กองทัพเดินมาถึงทางออกของสนามบินก็ให้นึกแปลกใจ เมื่อเห็นคนหลายคนที่กำลังยืนถือกล้องพร้อมกับมองเข้าไปด้านในเกต ราวกับว่ากำลังรอการมาของใครอยู่ กองทัพเลิกให้ความสนใจกับคนเหล่านั้น แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดรอรับเขาอยู่ไม่ไกล แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ใครบางคนก็แทรกตัวเข้ามา แล้วรีบขึ้นไปนั่งด้านในทันที กองทัพได้แต่มองคนตัวเล็กที่ใส่หมวกสวมแว่นตาอย่างมิดชิดด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
เธอกำลังขึ้นรถผิดอยู่หรือเปล่านะ
แต่คนบนรถกลับดึงมือกองทัพให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน พร้อมกับยื่นมือมาปิดประตูรถด้วยความรวดเร็ว โดยที่ตัวเธอแทบจะเกยมานั่งตักเขาอยู่แล้ว ความใกล้ชิดนั้นทำให้กองทัพเผลอสูดกลิ่นหอมอันคุ้นเคยจากกายสาวเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนที่เจ้าขาจะถอดหมวกและแว่นตาออก เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใส กองทัพถึงกับเลิกคิ้วมองนิด ๆ ด้วยความแปลกใจกับพฤติกรรมของเจ้าขา ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดมาขึ้นรถของเขา
“ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งบอกว่า ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วนี่คือ...”
“ตอนนี้ออกรถก่อนเลยค่ะ ไปเลยค่ะพี่ ซิ่งเลยค่ะซิ่งเลย”
เจ้าขาไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม หากแต่เธอกลับตะโกนสั่งคนขับรถให้ออกรถ แต่รถกลับไม่ขยับตามคำสั่งของเธอ โยชิซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับมารับนายน้อยกลับบ้าน ได้แต่เหลือบตามองไปยังเบาะหลัง ก็เห็นนายน้อยพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ เพียงแค่นั้นโยชิก็ออกรถทันทีโดยไม่รอช้า
“เฮ้อ รอดตายแล้วเรา”
เจ้าขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่รอดพ้นจากกองทัพนักข่าว เดาว่าพวกเขาน่าจะมารอสัมภาษณ์เรื่องที่เธอไม่ได้ถูกเลือกให้รับบทนางเอกละครของนักเขียนชื่อดังแน่ ๆ แต่ตอนที่เธอเดินทางไปอิตาลี เธอก็ไปแบบเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้บอกใครเลยนี่ เพราะเป็นการเดินทางไปด้วยเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน แต่ทำไมพอกลับมานักข่าวถึงพากันมารอเธอที่หน้าสนามบินกันนะ ต้องมีใครคาบข่าวไปบอกพวกนักข่าวแน่ ๆ ว่าเธอกลับมาเมืองไทยวันนี้
“แล้วไงต่อครับ”
เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาเจ้าขาสะดุ้งน้อย ๆ เพราะคนข้าง ๆ ถามเธอแบบใกล้ชิดมาก ก่อนที่เจ้าขาจะค่อย ๆ หันหน้ามาเพื่อจะอธิบายเรื่องราวให้กับที่พึ่งพายามยากของเธอในวันนี้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กองทัพยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แก้มเนียน มันเลยทำให้ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอชนเข้ากับริมฝีปากหนาโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณนางเอกสะดุ้งโหยงรีบขยับถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่คนข้างกายกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางกอดอกมองหน้าเธอราวกับกำลังรอคอยคำตอบที่ต้องการ
“เจ้าขาไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคุณนะคะ พอดีเจ้าขาเจอศึกหนักนิดหน่อย ก็เลยทำตัวเสียมารยาทด้วยการกระโดดขึ้นรถของคุณ รบกวนจอดรถให้เจ้าขาข้างหน้านี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเจ้าขาโบกแท็กซี่กลับที่พักเอง”
เจ้าขาบอกคนข้างกายด้วยความเกรงใจและรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นคนบอกให้เขาทำเป็นไม่รู้จักเธอ แต่กลับเป็นเธอเองที่กระโดดขึ้นรถของเขามา ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีนักข่าวมารออยู่ จะเดินหลบออกไปทางอื่นก็ไม่ทันเสียแล้ว ซึ่งในช่วงที่กำลังหาทางหนีทีไล่ ก็เหลือบไปเห็นเขาเข้าพอดี จึงรีบวิ่งตามมาและทำตัวเสียมารยาทด้วยการกระโดดขึ้นมาหลบบนรถของเขา
“หึ ขึ้นมาแล้วคิดว่าจะลงไปได้ง่าย ๆ หรือไง นี่มันบนทางด่วนนะครับคนสวย”
ประโยคนั้นของคนตรงหน้า ทำให้เจ้าขาได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้เขาด้วยความเกรงใจ แต่คุณเจ้าของรถกลับทำเนียนด้วยการขยับเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าขาที่ขยับถอยหนีทันที เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เธอ จนกระทั่งไหล่บอบบางชนเข้ากับประตูรถจนเธอไม่สามารถขยับหนีต่อไปได้ สบโอกาสให้ร่างสูงยกมือทั้งสองข้างยันประตูรถเอาไว้ จึงกลายเป็นว่าเจ้าขาตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยปริยาย
“ลงเครื่องมาบอกว่าให้ทำเป็นไม่รู้จัก แต่พอผมจะไปกลับวิ่งขึ้นรถตามมา นี่ไม่ได้จงใจขึ้นมาอ่อยกันบนรถใช่ไหม หืม”
กองทัพเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา หากแต่ปากของเขากลับคลอเคลียแก้มนุ่มไม่ห่าง พร้อมสูดความหอมชื่นใจเข้าไปเต็มปอด ส่วนเจ้าขาเมื่อได้ยินคำกล่าวหาของคนที่กำลังกักเธอไว้ในอ้อมแขน ก็ตวัดตามองค้อนยกมือขึ้นมาเตรียมจะฟาดหน้าคนที่กำลังคลอเคลียแก้มเธออยู่ แต่กองทัพกลับรู้ทัน รีบยกมือขึ้นมารับฝ่ามือบอบบางเอาไว้
“คนบ้า...ใครเขาอ่อยกันล่ะ เจ้าขาก็บอกไปแล้วไงว่ามันมีเหตุจำเป็นนิดหน่อย เจ้าขาก็เลยวิ่งมาขึ้นรถของคุณ เหอะ สวย ๆ แบบเจ้าขาไม่จำเป็นต้องอ่อยใครหรอกค่ะ มีแต่ผู้ชายจะเดินตามน่ะสิไม่ว่า”
พูดจบก็บึนปากงอแงราวกับเด็กสามขวบ พลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยทำเอากองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีงอนแบบเด็ก ๆ
เด็กคนนี้ช่างน่ารักจริง ๆ
“แต่เอ...รู้สึกว่าตอนอยู่ที่อิตาลีนี่ใช่เจ้าขาไหมนะ ที่เดินตามผมออกมาจากผับ แล้วจบลงบนเตียงด้วยความเร่าร้อน”
กองทัพไม่เพียงแค่พูด หากแต่เขายังเป่าลมใส่ใบหูเล็ก จนเธอรู้สึกสยิว ใบหน้างามจะค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะสิ่งที่เขาพูดมา เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แล้วอย่างไรล่ะมันจบไปแล้ว ก็แค่สนุกด้วยกันคืนเดียว เธอไม่คิดจะสานต่อเสียหน่อย
“รบกวนจอดรถให้ให้เจ้าขาด้วยค่ะ เดี๋ยวเจ้าขาโบกรถกลับเอง”
เจ้าขาเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นบอกเขาให้สั่งคนรถจอดรถข้างหน้า แต่คนหน้ามึนกลับทำราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอบอก
“พักที่ไหนเดี๋ยวไปส่ง นี่มันก็ดึกแล้ว ผู้หญิงขึ้นรถคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย”
ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงคนข้าง ๆ จึงเอ่ยอาสาไปส่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนยิ่งเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้านั่งรถกลับที่พักคนเดียวอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นก็ได้ ถึงเขากับคนที่นั่งข้าง ๆ จะไม่ได้มีสถานะที่จำเป็นต้องมานั่งห่วงใยกัน แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทิ้งเธอเอาไว้กลางทาง เพื่อให้เธอโบกรถกลับเองแน่ ๆ
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าขาเกรงใจ แค่กระโดดขึ้นมานั่งบนรถของคุณไคก็นับว่าเสียมารยาทมากพอแล้ว”
เจ้าขาบอกด้วยความเกรงใจ แต่คนมีน้ำใจกลับยิ้มออกมา พลางใช้สายตาอ่อนโยนจ้องมองเธอ จนร่างเล็กรู้สึกสั่นไหวในใจ สายตาคู่นี้สินะที่ล่อลวงให้เธอเดินตามเขาไปจนถึงหน้าประตูห้อง พร้อมกับเปิดประตูเข้าไปพบกับความหฤหรรษ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“แต่ผมไม่ถือนี่ บอกมาเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเอง เดินทางกลับจากอิตาลีด้วยกันมาจนถึงประเทศไทยแล้ว เดินทางต่อไปด้วยกันอีกนิดจะเป็นไรไป อย่างไรไปถึงสุดทางก็แค่เอ่ยคำร่ำลากันอยู่ดี”
คำพูดนั้นทำให้เจ้าขาเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้เธอด้วยความจริงใจ อยู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมา เมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกลาเขาจริง ๆ แต่ในที่สุดเจ้าขาก็ยอมบอกทางกลับคอนโดแต่โดยดี เพราะนี่มันก็ดึกแล้วอย่างที่เขาว่า ขืนเธอไปยืนโบกรถอยู่ข้างทางอาจจะไม่ถึงบ้านก็ได้คืนนี้
