ในขณะเดียวกัน
ทางด้านพระตำหนักบูรพา
ร่างงามระหงของเฉินวาวาเดินรับลมที่พาดผ่านอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตำหนักรับรอง จนมาถึงศาลากลางน้ำ ภายในนั้นมีตั่งพระที่นั่งพร้อมโต๊ะซึ่งมีชุดน้ำชาวางเอาไว้ บนโต๊ะมีกระดานหมากล้อมซึ่งเล่นค้างเอาไว้วางอยู่หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปบริเวณดังกล่าวทันที
“มีคนเล่นหมากล้อมค้างไว้อย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวพึมพำด้วยความสงสัยพลางก้มลงมองไปที่กระดานหมากล้อมตรงหน้าเพื่อพิจารณาหมากเกมนั้นที่ยังเดินไม่จบกระดาน
สมองอันชาญฉลาดของเฉินวาวาที่มีไอคิวอยู่ในระดับสูงมองปราดเดียวก็ล่วงรู้ว่าจะแก้หมากกระดานนี้ได้อย่างไร ด้วยในยุคอนาคตหญิงสาวเรียนรู้การเล่นหมากรุก รวมไปถึงหมากล้อมของจีนโบราณด้วยความชื่นชอบเป็นส่วนตัวจนได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย
มือเรียวสวยค่อยๆ หยิบตัวหมากที่อยู่ในถ้วยซึ่งทำจากหยกเนื้อดีค่อยๆ วางตัวหมากเพื่อแก้เกมบนกระดาน ก่อนจะหยิบตัวหมากมาเพิ่มพร้อมวางลงไปท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด
“คนที่เล่นหมากล้อมบนกระดานนี้ค้างไว้เก่งมากเลย วางหมากได้ยอดเยี่ยมมากแต่บังเอิญมาเจอกับเฉินวาวาก็เลยแก้หมากเกมนี้ได้ซะงั้น เอาเป็นว่าขออนุญาตวางหมากพิสดารทิ้งไว้ให้ชวนขบคิดเล่นๆ ไปพลางๆ ก่อนนะเจ้าคะ ถ้าโชคดีคงจะได้มีโอกาสประลองหมากวัดฝีมือด้วยกัน” หญิงสาวพึมพำด้วยความภาคภูมิใจที่วางหมากแกล้งคนเอาไว้
“องค์หญิงเพคะ” เสียงของนางกำนัลมู่อิงดังขึ้นด้านหลัง
ร่างระหงขานรับตอบกลับไปตามเสียงเรียกดังกล่าวทันทีโดยไม่หันกลับไปมองเสียด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอมู่อิง” หญิงสาวส่งเสียงถามกลับไป
“เสด็จกลับเข้าตำหนักเถิดเพคะ ที่นี่ลมแรงตากลมนานจะทำให้ทรงพระประชวรเอาได้ อีกอย่างพระกระยาหารค่ำจัดเตรียมพร้อมเสวยแล้วเพคะ” นางกำนัลมู่อิงกราบทูลรายงาน
เฉินวาวาพยักใบหน้าสวยขึ้นลงติดๆ กัน ครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ไปสิ! ข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน” หญิงสาวละสายตาจากกระดานหมากล้อม หันหลังเดินกลับตำหนักรับรองโดยมีมู่อิงเดินตามหลังไปติดๆ
ในขณะที่เฉินวาวาเดินกลับเข้าตำหนักรับรองพลันนึกถึงของใช้ส่วนตัวขึ้นมาทันใดครั้นเธอเห็นภายในตำหนักยังคงว่างเปล่าไม่ปรากฏหีบสัมภาระของเธอแต่อย่างใด
“มู่อิง! สัมภาระของข้ายังไม่เอาเข้ามาในตำหนักอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวถามกลับไป
ครั้นนางกำนัลสาวได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นมาได้ทันที
“หม่อมฉันไหว้วานให้ท่านลู่เหอสั่งให้เหล่านางกำนัลและขันทีของตำหนักนี้นำของส่วนพระองค์มาส่งให้ที่พระตำหนักแล้วเพคะ” มู่อิงเอ่ยตอบกลับไป
