้อง”
“จบแล้วหรือยัง จะไปทานข้าวด้วยมั้ย”
“เอ๊ะ” หล่อนขึ้นเสียงเพราะเขาออกแรงบังคับ
“จะบ้าแล้วหรือไงคุณ นี่คุณมายุ่งอะไรกับดิฉันไม่ทราบ”
“แล้วดิฉันเป็นอะไรกับผม เป็นเมียไม่ใช่หรือ อ้อ เป็นนางบำเรอ มันต้องตามไปปรนนิบัติผัวในห้องอาหารด้วยซีถึงจะถูก ผมกินข้าวไม่เป็นต้องมีคนป้อน”
“อย่าเจ้าเล่ห์มากนะคะคุณกบิณฑ์”
“ใครเจ้าเล่ห์ทูนหัว ผมก็พูดไปตามความจริง”
“อุ๊ย ดิฉันไม่อยากให้คุณนายพิณอำพันตามราวีถึงที่”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ผมเป็นด่านปราการคุ้มให้”
“คุณไม่ต้องยุ่งกับฉันเลย” หญิงสาวยิ้มเยาะใส่
“พวกเดียวกันแม่ลูก อย่าคิดว่าฉันจะหลงกลคุณ”
“แล้วคุณจะทำยังไงไม่ยอมทานข้าว”
“อ้าว มันท้องไส้ของฉันนี่คะ”
“แต่ผมก็ห่วงคุณ ไม่อยากให้คุณเรี่ยวแรงน้อย ใจเสาะอ่อนแอ”
“อ้อ กลัวว่าทำงานไม่คุ้มค่าแรงใช่ไหมคะ”
“เลิกพูดมากเลย จะไม่ให้ผมเห็นใจคุณบ้างหรือ”
“ขอบคุณค่ะที่เห็นใจดิฉัน แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันพึ่งตนเองได้ ยืนหยัดตนเองได้ ดิฉันไม่กลัวใครแน่นอน”
“ปากมากจริงนะแม่คุณ ทีเวลานี้ยังปากมากอีก ผมคงต้องปล้ำจูบคุณก่อนอาหารเที่ยงดีไหมนี่ จะได้หายโรคบ้านี่บ้าง เข้าใจกระทบกระเทียบระรานจริง”
“ฉันเปรียบคุณเป็นศัตรู ฉันต้องต่อสู้กับศัตรู”
“หยุดบ้าได้แล้ว”
“เดี๋ยวผมก็ปล้ำก่อนรับประทานอาหารเที่ยงจริงๆ หรอก ถ้าไม่ไปก็ตามใจเฮอะ แต่อย่าดอดออกไปหานัดแนะผู้ชายก็แล้วกัน ถ้าพ่อเห็นจะเอาเรื่องทันทีเลย เกลียดยิ่งนักพวกกากีกะหรี่ชาติ”
หล่อนสะอึก กบิณฑ์ด่าเข้าไปแสบลึกถึงทรวงใน จนหล่อนยืนเม้มริมฝีปากเรียวตามหลังขบแน่นด้วยความแค้นเคือง ผู้ชายอารมณ์พาลอย่างเขาคงทำได้แค่นี้ล่ะ ที่อารมณ์หัวฟัดหัวเหวี่ยงฟุ้งซ่านเพราะกลัวว่าหล่อนจะไปทำเล่นหูเล่นตาให้กับผู้ชายคนอื่น ฉันทำแน่คุณกบิณฑ์ในคราวต่อไป ถ้ามันทำให้คุณกระอักเลือดได้
ถ้าทำให้พี่น้องต้องมาทะเลาะกันได้เพราะหล่อน ใช่ อลัมไง หล่อนมองเห็นผู้ชายคนนี้เป็นเหยื่อไปเสียแล้ว ช่วยไม่ได้ เขาอยากอ่อนไหวและซื่อเกินไป อีกอย่างเขาก็เป็นหลานชายของคุณพิณอำพัน ก็จะทำให้หล่อนได้แก้แค้นคืนบ้าง
เหมาะพอดีเลยที่เขาเข้างานมาในช่วงนี้ แต่อลัมไม่เป็นพิษเป็นภัยกับหล่อน ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนก็ยอมรับได้ เพราะเขาตั้งใจทำดีเป็นมิตรกับหล่อนในนาทีแรก หล่อนอาจจะใช้อลัมเป็นเครื่องมือยั่วยวนกบิณฑ์ก็ได้ ให้พี่น้องทะเลาะกันเอง กบิณฑ์ก็จะได้รู้สึกเจ็บบ้าง กบิณฑ์กระแทกเท้าจากไปแล้วด้วยความไม่พอใจ
หล่อนคิดเหมือนกัน ทำไมหล่อนต้องตามใจเขา หล่อนจะตามใจตัวเอง กบิณฑ์ก็ร้ายกับหล่อนเหมือนกัน หล่อนไม่ลืมหรอกว่าหล่อนตกเป็นเบี้ยล่างของเขา แต่หล่อนจะให้เขาต้องจนมุมเพราะเบี้ยล่างอย่างหล่อน ในเมื่อหล่อนใช้ชีวิตและความสาวเป็นเครื่องเดิมพันไปแล้ว
ไม่มีสิ่งใดที่หล่อนหวาดกลัวถ้าจะต้องฟาดฟันกับผู้ชายคนนี้ เพราะเขาคนนี้ดูเหมือนเหมาะสมกับหล่อนจริง จัดคู่ได้เหมาะในด้านความร้ายกาจสูสีทัดเทียม แต่ต้องมีใครคนหนึ่งที่พ่ายแพ้วันยังค่ำ หล่อนคิดถึงอนาคต
