ตอนที่ 12
แต่หล่อนเป็นคนสวยจับใจอย่างมาก สวยมีเสน่ห์ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา สวยๆ อย่างนี้ไม่นึกว่าจะตกเป็นเหยื่อเจ้าเล่ห์ของพี่ชายเขา สวยมีเสน่ห์มากๆ น่ามองชม ไม่นึกว่าปากหล่อนจะจัดจ้านอย่างนี้
“คุณ...คุณเป็นใคร” หญิงสาวหันไปตามเสียงพร้อมละล่ำละลักถาม
“ผมเป็นหลานชายป้าที่คุณว่าด่าป้าผมเมื่อครู่นี้”
“หลานชายคุณนายพิณอำพัน” เอ่ยอย่างเหยียดยิ้ม ตั้งท่าจะเป็นศัตรูอีกคน
“อ้อ นี่ส่งกองทัพหน้ามาหรือ”
“เปล่า คุณเข้าใจผิด ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลย” เขาบอกตามตรง หญิงสาวนิ่งคิด
“คุณบอกกว่าคุณไม่รู้เรื่องเลย”
“ใช่ ผม...ผมชื่ออลัม เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่แก๊ฟ” เขาถามอีก
“คุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรครับ ผมเห็นคุณป้าพูดเหยียดหยามคุณเหลือเกิน ผมฟังแล้วยังตกใจเลย”
“ไม่ต้องตกใจค่ะ เป็นเรื่องปกติธรรมดา ลองไปถามพี่ชายของคุณดูสิคะ คนที่รู้ดีคือเขา” หล่อนโยนเรื่องไปให้ทางนั้น
“ผมไม่เคยเจอคุณเลย คุณสวยมากฮะ คุณชื่ออะไร”
“คุณนาย...เอ้อ...คุณป้าของคุณไม่บอกหรือคะ”
“ไม่บอกครับ ผมอยากจะรู้จักชื่อจากปากของคุณ”
“ฉันชื่อเลื่อมลนิน อนุสาวนีย์ มาอยู่ที่นี่เพราะความจำเป็นบางอย่าง”
“จำเป็นบางอย่าง หมายความว่ายังไงครับ”
“คุณอย่ารู้เรื่องอะไรเลยดีกว่าค่ะ จะดีที่สุด” หล่อนกล่าวสีหน้าเหยียดยิ้มเพียงเล็กน้อย แล้วก็ก้าวจากไป พลอยทำให้อลัมงงด้วย ที่หล่อนทิ้งปริศนาทำให้เขาไม่เข้าใจ ดีล่ะ งั้นแอบถามคุณป้าก็ได้ในเมื่อคุณป้าเห็นเขาเป็นหลานรักที่สุด
เลื่อมลนินอยากทำงานด้วยความสงบบ้าง แต่ใครๆ ก็มายุ่งวุ่นวายกับหล่อนเกินควร แต่การได้ทำงานถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับหล่อน ได้พบโน่นเห็นนี่บ้าง ซึ่งดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันเหมือนกับจองจำ แล้วนี่กบิณฑ์ไปไหนไม่ทราบ ดูเหมือนไม่คิดจะหาเรื่องระรานหล่อนอีกคน
เอาล่ะ หล่อนเตรียมตั้งหน้าตั้งตาสู้แล้วไม่แคร์ใครสักนิด เพราะเนื่องด้วยว่าเลื่อมลนินไม่มีอะไรต้องแคร์ หล่อนขอเขา เขาให้หล่อนทำงานก็ถือว่าทำตามสัญญา หล่อนไม่สบายใจ อารมณ์ฟุ้งซ่านมาหลายวัน การทำงานของหล่อนสามารถปรับเข้ากับสิ่งที่เคยเรียนมาบ้างแล้วเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเกี่ยวกับด้านบัญชี โปรแกรมคอมฯ ที่ต้องใช้หล่อนก็ใช้งานเป็น จึงไม่ยุ่งยาก ทำให้หล่อนเพลิดเพลินใจได้บ้าง
เลื่อมลนินยังนั่งจมปลักครุ่นคิดกับสิ่งที่ผ่านมา แม้การถูกระรานเมื่อครู่ของคุณพิณอำพันก็ตาม สิ่งนี้ทำให้หล่อนปวดใจไม่อยากทำก็ต้องทำ เมื่อถูกระรานก่อนจึงชิงความได้เปรียบโต้ตอบเอาคืนกลับไปให้สาสม ที่คุณนายอุตส่าห์แบกหน้ามาเพื่อหาเรื่องหล่อนเต็มที่
เวลาผ่านไปจวบจนใกล้เวลาเที่ยง เสียงเคาะประตูข้างนอกดังขึ้น เลื่อมลนินเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น
“คุณ...”
“สวัสดีครับ ผมอลัม ที่รู้จักกับคุณเมื่อตอนเช้า”
“ทำไมคะ” เลื่อมลนินถาม
“ดิฉันทำงานยังไม่เสร็จ”
“งั้นใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมว่าคุณออกไปทานข้าวเที่ยงเถอะครับ ผมจะออกไปด้วย”
ชายหนุ่มคนนี้แปลก เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับหล่อนด้วย หล่อนคิด คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวขมวดก่อนตอบว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณทานไปก่อนเถอะดิฉันยังไม่หิว ถ้าหิวเมื่อไหร่จะตามไปข้างหลังเองค่ะ”
ได้ฟังคำตอบของหล่อนอลัมจึงหมุนตัวเดินผ่านไป ที่จริงเขาอยากจะชวนหล่อนไปเป็นเพื่อน รู้จักกันแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร หล่อนดูเหมือนจะยอมรับเขา ไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจตีหน้าขึงใส่เขาเหมือนทำใส่คุณป้า อลัมคิดว่าเขาคงชวนผิดเวลานั่นเอง จึงพาฝีเท้าก้าวออกไป
และภาพนั้นชัดเจนพอที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินลิ่วมาตามทางเดิน จะมองเห็นภาพชัดเจนว่า อลัมกำลังเดินออกมาจากห้องเลื่อมลนินทำงานอยู่ เขารู้เพราะเขาเป็นคนพาเลื่อมลนินมาทำงานที่ห้องนี้ นี่ถึงกับกล้านัดแนะริพาผู้ชายเข้ามาข้างในเลยเชียวหรือ เลื่อมลนินเสน่ห์แรงตั้งแต่ยามเช้าของวันทำงานเลยนะ ฮึ เลี้ยงไม่เชื่อง
อลัมเดินเลี่ยงไปอีกทาง เลื่อมลนินยังนั่งจมปลักอยู่บนเบาะนุ่มของโซฟา หล่อนยังครุ่นคิดใจลอย กบิณฑ์ก็พรวดพราดเข้ามาทำให้หล่อนตกตะลึง แป๊บเดียวเท่านั้นเขาก็มาถึงร่างหล่อนจนเกือบประชิด สีหน้าเย้ยหยัน
“อ้อ นี่ฉลองการทำงานด้วยการพาผู้ชายมาเหยียบจมูกผมถึงที่เลยหรือเลื่อมลนิน”
เลื่อมลนินเขม้นมองเขานิดหนึ่ง หล่อนไม่สบอารมณ์นัก
“อ้อ เดือดร้อนหรือไงคะ”
“จะไม่เดือดร้อนได้ยังไง คุณเป็นใคร ทำไมไม่จดจำให้รู้บ้าง”
“โอ๊ย ไม่ต้องมาตอกย้ำทุกลมหายใจเข้าออกหรอกว่าฉันเป็นนางบำเรอของคุณ ฉันจำได้แม่น อาจจะจำถึงวันตายเลยก็ได้”
“ก็ดีที่จำได้ขนาดนั้น”
“แล้วที่ทำท่าจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงนี่เพราะแค่เรื่องนี้ใช่ไหมคะ ที่ไม่ไว้ใจดิฉัน โถ กระไรนี่คุณ คุณอลัมก็ใช่ใครอื่นนี่คะ ฉันว่าคุณคงเห็นตำตาแล้วล่ะ ยี่ห้อคุณกบิณฑ์นี่ ไม่เคยที่จะไม่รู้อะไรหมดทุกอย่าง”
“เริ่มยั่วผมอีกแล้วนะคุณ”
“ก็รึไม่จริง”
“จริงหรือไม่จริงผมไม่รู้ล่ะ เอาผู้ชายมาหยามถึงในห้องมันก็เหมือนเหยียบหัวของผม”
“อุ๊ยต๊ายตาย ไม่นึกเลยว่าคุณกบิณฑ์จะคิดอย่างนั้น นี่คือวิธีการหึงหรือหมาหวงก้างหรือเปล่าคะ”
“เลื่อมลนินอย่าปากจัดกับผมมาก เวลาผมไม่มีอารมณ์คือไม่มีอารมณ์ มันไม่ขึ้นหรอก”
“แต่ฉันก็อยากจะให้มันขึ้น”
“ลองปลุกสวาทผมซี ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ”
“บ้า” หล่อนกระแทกเสียงใส่
“ไป ออกไปได้แล้วผมจะทานข้าว เดี๋ยวผู้ชายหน้าไหนดอดมาพบอีก ผมไม่ยอมแน่”
“อุ๊ย ทำไมไม่เอาโซ่ล่ามกักขังฉันเลยล่ะ ถ้าทำถึงขนาดนั้น”
“ไม่ต้องพูดมาก ผมแค่มารับไปทานข้าว จะไปหรือไม่ไป” เสียงเขาแข็งตอบ
“ไม่ไปค่ะ” เลื่อมลนินตอบคำนั้น
“ส่วน...ถ้าฉันจะไป ฉันไปเองได้ ฉันมีขาเดิน คุณไม่ต้องมาบริการเต็มที่หรอก เพราะว่าคุณกำลังถูกคุณนายพิณอำพันเพ่งเล็งอยู่ไม่ใช่หรือ”
“อ้อ คุณก็อยากจะร่วมมือกับผม”
“ฉันไม่ร่วมมือกับคุณแน่”
“แล้วพูดทำไม”
“ฉันสังเวชมากกว่าที่คุณหนีพ้นการเป็นลูกแหง่ของแม่คุณไม่ได้”
“เลื่อมลนิน! นี่ชักจะมากเกินไปแล้วนะ”