และนั่นทำให้เฉินวาวาส่ายหน้าไปมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แล้วเจ้าคิดว่าลู่เหอล่วงรู้อย่างนั้นเหรอว่าหีบใบไหนเป็นสัมภาระส่วนตัวของข้าเล่ามู่อิง” เฉินวาวาเอ็ดนางกำนัลคนสนิทจนทำให้นางหน้าเสียขึ้นมาทันที พลางรีบเดินตามเสด็จองค์หญิงของตนเมื่อเห็นพระวรกายงามระหงหันหลังกลับเดินออกจากตำหนักรับรอง
ครั้นเฉินวาวาเดินออกมาถึงด้านหน้าซึ่งเป็นทางเข้าพระตำหนักบูรพา หีบสัมภาระมากมายยังคงตั้งอยู่เช่นเดิมยังมิได้ถูกขนเข้าไปข้างใน หญิงสาวรีบตรงปรี่เข้าไปทันที
“มู่อิงมาช่วยข้ายกหีบใบนี้เร็วๆ เข้า” หญิงสาวกล่าวพร้อมลงมือยกหีบดังกล่าวด้วยตัวเอง
“ว้ายยย! องค์หญิงทรงวางลงเพคะเดี๋ยวหม่อมฉันจะรีบไปเรียกขันทีด้านหน้ามาช่วยกันยกเข้าไปข้างใน” นางกำนัลสาวร้องห้ามเสียงหลงพร้อมรีบวิ่งตรงปรี่เข้าไปห้ามปรามองค์หญิงของตน
“ไม่เป็นไรหรอกมู่อิง แค่หีบนี้ใบเดียวกว่าจะรอคนมายกเสียเวลาเปล่าๆ เพราะของในหีบนี้ข้าจำเป็นต้องใช้ในการแปลงโฉมรู้หรือเปล่า” หญิงสาวกล่าวกับนางกำนัลคนสนิท
“ถึงกระนั้นเถอะเพคะ ทรงวางพระหัตถ์เดี๋ยวหม่อมฉันยกเอง” นางกำนัลสาวส่งเสียงห้ามปราม
ทั้งสองมิรู้ตัวเลยว่าบัดนี้มีสายตาสองคู่กำลังจับจ้องทั้งสองอยู่ในขณะนั้น คู่หนึ่งอยู่ทางด้านหลังของเธอตรงหน้าประตูพระตำหนักบูรพา หากแต่อีกคู่เป็นสายตาที่มองจากตำหนักใหญ่ที่มาเห็นเข้าด้วยความบังเอิญ
“เจ้าสองคนกำลังทำอะไร!” เสียงนั้นเอ่ยถามอยู่ทางด้านหลัง
ทั้งเฉินวาวาและนางกำนัลมู่อิงต่างหยุดชะงักขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินเสียงของบุรุษดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังของเธอ หญิงสาวค่อยๆ หันกลับไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นบุรุษร่างสูงในชุดสีขาวคล้ายชุดเจ้าบ่าวในสมัยโบราณยืนอยู่ตรงหน้า
“ตุ้บ!” ม้วนไม้ไผ่ที่เป็นหนังสือระหว่างแคว้นซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ร่วงหล่นตกพื้นทันที ด้วยอาการตกตะลึงพรึงเพริด ครั้นได้ทอดพระเนตรใบหน้างามลึกล้ำของนางร้ายหน้าสวยจากยุคอนาคตของเฉินวาวาด้วยความบังเอิญ
และบุรุษร่างสูงมิใช่ใครอื่น แต่เป็นองค์รัชทายาทโจวจื่อถงนั่นเอง พระองค์เสด็จมาหาชินอ๋องเพื่อขอร้องเสด็จอาเป็นการส่วนพระองค์ให้ทรงรับองค์หญิงจากแคว้นฉู่ไปเป็นพระชายา รัชทายาทหนุ่มทรงยืนนิ่งงันอยู่กับที่มิยอมขยับพระวรกายแต่อย่างใด
ในขณะที่เฉินวาวามองร่างสูงตรงหน้าซึ่งสวมชุดเจ้าบ่าวในสมัยโบราณของเชื้อพระวงศ์ เพียงแรกเห็นเธอล่วงรู้ทันทีว่าต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเทียนโจวอย่างแน่นอน ทว่ายังมิทันจะกล่าวสิ่งใดองครักษ์คนสนิทที่คอยอารักขาองค์รัชทายาทเดินตามหลังมาทันพอดีพร้อมเอ่ยแทรกขึ้นมาโดยพลัน
“เจ้าสองคนบังอาจยิ่งนัก เหตุใดพบองค์รัชทายาทแล้วยังกล้ายืนเทียบเท่าตีเสมอพระองค์เช่นนี้... คุกเข่าลง!”
