เจ้าสาวจากแคว้นฉู่ / 8

2075 Words
พระตำหนักบูรพา ณ ตำหนักรับรองทิศตะวันออก “วะ...ว้าวว!!!!” เฉินวาวาส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ครั้นหญิงสาวได้ถูกนำมาพำนักอยู่ในพระตำหนักบูรพาอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของชินอ๋อง โดยเธอมิล่วงรู้ว่าพระตำหนักที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีตำหนักอยู่ภายในนั้นอีกมากมายรวมไปถึงนางกำนัลและขันทีตลอดจนถึงทหารอารักขา ซึ่งมีอยู่ภายในนั้นอย่างคับคั่งล้วนเป็นของชินอ๋องทั้งหมด มิรู้ว่าชะตาเล่นตลกหรือจงใจกับเธอกันแน่สุดท้ายไม่ว่าจะหนีเท่าไรก็ไม่พ้นเงื้อมมือของจอมมาร ดันมาพำนักในตำหนักเดียวกันอีกจนได้ “โอ้โฮ! มู่อิง! ลู่เหอ! ทำไมในพระตำหนักนี้ถึงมีอาณาเขตกว้างใหญ่จังเลย มีตำหนักเล็กตำหนักน้อยรวมไปถึงอุทยานและสวนแยกออกมาต่างหากจากวังหลวง แต่ก็แปลกเนอะตำหนักก็มีตั้งเยอะแต่กลับไม่เห็นมีคนเข้าไปอยู่” หญิงสาวกล่าวด้วยความแปลกใจ “กระหม่อมคิดว่าคงออกไปทำภารกิจกันหมดกระมังพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเห็นว่าวันนี้เป็นงานอภิเษกขององค์รัชทายาทกับองค์หญิงจากต่างแคว้นที่เดินทางมาแต่งงานพร้อมกันถึงห้าพระองค์ ช่วงเวลานี้คงจะไปรวมตัวกันอยู่ภายในงานเลี้ยงฉลองกันหมด” ลู่เหอกราบทูลถวายรายงาน “อ่อ… อย่างนั้นเหรอ แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีใครเห็นตอนข้าเข้าวังมา จะได้เริ่มแผนการขั้นต่อไปเสียที” ครั้นเฉินวาวาเอ่ยออกมาเช่นนั้น ทั้งนางกำนัลมู่อิงและองครักษ์ลู่เหอต่างหันกลับมามองหน้ากันด้วยความสงสัย “องค์หญิงทรงมีแผนการอะไรอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสองรีบทูลถามกลับไปทันที ในขณะที่เฉินวาวาที่กำลังเดินสำรวจภายในตำหนักรับรองที่เพิ่งเข้ามาพำนัก ร่างระหงมาหยุดยืนอยู่ที่ระเบียง สามารถเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งทั้งกว้างและใหญ่ได้เป็นอย่างดี ด้วยตำหนักที่เธอได้เข้ามาพักอยู่ติดกับสระน้ำนั่นเอง อีกทั้งมีศาลาส่วนตัวยื่นออกไปในสระถัดจากระเบียงดังกล่าวและยังมีเส้นทางเชื่อมตัวไปยังอีกตำหนักซึ่งอยู่ถัดจากตำหนักรับรองไม่ไกลเท่าใดนัก สามารถเดินมาที่ศาลากลางน้ำได้เช่นเดียวกัน “แผนอะไรเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เองน่ะแหละ ว่าแต่ข้าหิวแล้วพวกเจ้าไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ เอามาเยอะๆ หน่อยนะ เดี๋ยวข้าจะออกไปรับลมเล่นที่ศาลา” หญิงสาวกล่าวพร้อมเดินออกจากระเบียงมุ่งตรงไปยังศาลากลางน้ำที่มีเส้นทางเชื่อมต่อกับตำหนักรับรองทันที ในขณะที่มู่อิงและองครักษ์ลู่เหอต่างยืนทำตาปริบๆ เมื่อได้ยินองค์หญิงของตนมีรับสั่งออกมาเช่นนั้น “อะไรกันนี่! องค์หญิงเพิ่งจะเสวยพระกระยาหารไปเมื่อชั่วยามก่อน นี่ทรงหิวอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ” ลู่เหอกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ “ท่านยังไม่ชินอีกเหรอว่าองค์หญิงของพวกเราทรงเสวยจุขนาดไหน ยิ่งต้องขบคิดแผนการมากเพียงไรยิ่งเสวยมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เดี๋ยวข้าจะรีบไปที่เรือนครัวว่าทางนี้มีอะไรพอที่จะให้องค์หญิงได้เสวยบ้าง รบกวนท่านลู่เหอช่วยไปบอกนางกำนัลและขันทีให้ขนสัมภาระต่างๆ ขององค์หญิงที่นำมาด้วยทยอยเข้ามาภายในตำหนักด้วยเถิด” มู่อิงกล่าวพร้อมรีบเดินออกไปจากตำหนักอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ลู่เหอแยกไปจัดการอีกทาง ในขณะเดียวกัน พระวรกายสูงใหญ่ของจอมมารประทับอยู่ด้านนอกของพระตำหนักซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ภายในบริเวณดังกล่าวมีสวนหย่อมขนาดเล็กและมีศาลานั่งพักอยู่ในนั้นด้วย พระองค์ทรงยืนหันหลังแหงนพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรดวงดาวบนผืนฟ้าเบื้องบน ดาวราชินีปีศาจส่องแสงแวววาวระยิบระยับอยู่ตลอดเวลา จนทำให้พระองค์นึกถึงเจ้าของดวงดาวดังกล่าวขึ้นมาทันที ภาพของเสี่ยววาวาที่กินอาหารจุเกินสตรีทั่วไปและเสียงหัวเราะร่วนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งท่าทางและคำพูดที่แปลกประหลาดยังตราตรึงอยู่ในพระทัยของจอมมารมิเลือนหายแม้แต่น้อย นางทำให้พระองค์คลี่พระโอษฐ์แย้มยิ้มได้ตลอดและเผลอหลุดเปล่งเสียงพระสรวลออกมาก็หลายครั้ง เช่นเดียวกับเวลานี้ที่ทรงคลี่พระโอษฐ์ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทรงนึกถึงเสี่ยววาวา เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาที่ศาลาก่อนจะหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของพระองค์ โดยมิเอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ แม้แต่น้อย และนั่นทำให้พระองค์ทรงล่วงรู้ว่าองค์หญิงจากแคว้นเยว่เสด็จพระดำเนินตามหลังมาถึงแล้ว “องค์หญิงมิต้องกลัวทำตัวตามสบายเถิด... เราสองคนจะได้คุยด้วยกันสักครา... นั่งสิ” รับสั่งพร้อมหันกลับมาทอดพระเนตรสตรีตรงพระพักตร์ที่มีความงามโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่องค์หญิงจากแคว้นเยว่ซึ่งกำลังตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้น ทำได้แต่เพียงพยักพระพักตร์ขึ้นลงพลางย่อพระวรกายก่อนจะลงนั่งบนตั่งที่ประทับอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับจอมมาร พลางทอดพระเนตรถ้วยชาซึ่งกำลังถูกรินจากกาซึ่งร้อนจนได้ที่แล้วพร้อมสุรเสียงทุ้มดังขึ้น “จิบชาเสียสิ” รับสั่งพร้อมยกถ้วยชาที่มีไอพวยพุ่งก่อนจะเป่าให้คลายความร้อนลงพลางยกขึ้นจิบช้าๆ ในขณะที่องค์หญิงเยว่วาวาซึ่งกำลังตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาทรงยื่นพระหัตถ์ค่อยๆ ยกถ้วยชามาไว้ตรงพระพักตร์แต่กลับได้แต่ก้มหน้าทอดพระเนตรแต่ถ้วยชาอยู่เช่นนั้น “กลัวข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรอกรึ! ใยมือของเจ้าจึงสั่นอยู่ตลอดเวลา” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรพระหัตถ์ขององค์หญิงจากแคว้นเยว่เขม็ง พระหัตถ์ค่อนข้างเรียว หากแต่นิ้วพระหัตถ์ค่อนข้างอวบ เล็บมืออมชมพูถูกตัดแต่งอย่างประณีตกำลังสั่นระริกอยู่ตลอดเวลา ช่างแตกต่างกับมือเรียวสวยของเฉินวาวาอย่างสิ้นเชิงเสียนี่กระไร ที่มีรูปมืองดงามเรียวสวย ช่วงนิ้วเรียวยาวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามถูกเคลือบด้วยยาทาเล็บแบบเจลใสในยุคอนาคต ทำให้เล็บมือเงาแวววาว และนั่นทำให้จอมมารซึ่งเฝ้าจับสังเกตมาโดยตลอดเริ่มทอดพระเนตรความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนออกมาทีละน้อยบ้างแล้ว ก่อนจะมีรับสั่งถามกลับไปอีกครา “เจ้ามิได้ยินที่ข้าถามหรือไรองค์หญิงเยว่วาวา” รับสั่งพระนามเต็มองค์หญิงจากแคว้นเยว่อย่างชัดถ้อยชัดคำ สุรเสียงของจอมมารแม้จะฟังดูเบา หากแต่แฝงเร้นอำนาจที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ทำให้องค์หญิงจากแคว้นเยว่ถึงกับสะดุ้งจนสุดองค์ “อะ... เออ... หม่อมฉัน... ดะ... ได้ยินเพคะ” รับสั่งตอบกลับไปตะกุกตะกัก “อย่างนั้นหรอกรึ แต่ท่าทางของเจ้าตรงกันข้ามกับถ้อยเจรจาที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง” รับสั่งพลางทอดพระเนตรเขม็ง ก่อนจะทรงได้ยินเสียงปฏิเสธของอีกฝ่าย “มะ... หม่อมฉันตื่นเต้นที่ได้พบกับพระองค์เพคะ... จึงมีอาการเช่นนี้... ตะ... แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว” พระนางรีบแก้ต่างให้กับตัวเองเป็นพัลวัน “อ่อ... ตื่นเต้นเพราะได้พานพบข้า... อืม... มันก็จริงไม่มีสตรีใดเมื่อได้ประสบพักตร์กับข้าแล้วจะไม่มีอาการเช่นเจ้า” รับสั่งพลางยกท่อนพระกรขึ้นมาพร้อมใช้พระหัตถ์เท้าคางของพระองค์ สายพระเนตรจับอยู่ที่พระพักตร์องค์หญิงจากแคว้นเยว่พร้อมทรงรับสั่งเข้าประเด็นทันที “เกิดอะไรขึ้นกับเสียงของเจ้าใยจึงเป็นเช่นนี้ ฟังดูแหบเวลาจะกล่าวสิ่งใดออกมา” รับสั่งถามกลับไป องค์หญิงจากแคว้นเย่วยกพระหัตถ์ขึ้นจับพระศอของพระนาง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอลงไปทันใด “หม่อมฉันมีอาการไอและเจ็บคอมากบังเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง ทำให้เสียงแหบแห้งและเปลี่ยนไป จึงทำให้เป็นเช่นนี้เพคะ” รับสั่งตอบกลับไปตามความเป็นจริง พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “แล้วใบหน้าของเจ้าหายดีแล้วอย่างนั้นหรอกเหรอ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกพิษร้ายกาจชนิดหนึ่งจนต้องสวมหน้ากากทองคำสลักลายดอกจวี๋ฮวาปิดบังเอาไว้อยู่ตลอดเวลา หรือว่าพิษนั่นได้รักษาหายจนมลายไปสิ้น เจ้าจึงถอดหน้ากากเปิดเผยใบหน้าอันแท้จริงของเจ้าให้ผู้อื่นได้พบเห็น” รับสั่งถามกลับไปตามตรงเพื่อค้นหาเยว่วาวาตัวจริงๆ ในขณะที่องค์หญิงจากแคว้นเยว่นั่งงงกับรับสั่งของว่าที่พระสวามีครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น “เออ... ทรงเข้าพระทัยอะไรผิดหรือเปล่าเพคะ หม่อมฉันมิเคยถูกพิษจนทำให้ใบหน้าเสียโฉมและต้องใช้หน้ากากปิดบังอำพรางเอาไว้แม้แต่น้อย อีกทั้งก็มิเคยมีหน้ากากทองคำลายดอกจวี๋ฮวาอะไรนั่นเลยเพคะ” องค์หญิงจากแคว้นเยว่รับสั่งตอบกลับไปตามความเป็นจริง พร้อมรับสั่งสำทับตามติดมา “พระองค์ทรงเข้าพระทัยผิดแน่ๆ เลย จึงถามหม่อมฉันเช่นนี้” พระพักตร์หล่อเหลาค่อยๆ แสยะยิ้มเหยียดอย่างเย็นยะเยือกส่งให้สตรีที่อยู่ตรงพระพักตร์ พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนทรงลุกยืนขึ้นเต็มความสูงทันที เมื่อพระองค์ทรงแน่พระทัยแล้วว่านางมิใช่เยว่วาวาคู่ชะตาของพระองค์ “เป็นจริงดั่งที่เจ้ากล่าวว่าข้าเข้าใจผิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากถามขอจงตอบตามความเป็นจริง” รับสั่งถามกลับไปโดยไม่หันกลับมาทอดพระเนตรแม้แต่น้อย “ทรงอยากทราบสิ่งใดอย่างนั้นหรือเพคะ” พระนางถามกลับไป “ในบรรดาองค์หญิงจากแคว้นเยว่ในขณะนี้ มีผู้ใดที่ใช้ชื่อและแซ่เดียวกับเจ้าอีกหรือไม่ อีกทั้งมีหยกประจำตัวสลักชื่อแซ่เอาไว้ด้วยหรือเปล่า” รับสั่งถามด้วยความอยากรู้และเป็นคำถามที่ตัดสินได้ทันที ในขณะที่องค์หญิงจากแคว้นเยว่ทรงนั่งงงกับคำถามที่ได้ยินจากว่าที่พระสวามี “ในแคว้นเยว่มีหม่อมฉันเพียงผู้เดียวที่มีชื่อและใช้แซ่เยว่เพคะ ส่วนหยกประจำตัวสลักชื่อและแซ่หม่อมฉันก็ไม่มีตามที่ทรงรับสั่งถามแต่อย่างใด” พระนางตอบกลับไปตามความเป็นจริง ครั้นจอมมารชินซางทรงได้ยินเช่นนั้น พระวรกายสูงใหญ่ทรงพระดำเนินออกไปจากบริเวณดังกล่าวโดยพลันท่ามกลางความงุนงงของอีกฝ่ายเมื่อจู่ๆ ชินอ๋องก็เสด็จพระดำเนินจากไปโดยมิมีรับสั่งว่าจะไปแห่งหนใดแม้แต่น้อย “พระองค์เสด็จไปไหนเพคะ!” สุรเสียงร้องเรียกตามหลังของว่าที่พระชายา “เรื่องของข้า!” สุรเสียงห้วนสั้นดังก้องรับสั่งตอบกลับมา องค์หญิงจากแคว้นเยว่สะดุ้งจนสุดองค์เมื่อได้ยินสุรเสียงตวาดของว่าที่พระสวามี “ชินอ๋องทรงน่ากลัวเสียนี่กระไร อยู่ใกล้พระองค์ใจข้าสั่นไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าเป็นเรื่องปกติของนักรบที่จะมีลักษณะแบบนี้ในเมื่อทรงเป็นเทพสงคราม ชนะศึกมาอย่างโชกโชนจะมีความอ่อนโยนดั่งเช่นผู้อื่นได้อย่างไรเล่า เพราะฉะนั้นในฐานะพระชายาเอกของพระองค์จะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้โดยเร็ว” รับสั่งด้วยอาการเคลิบเคลิ้ม พลางก้มพระพักตร์ด้วยความเขินอายเป็นยิ่งนัก “ชินอ๋องทรงรูปงามเสียนี่กระไร อยากให้กำหนดวันอภิเษกในเร็ววัน ข้าจะได้เป็นของพระองค์และได้ครอบครองเทพสงครามเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ให้สตรีทั่วหล้าต่างต้องอิจฉาข้าจนอกแตกตายไปเลยทีเดียว” รับสั่งกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่จะได้ครองคู่กับบุรุษที่มีนามกระเดื่องไปทั่วทุกแคว้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD