“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ”
กองทัพเอ่ยทักทายอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นยาดมที่หล่นเมื่อครู่คืนให้เธอ ซึ่งเจ้าขาก็รับมันไปแต่โดยดี ใบหน้าสวยฉายแวววิตกกังวลเล็กน้อย ด้วยไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จะเจอกับผู้ชายที่ตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วยแค่เพียงชั่วคืนบนเครื่องบินลำนี้ หลังจากนั่งฮึบอยู่นานเจ้าขาก็ตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับคนหล่อตรง ๆ เพื่อถามในสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่
“นี่...คุณกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทยใช่ไหมคะ”
คุณนางเอกยิงคำถามใส่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้ทันที ในขณะที่กองทัพเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามนั้น และในวินาทีต่อมาใบหน้าหล่อเหลาก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มที่ว่ามันช่างมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกินสำหรับหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ สายตาว่าร้ายแล้วแต่รอยยิ้มกลับร้ายยิ่งกว่า ยิ้มแต่ละทีทำเอาเธอหายใจแทบไม่ทั่วท้องเลยแน่ะ
“เปล่าครับ ผมเป็นคนไทย พอดีเพิ่งเรียนจบจากอิตาลี แล้วตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับบ้านเกิด”
คราวซวยคงมาเยือนเธอจริง ๆ สินะ เจ้าขาลมแทบจับ รีบหมุนฝาเปิดยาดมแล้วจับยัดเข้าจมูกทันที โดยที่ไม่ได้นึกถึงภาพลักษณ์สาวงามล่มเมืองของตัวเองเลยสักนิด ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีนั้นทันที อะไรกัน แค่บอกว่าเป็นคนไทยนี่ถึงกับต้องดมยากันเลยทีเดียว
“แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะคะว่าเป็นคนไทย”
เมื่อสูดยาดมจนรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว เจ้าขาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่จะยิงคำถามใหม่ใส่ทันที แต่ครั้งนี้เจ้าขาเลือกที่จะพูดภาษาไทยกับเขาแทนภาษาอังกฤษ ก็แหม...ในเมื่อเขาเป็นคนไทย เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขาอีกต่อไปน่ะสิ
“ก็คุณไม่ได้ถามนี่ครับ จะว่าไปก็ไม่เห็นคุณถามอะไรผมเลยสักนิด นอกจากร้อง...อื้อ”
กองทัพยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เจ้าขาก็รีบยกมือขึ้นปิดปากคนลามกเอาไว้ทันที เมื่อเขากำลังจะหลุดพูดในสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า ในขณะที่พี่เอมมี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ เมื่อลูกสาวคนสวยยกมือขึ้นปิดปากผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งข้าง ๆ กัน ราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน ส่วนกองทัพเมื่อมีมือนุ่มหอม ๆ ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้ ก็จำต้องหุบปากไปตามระเบียบ
กองทัพสบตากับดวงตากลมโตของคนข้างกาย ที่กำลังมองเขาราวกับลูกแมวน้อยกำลังแยกเขี้ยวขู่เสือ ซึ่งมันดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยในความรู้สึกของกองทัพ ทางฝั่งคุณนางเอกเมื่อเห็นคนข้าง ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะพูดต่อก็ยอมลดมือลง พลางลอบมองซ้ายมองขวาอย่างกังวล เพราะเที่ยวบินนี้ไม่แน่อาจจะมีคนที่รู้จักเธออยู่ก็เป็นได้
“ถึงเมืองไทยเมื่อไหร่เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันค่ะ”
เจ้าขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูของคู่กรณี ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับน้อย ๆ โดยไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น เห็นแบบนั้นเธอก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนที่จะหลับตาลงช้า ๆ ตอนนี้สมองน้อย ๆ ของเธอรู้สึกสับสนและวุ่นวายไปหมด ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นคนอิตาลีกลับเป็นคนไทยเสียนี่ เธออยากจะบ้าตายเสียจริง
หลังจากนั้นก็ไร้ซึ่งบทสนทนาของคนทั้งคู่ ต่างคนต่างเงียบและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่จุดหมายปลายทางคือ ประเทศไทย เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงของการเดินทาง ในที่สุดเครื่องบินลำใหญ่ก็แลนดิ้งลงจอดยังจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ เสียงประกาศขอบคุณของเจ้าหน้าที่สายการบินปลุกให้เจ้าขาที่นอนหลับลืมตาตื่นขึ้น
ส่วนกองทัพก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเอมมี่ที่หันมาเจอชายหนุ่มเข้าเต็ม ๆ คุณผู้จัดการสาว (สอง) แทบหยุดหายใจกับความหล่อของผู้ชายที่นั่งข้างลูกสาวของเธอ ส่วนคุณนักแสดงก็รีบลุกขึ้นเดินตามร่างสูงไปติด ๆ เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องคุยและตกลงกับเขา
ไม่อย่างนั้นถ้าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเกิดมีคนรู้ขึ้นมา เธอได้ตกเป็นขี้ปากของคนทั้งวงการบันเทิงแน่ ๆ โดยเฉพาะคนที่พร้อมจะเหยียบย่ำเธอตลอดเวลา
“พี่เอมมี่ขาเดี๋ยวเจ้าขามานะคะ”
เจ้าขาบอกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังจะเดินไปรอรับกระเป๋า แต่เหมือนแค่มาบอกกล่าวไม่ได้มาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เอมมี่ได้เอ่ยถามอะไร นักแสดงในสังกัดก็รีบเดินตามใครบางคนออกไปเสียแล้ว
เดินไวเสียจริง...ในใจเธอก็นึกสงสัยว่าเขาจะไม่รอรับกระเป๋าหรืออย่างไร แต่เมื่อเห็นร่างสูงนั้นอยู่แวบ ๆ ก็รีบวิ่งไปคว้ามือหนาให้เดินตามเธอไปอีกทางทันที ซึ่งกองทัพก็ยอมให้ร่างบางจูงมือเขาแต่โดยดี โดยที่เจ้าขาไม่รู้เลยว่าภาพที่เธอเดินจูงมือกับชายหนุ่ม ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยฝีมือของใครบางคน
“ถ้าเราบังเอิญเจอกันอีก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไหร่ รบกวนทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อเดินมาถึงมุมลับตาคน เจ้าขาก็เปิดปากขอร้องอีกฝ่ายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อคนตรงหน้าให้เขาทำเป็นไม่รู้จักกับเธอ แต่จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รู้จักเธอมาก่อนนี่นา อ้อ...จะมีก็แค่เพียงร่างกายของเธอที่เขารู้จักเป็นอย่างดีทุกซอกทุมมุมเชียวล่ะ
“แล้วทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะครับ ก็ในเมื่อเราเคยเจอกันมาก่อน ถ้าบังเอิญเจอกันอีกครั้ง ผมก็แค่อยากทักทายคุณตามประสาคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี”
คำพูดที่แฝงไปด้วยนัยของกองทัพทำเอาเจ้าขาหนักใจและกังวลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเธอคุณหมอก็สงสัยไม่น้อยว่า ทำไมเขาถึงต้องทำเป็นไม่รู้จักเธอด้วยเล่า มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทำอย่างนั้นกัน
“ที่นี่กับที่อิตาลีมันไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเจ้าขาขอร้องนะคุณไค แมคคินสัน ถ้าเราบังเอิญเจอกันให้ทำเป็นไม่รู้จักกันด้วยนะคะ พลีส”
เจ้าขาทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งกองทัพให้อยู่กับความสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตามเธอไป แต่เดินไปได้แค่เพียงสองก้าวขาของเขาก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง ร่างสูงก้มลงเก็บสิ่งของที่เขารู้สึกคุ้นตาราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในขณะที่กำลังคิดว่าตัวเองเคยเจอของสิ่งนี้ที่ไหนมาก่อน ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็กก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เขากำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่อิตาลี
หมับ
กองทัพคว้ามือเด็กสาวที่เพิ่งเดินสวนกันก่อนหน้านี้เอาไว้มั่น ก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะหันกลับมามองคนที่วิ่งมาจับมือเธอเอาไว้ด้วยความตกใจ ครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากันกองทัพนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยกับความน่ารักสดใสของเด็กสาวตรงหน้า ในขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
พี่ผู้ชายคนนี้วิ่งมาจับมือเธอทำไมเนี่ย
“น้องทำของหล่นไว้ครับ พี่ทัพเก็บได้เลยเอามาคืน”
เด็กชายกองทัพคลายมือที่กำของสิ่งนั้นออกจากกัน เผยให้เห็นสร้อยล็อกเก็ตรูปหัวใจ เด็กหญิงเจ้าขาทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ของสำคัญขนาดนี้เธอทำมันหล่นหายได้อย่างไรนะเจ้าขา ถ้าหายไปมีหวังเธอได้เสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน
“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะที่เก็บมาคืนเจ้าขา ถ้าหายไปเจ้าขาคงเสียใจแย่เลย ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
เด็กสาวกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีจากใจ แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน กองทัพในวัยเยาว์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เจ้าขา”
คุณหมอกองทัพพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป มุมปากหนากระตุกยิ้มออกมาน้อย ๆ เจ้าของรอยยิ้มที่สดใสในวัยเด็กก็คือเธอนั่นเอง คนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกแปลก ๆ คล้ายกำลังตกหลุมรัก ทำไมโลกมันช่างกลมขนาดนี้ คนที่เคยพบกันด้วยเรื่องบังเอิญในวัยเยาว์ กลับมาพบกันอีกครั้งและอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า One Night Stand
“หึ ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะสาวน้อย”
ร่างสูงเอ่ยพึมพำเสียงเบา พลางก้มเก็บของสิ่งนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่มีพ่อเก้า แม่นับ แล้วก็น้องพราวรออยู่ ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขา
พี่ทัพกลับมาแล้วครับ