รถยุโรปคันหรูจอดลงที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของหญิงสาว แต่คนที่นั่งมองสองข้างทางในตอนแรก กลับนอนหลับซบไหล่เขาอย่างสบายใจ ส่วนมือเล็กก็กอดเอวสอบเอาไว้ราวกับว่า ร่างกำยำนี้คือหมอนข้างใบโปรดที่เธอชอบนอนกอดทุกคืนก่อนนอน กองทัพมองใบหน้าเนียนสวยของคนที่กำลังกอดเขาอยู่ ก่อนที่จะก้มลงแอบหอมหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา แต่สัมผัสนั้นกลับทำให้เจ้าขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
แต่เมื่อคุณนางเอกเห็นว่าตัวเองกำลังนอนซบไหล่กอดเอวคนตรงหน้าอยู่ ก็รีบเด้งตัวออกราวกับว่าอีกฝ่ายคือของร้อนที่เธอเผลอไปแตะเข้า ก่อนที่จะมานั่งสะบัดหน้าไล่ความง่วงงุน
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งเจ้าขา”
เอ่ยขอบคุณคนที่นั่งอยู่ข้างกาย เขาพยักหน้ารับคำขอบคุณนั้น มือบางจึงยื่นไปดึงประตูเตรียมเปิดลงไปจากรถ แต่กลับค้างมือเอาไว้ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มให้คนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกัน พร้อมกับเอ่ยคำลาที่กองทัพรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
“ลาก่อนนะคะ หวังว่าเราคงไม่ได้พบกันอีก”
จบประโยคนั้นร่างบางก็รีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที กองทัพได้แต่มองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินห่างออกไปพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้โยชิออกรถทันที เพื่อเดินทางกลับบ้านป่านนี้แม่นับกับพ่อเก้าคงนั่งรอการกลับมาของเขาอยู่เป็นแน่ แต่ในระหว่างทางที่รถจอดติดไฟแดง กองทัพที่มองออกไปหน้าต่างรถก็สะดุดเข้ากับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางใจเมือง
คิ้วเข้ม ๆ ขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เพราะผู้หญิงที่กำลังโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ เป็นคนเดียวกับคนที่เพิ่งเดินลงจากรถของเขาไปก่อนหน้านี้ และเมื่อรถออกตัวแล่นไปตามทางเรื่อย ๆ กองทัพก็ได้พบว่า ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ป้ายโฆษณาที่มีแต่รูปของเจ้าขาเต็มไปหมด จนเขาทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไว้ จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาชื่อของเจ้าขา เพียงแค่กดคำว่าค้นหาชื่อของ เจ้าขา จันทร์กระจ่างก็ปรากฏบนหน้าจอทันที
“หึ ที่แท้ก็เป็นนางเอกดังนี่เอง มิน่าล่ะ ถึงบอกให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน”
กองทัพยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยราวกับกำลังเจอเรื่องที่ถูกใจ และใช่ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกสนุกอยู่เชียวแหละ ประสบการณ์วันไนท์สแตนด์ที่เป็นแค่เรื่องธรรมดาสำหรับเขา กลับกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะผู้หญิงที่เขาเผลอไปมีความสัมพันธ์ด้วย เธอไม่ใช่คนธรรมดาแต่กลับเป็นนางเอกชื่อดัง
หึ ยิ่งเธอผลักไสเขาด้วยคำว่าลาก่อน เขายิ่งจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับกล่าวคำว่าสวัสดีอีกครั้งอย่างแน่นอน
“แล้วเจอกันเจ้าขา จันทร์กระจ่าง”
กองทัพพึมพำเสียงเบาขณะที่รถกำลังแล่นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเลี้ยวเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี บ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านที่มีครอบครัวแสนอบอุ่นกำลังรอการกลับมาของเขาอยู่ แต่เมื่อกองทัพเปิดประตูรถลงมาจากรถ เสียงที่ร้องเรียกเขากลับไม่ใช่เสียงของบิดามารดาหากแต่เป็น...
“กองทัพหลานป้ากลับมาแล้ว”
เสียงที่ได้ยินทีไรมักทำให้กองทัพรู้สึกสยดสยองทุกครั้ง ชายหนุ่มมองภาพคุณป้าแก้มใสวิ่งมาด้วยความคิดถึง ที่หลานชายกลับมาเมืองไทยสักที หลังจากที่ถูกส่งตัวไปเรียนที่อิตาลีตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ขวบ พร้อมทั้งหอมแก้มหลานชายสองข้างด้วยความยินดีปรีดา ท่ามกลางสายตาของนับดาวกับเก้าทัพที่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคุณป้าที่เห่อหลานจนหลงลืมลูกสาวกับลูกชายที่กอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ด้านหลัง