งั้นเย็นของวันนี้หล่อนไม่กลับเข้าบ้านออกไปหาเพื่อนดีกว่า พัณสินีคือเพื่อนที่หล่อนนึกถึงเวลานี้ จึงนั่งแท็กซี่โดยไม่บอกกล่าวแก่เขา และหล่อนไม่ได้แวะไปที่คอนโด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงงานแห่งนี้นัก สามารถเดินได้ หล่อนแน่ใจว่าปลอดภัยจากกบิณฑ์ เขาไม่ทราบแน่นอนเพราะไม่ได้รายงานเขา แต่คิดว่าถ้าตัวหล่อนเองสามารถออกมาทำงานที่ข้างนอกได้แล้ว เขาก็ควรที่จะปล่อยหล่อนบ้าง ให้หล่อนเหมือนผู้คนทั่วไป หล่อนเรียกแท็กซี่ทันที และภาพนั้นย่อมทำให้หล่อนคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงเป็นอย่างมาก ร่างสูงของกบิณฑ์นั่นเอง ไม่อยากให้หล่อนคลาดสายตาเขานัก แต่ว่าหล่อนไปแล้ว ไปง่ายดายนัก เขาเจ็บใจตัวเองจนต้องยกกำปั้นทุบเข้าทันทีกับผนังตึกอิฐแดงใกล้ๆ พร้อมกับกำมือแน่น
คืนนี้เป็นไงเป็นกัน เธอต้องเห็นดีแน่เลื่อมลนิน...ออกไปไหนกัน นัดใครไว้ นัดผู้ชายไว้หรือไง ฮึ สันดานกากีกะหรี่ชาติ จากนั้นเขาเดินผลุนผลันก้าวออกไป ด้วยจิตใจร้อนรนและกระสับกระส่ายนัก พยายามจะทำใจเย็น เขาตั้งใจจะรับหล่อนกลับไปบ้าน ฉวยไปเร็วอย่างนี้นี่เอง
ขณะที่เดินไปนั้นร่างในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของกบิณฑ์ที่กระฟัดกระเฟียด พลันพบเจอกับอลัม น้องชายที่เดินตรงเข้ามา เขาจ้องตาหลานชายทันที
“มานี่ไอ้ตัวดี อย่านึกนะว่าฉันไม่เห็นอะไรตอนกลางวัน แกเข้าไปยุ่งอะไรกับเลื่อมลนิน”
เสียงเขาดังแต่ไม่ใช่ตะคอก ในเวลานี้แม้ไม่ได้ตะคอกแต่มันก็ทำให้คนอย่างอลัมหัวใจสั่น ตกใจขึ้นมาทันทีกับน้ำเสียงที่ดังและเอาเรื่อง เพราะไม่นึกว่าพี่ชายจะได้มาเห็น
“ผมแค่มาแสดงความหวังดีชวนเธอไปทานข้าว เพราะผมได้พบกับเธอในตอนเช้า”
“ตอนเช้า อ้อ...นี่นัดแนะพบกันแล้วหรือไง”
เสียงเขาเริ่มตะคอกไม่พอใจอย่างมาก ที่น้องชายเข้ามาก้าวก่ายสิทธิส่วนตัวของเขา ปากคอของอลัมยังสั่นและกลัว สีหน้าซีดตระหนกอย่างเห็นเด่นชัด
“ให้แกจำใส่กะลาหัวไว้ด้วย ผู้หญิงคนนั้นเป็นของฉัน”
“พี่แก๊ฟ” เขาอุทานออกมาเพราะรู้อยู่แล้วว่ากบิณฑ์เป็นคนโมโหร้าย
“ทำไม ที่ฉันพูดได้ยินไหม แล้วก็เข้าใจไหมวะไอ้ลัม”
“เข้าใจ” อีกฝ่ายตอบ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็กลับไปซะ อย่าให้ฉันเห็นแกมาป้วนเปี้ยนอีก ไม่งั้นแกรู้ฤทธิ์ฉันแน่”
คราวนี้แหละเสียงของกบิณฑ์จึงดังเหมือนตะคอกใส่ฝ่ายตรงกันข้าม ทำเอาอลัมลนลานจนต้องรีบเดินจากไปก้มหน้างุดๆ เหมือนคนไม่ผึ่งผายในบุคลิกเพราะขลาดกลัว
กบิณฑ์จ้องมองสีหน้าเหี้ยมเกรียมตามหลัง จากนั้นตัวเองก็ผลุนผลันเดินจากไปเหมือนกัน ขี้เกียจกลับไปบ้าน ไม่เจอเมีย ออกไปดีกว่า หาใครก็ได้ เพื่อนของเขา ไปหาศัสตราหรือว่าสรรพสิทธิ์กันดี?
ตอนดึกค่อยกลับมา กลับมาจัดการกับผู้หญิงตัวดีคนนั้น อยากรู้เหตุผลนัก ทำไมเห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง ฮึ ผู้หญิงเลี้ยงไม่เชื่องสิน่า