ครั้นหญิงสาวล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของบุรุษตรงหน้า เธอไม่รอช้ารีบแก้สถานการณ์ออกไปทันใด เมื่อนางกำนัลมู่อิงกำลังอ้าปากจะเปิดเผยสถานะของเธอ หญิงสาวเอื้อมมือไปด้านหลังของนางกำนัลคนสนิทพร้อมใช้มือสะกิดพลางกระซิบเบาๆ
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นมู่อิง ปิดปากให้สนิทข้าจัดการเอง” หญิงสาวกล่าวกับคนสนิทของเธอท่ามกลางความแปลกใจของนางกำนัลสาวเหตุใดหนอองค์หญิงของตนจึงมีรับสั่งเช่นนั้น
ร่างงามระหงรีบทรุดกายลงนั่งกับพื้นทันทีพร้อมฉุดร่างนางกำนัลมู่อิงให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นด้วยเช่นกัน ใบหน้าสวยรีบก้มหน้ามองพื้นพร้อมเอ่ยขึ้น
“ถวายบังคมเพคะ” หญิงสาวกล่าวออกไปพร้อมวิญญาณนักแสดงเริ่มสิงร่างเฉินวาวาเข้ามาทันที
“หม่อมฉันทั้งสองขอประทานอภัยด้วยเพคะ ที่มิทราบว่าพระองค์คือองค์รัชทายาทเนื่องจากเพิ่งเข้ามาในวังหลวงของแคว้นเทียนโจวนี้เป็นครั้งแรก” เฉินวาวากราบทูลกลับไป
ครั้นรัชทายาทรูปงามทรงได้ยินเสียงหวานของสตรีสาวที่มีความงดงามลึกล้ำอย่างยิ่งยวดกราบทูลกลับมาเช่นนั้น พระองค์ค่อยๆ ทรุดพระวรกายลงนั่งกับพื้นพร้อมยื่นพระหัตถ์ตรงเข้าประคองร่างอรชรให้นางลุกขึ้นยืน พระองค์ทอดพระเนตรเฉินวาวาอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องมากพิธีตามสบาย เจ้าลุกขึ้นยืนเถิดแล้วจงเงยหน้าขึ้นให้ข้าได้มองชัดๆ อีกครา” รับสั่งตามความต้องการของพระองค์
ครั้นหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นล่วงรู้ทันทีว่าความงดงามของเธอเล่นงานองค์รัชทายาทเข้าให้เสียแล้ว จะปฏิเสธก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปเพราะทรงมาประสบพบพักตร์ด้วยความบังเอิญ จึงทำได้แต่เพียงไหลไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างอรชรลุกยืนขึ้น ใบหน้าอันงดงามค่อยๆ เงยขึ้นจากพื้นขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมโตดั่งตากวางสบประสานพระเนตรขององค์รัชทายาทซึ่งทอดพระเนตรเธออยู่ตลอดเวลา
“งดงามมาก... ใยเจ้าช่างงามเสียนี่กระไร” รับสั่งรำพึงออกมาด้วยความลืมตัว
“งานเข้าแล้วไงเฉินวาวาเอ๋ยเฉินวาวา” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจก่อนจะได้ยินสุรเสียงขององค์รัชทายาทรับสั่งถามกลับมา
“เจ้าบอกว่าเพิ่งเข้ามาวังหลวงเป็นครั้งแรกอย่างนั้นหรอกรึ มาจากที่ใดกันเล่า” รัชทายาทหนุ่มรับสั่งถามด้วยความอยากรู้ สายพระเนตรส่องประกายวาบหวามยิ่งนัก
ทว่ายังมิทันที่เฉินวาวาจะกล่าวสิ่งใดออกไป ร่างสูงของลู่เหอพร้อมขันทีที่ติดตามขบวนเสด็จมาจากแคว้นฉู่อีกสามคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทันที
“องค์หญิงเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหอกราบทูลถามองค์หญิงของตนอย่างตื่นตกใจพร้อมยกดาบขึ้นรีบยืนขวางกั้นเตรียมพร้อมอารักขาเต็มที่
องครักษ์อารักขาของรัชทายาทจื่อถงชักดาบออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมตวาดออกไปทันที
“บังอาจ! เจ้าหาญกล้ากระทำการเยี่ยงนี้ต่อพระพักตร์องค์รัชทายาทเชียวรึ”
ในขณะที่เฉินวาวาได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อจู่ๆ องค์รักษ์ของเธอก็มาทำลายบทบาทการแสดงของเธอซะงั้น
“โธ่เอ๊ยลู่เหอ... เวลาอื่นดันไม่มาทำไมจะต้องพรวดพราดเข้ามาในเวลานี้ด้วยนะ... เฉินวาวาเอ๋ยเฉินวาวา นับจากนี้ต่อไปตำหนักรับรองหัวกระไดไม่แห้งแน่” หญิงสาวบ่นพึมพำด้วยความเจ็บใจ