อสมาวิ่งตามมาเห็นร่างสูงโปร่งของผู้เป็นพี่ชายหยุดยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ริมถนนใหญ่
"พี่ปัณณ์ แฮ่ก ๆ ไม่ทันเหรอ?"
"อืม.."
"พอจะมีที่อยู่นะ เดี๋ยวหนูมาตามให้เอามั้ย?"
"ช่างเถอะ "
ปัณณ์ โบกมือขึ้นเป็นการห้ามปราม เขารู้สึกว่ากำลังละเมิดข้อมูลส่วนตัวของคนอื่นมากเกินไป ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขาจริงๆ ปลายฝนก็คงบอกแล้ว อาจจะแค่บังเอิญที่หน้าตาเด็กคนนั้นคล้ายเขา แวบแรกที่เห็นเขาก็แค่ตกใจที่เด็กคนนั้นหน้าเหมือนเขาอย่างกะถ่ายเอกสารออกมาและแปลกใจที่รู้ว่าปลายฝนแต่งงานมีลูกแล้ว
ถ้านับเวลาได้รวมกับเวลาตั้งครรภ์แล้วเด็กคนนั้นก็มีอายุเท่ากับที่เขามีอะไรกับปลายฝนพอดี ก็อาจจะไม่ใช่ บางทีปลายฝนอาจจะมีแฟน อืม...ให้ตายเถอะทำไมต้องมาคิดมากเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
เรื่องระหว่างเขากับปลายฝนมันไม่สมควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ไม่สมควร
"พี่กลับก่อนนะ พอดีมีงานด่วน"
"พี่ปัณณ์อยากเจอเด็กคนนั้นทำไมคะ หรือว่าพี่ปัณณ์..."
"หนูมา! อย่าพูดเพ้อเจ้อ กลับไปทำงานได้แล้ว"
ขึ้นเสียงเข้มใส่น้องสาว เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ที่เสียกิริยาไปก่อนหน้าก็ขายหน้าอสมามากพอแล้ว ปกติเขาจะดูนิ่งๆไม่สะทกสะท้านกับเรื่องใดๆ แต่เรื่องเมื่อครู่ทำเอาอสมาถึงกับเกาหัวแกร่กๆ
'เป็นบ้าอะไรของเค้าอีก'
แอบค้อนพี่ชายในใจ
"ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูมาเข้าออฟฟิศก่อน"
อัสมาเดินกลับไปแล้ว ส่วนปัณณ์ก็ปลีกตัวเดินมาขึ้นรถเก๋งส่วนตัวที่จอดเทียบฟุตบาทอยู่ไม่ไกลจากที่เขาอยู่มาก เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถ ชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งกลับติดอยู่ในหัวสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
พลัน..คิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ปลายฝน!
เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขามีในตอนนั้น เขาเองที่เป็นคนผลักเธอให้ออกไปจากชีวิต หลังจากนั้นเขาก็หนีหายไปเรียนต่อ บล็อกเธอทุกช่องทางการติดต่อ
แววตาใส่ซื่อบริสุทธิ์ที่ดูจริงใจของเธอคู่นั้น แท้จริงกลับซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้เอาไว้ข้างใน เธอแอบรักแอบมีใจให้เขาโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ว่าเพื่อนคนหนึ่งที่เขาให้เข้ามาในเซฟโซนมากที่สุดกลับคิดไม่ซื่อกับเขาตลอดเวลา
ใช่ เขาเกลียดความรัก เกลียดความสัมพันธ์แบบนั้น แต่เขาก็พลาด พลาดที่ไว้ใจปลายฝนมากเกินไปบวกกับฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ที่ผสมในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในคืนนั้น จะฝีมือใครถ้าไม่ใช่ฝีมือของเธอ
ปัณณ์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธขึ้งเมื่อนึกถึงเรื่องราวคืนนั้น เขาโคตรจะขยะแขยงผู้หญิงแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่หน้าตาใสๆซื่อๆจะกล้าใช้ยาปลุกเซ็กส์เพื่อแค่อยากจะมีอะไรกับเขา
ทว่า สมองของเขาตอนนี้กลับโดนชื่อผู้หญิงคนนี้รุกรานอย่างหนัก ถ้าไม่สืบให้รู้แจ้งว่าใครเป็นพ่อเด็กเขาคงอยู่ไม่สงบสุขไปหลายวัน คิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังออกมาจากกระเป๋าในเสื้อสูททันที
'ฮะโหล เขื่อนกูมีเรื่องจะถามมึงหน่อย'
(ว่า..)
'จำปลายฝนได้มั้ย?'
(อืม ๆ จำได้ ถามทำไม?)
'แต่งงานมีลูกแล้วเหรอ?'
(เรื่องนี้กูก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นเธอเคยมางานเลี้ยงรุ่น ในกรุ๊ปไลน์ก็ไม่มีนะ ถามทำไมหรือว่ามึง..จะคิดถึง)
'หุบปากมึงเลย กูก็แค่ถามเฉยๆ'
ไอ้ห่าไร้ประโยชน์ ไม่น่าแชทไปถามไอ้สันเขื่อน เอ้ย หมอเขื่อนเลยนอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้วยังทำให้รู้สึกเครียดหนักกว่าเดิมไปอีก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
"ปลาย!!"
รักตาภาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในล็อคขายเสื้อผ้าของฉัน วันนี้ฉันมาตั้งแผงขายเสื้อผ้าแถวตลาดนัดจตุจักร โดยมีรักตาภามาเป็นผู้ช่วย ส่วนปริมน้อยไปเรียนพิเศษ หลังจากขายของเสร็จฉันก็จะกลับไปรับลูกกลับบ้านทีเดียว
"เรียกซะเสียงดังมีอะไร ได้ผู้ใหม่เหรอ?"
"ไม่ใช่ ปริม ปริมผ่านเข้ารอบล่าสุดแล้ว ได้คะแนนอับดับหนึ่ง หลังจากที่ติดอยู่อันดับสามมาหลายวัน แปลกมาก!"
รักตาภาทำตาโตพร้อมกับกระโดดโลดเต้นส่งเสียงกรี๊ดออกมา ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาถึงกับหันมองเป็นทางเดียวกัน แต่ทว่ารักตาภาซะอย่างแคร์ใครซะเมื่อไหร่
"เบา ๆ คนมองใหญ่แล้ว ไหนเอามาดูหน่อย"
"นี่ ๆ คนกดไลค์เป็นแสน หมดเวลาโหวตแล้วด้วย ไม่คิดเลยว่ายอดไลค์จะมาแรงแซงทางโค้งสุดท้ายพอดี"
"แล้ว ๆ อันนี้ได้เงินแล้วใช่ป่ะ?"
ฉันรู้สึกพลอยตื่นเต้นไปด้วย แต่แสดงอาการน้อยกว่ารักตาภา
"ใช่ พรุ่งนี้เธอต้องพาตาปริมไปเซ็นสัญญาที่ออฟฟิศของคุณอสมาเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าจ่ะ"
"เธอไปแทนไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปหาหมอซะหน่อย ช่วงนี้รู้สึกเวียนหัว"
"ไม่ได้ ต้องให้ผู้ปกครองตัวจริงไป เพราะมันเป็นสัญญาผูกขาดกับแบรนด์ เธอจะต้องเป็นคนไปเซ็นเองเท่านั้นจ้ะ เอาเถอะน่าฉันจะไปด้วย หลังจากนั้นค่อยแวะไปหาหมอ โอเคตกลงตามนี้"
รักตาภาพูดรวบรัดจนฉันไม่อยากปฎิเสธ ถึงเธอจะเป็นตัวต้นเรื่อง แต่ฉันซึ่งเป็นผู้ปกครองตัวจริงก็ต้องไปเองนั่นแหละคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เฮ้อ เงินห้าหมื่นค่าเทอมปริมน้อยเทอมนี้ฉันไม่ต้องปวดหัววิ่งหาเงินตัวเป็นเกลียวไปอีกสักพัก ไหนจะเงินค่าตัวพรีเซนเตอร์อีก คิดพรางอมยิ้มด้วยความภูมิใจในตัวของลูก ไม่เคยคิดว่าปริมจะมีโอกาสได้เข้าวงการบันเทิงกับเขาด้วย
'ซุปตาร์ตัวน้อยของแม่'