“องค์หญิง... เจ้าจงยกน้ำชาให้แก่ว่าที่พระสวามีของเจ้าสิเพื่อทำความรู้จักกันเข้าไว้” รับสั่งเจ้ากี้เจ้าการ
“เพคะฝ่าบาท” องค์หญิงจากแคว้นเย่วขานรับพระบัญชา
พระนางค่อยๆ หันกลับไปรับถ้วยน้ำชาจากหัวหน้าขันทีที่นำมามอบให้พระนาง พระวรกายงามค่อยๆ พระดำเนินหันไปทิศทางที่ชินอ๋องทรงประทับอยู่ พระพักตร์แดงระเรื่อด้วยความเขินอายอย่างยิ่งยวดเมื่อพระเนตรสีนิลกาฬของชินอ๋องทรงทอดพระเนตรองค์หญิงจากแคว้นเยว่อยู่ตลอดเวลา
พระวรกายงามทรงลุกยืนพระดำเนินไปหยุดตรงพระพักตร์ของจอมมาร พลางย่อพระวรกายถวายถ้วยน้ำชาให้แก่พระองค์ พระพักตร์ก้มลงทอดพระเนตรพื้นพระตำหนักไม่กล้าสบสายพระเนตรของว่าที่พระสวามีแต่อย่างใด ด้วยเพราะทรงเขินอายสุดขีด
“หม่อมฉันถวายคำนับชินอ๋องเพคะ” รับสั่งสุรเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
พระหัตถ์ใหญ่ค่อยๆ ยกขึ้นรับถ้วยน้ำชาจากองค์หญิงจากแคว้นเยว่ สายพระเนตรจับอยู่ที่สตรีตรงพระพักตร์ตลอดเวลาราวกับว่าทรงต้องการค้นหาอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ
“ขอบใจ!” รับสั่งเพียงสั้นๆ ก่อนจะมีรับสั่งขึ้น
“องค์หญิงไม่ต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอีกแล้วหรือไร ทรงหายจากอาการถูกพิษแล้วอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามเพื่อทดสอบให้แน่พระทัย
องค์หญิงจากแคว้นเยว่ขมวดพระขนงเข้าหากันทันที ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น พระหัตถ์ยกขึ้นจับพระพักตร์ของพระนางทันทีพร้อมค่อยๆ เงยขึ้นทอดพระเนตรว่าที่พระสวามีทรงทอดพระเนตรพระนางอยู่ตลอดเวลา
“เหตุใดพระองค์จึงทรงมีรับสั่งถามเช่นนั้นเพคะ” องค์หญิงจากแคว้นเยว่รับสั่งถามกลับไปแบบกำกวม
พระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรใบหน้าสตรีตรงพระพักตร์เขม็ง เพื่อสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครั้นทรงพบว่าตลอดจนทั่วพระพักตร์หามีรอยอัคคีปรากฏแต่อย่างใด
ใบหน้าซีกขวาที่เสี่ยววาวาใช้หน้ากากปิดบังก็หามีร่องรอยของไฟอัคคีหลงเหลือให้เห็นอีกแม้แต่น้อย ใบหน้าด้านซ้ายที่พระองค์เคยเห็นปราศจากรอยจุดด่างดำแต่เหนือสิ่งอื่นใดเค้าโครงหน้าที่เปลี่ยนไป ด้วยองค์หญิงเยว่วาวาจากแคว้นเยว่ทรงมีพระพักตร์กลม แต่เฉินวาวามีใบหน้ารูปไข่
“หรือนางไม่กล้าตอบต่อหน้าผู้อื่น... จริงสิข้าลืมคิดข้อนี้ไปเสียสนิท แต่เหตุใดโครงหน้าจึงแปรเปลี่ยน อีกทั้งรอยไฟอัคคีที่อยู่ในกายนางเลือนหายไปหมด หรือเป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านไปนานพอสมควร รอยอัคคีอาจแปรเปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์ของราชินีปีศาจไปแล้วก็ได้ หากเป็นเช่นนั้น ข้าต้องหาสัญลักษณ์ราชินีปีศาจจากกายนางให้เร็วที่สุด”
จอมมารรำพึงอยู่ในพระทัยเฝ้าครุ่นคิดหาเหตุผลและทอดพระเนตรองค์หญิงจากแคว้นเยว่อยู่ตลอดเวลา จนอีกฝ่ายสะเทินสะท้านสายพระเนตรของพระองค์เป็นยิ่งนัก
ทว่ายังมิทันจะมีรับสั่งสิ่งใดขันทีที่รับผิดชอบเขตพระราชฐานชั้นในรีบเข้ามาทางด้านหลังที่ประทับองค์ฮ่องเต้กระซิบรายงานให้กับไห่ถังหัวหน้าขันทีให้รับทราบเหตุการณ์บางอย่าง ก่อนจะรีบถอยห่างออกไปยืนประจำจุดตามเดิม
“กราบทูลฝ่าบาท บัดนี้องค์หญิงจากแคว้นฉู่เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ประทับอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในแล้ว จะให้องค์หญิงประทับอยู่ที่ตำหนักใดดีพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”หัวหน้าขันทีกราบทูลถามกลับไป
“เอ้า! เหตุใดจึงถามเช่นนั้น วังของข้าทั้งกว้างใหญ่และตำหนักมีมากมาย มิหลงเหลือให้องค์หญิงจากแคว้นฉู่ได้เข้าพำนักเลยรึ!” ฟางหยางฮ่องเต้รับสั่งพลางส่ายพระเศียรไปมา
หัวหน้าขันทีไห่ถังได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อองค์ฮ่องเต้ทรงรับสั่งเช่นนั้น
“ในเวลานี้ตำหนักที่มีพระบัญชาให้ทรงสร้างขึ้นใหม่เสร็จไปบางส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกับบรรดาองค์หญิงที่ถูกส่งมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี บรรดาองค์ชายอื่นๆ ที่ทรงได้รับพระราชทานองค์หญิงจากต่างแคว้นก็เสด็จไปประทับอยู่ที่จวนส่วนพระองค์แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าขันทีกราบทูลรายงาน
และนั่นทำให้ฟางหยางฮ่องเต้ทรงประทับนิ่งไปชั่วขณะ พร้อมหันไปมีรับสั่งกับองค์รัชทายาท
“ถงเอ๋อร์! องค์หญิงจากแคว้นฉู่มาถึงแล้วและเป็นแคว้นสุดท้าย ในฐานะรัชทายาทจงรับนางไปเป็นพระชายาของเจ้าเถิด” รับสั่งแกมบังคับ
ครั้นองค์รัชทายาททรงได้ยินเช่นนั้น สุรเสียงรับสั่งโวยวายขึ้นมาทันที
“เสด็จพ่อ! ลูกไม่รับแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทุกตำหนักแน่นไปหมดแล้ว ขอได้โปรดทรงพระราชทานให้แก่เสด็จอาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” รับสั่งพร้อมโบ้ยไปให้ชินอ๋องทันที
ฟางหยางฮ่องเต้ส่ายพระเศียรไปมาติดๆ กันเมื่อพระโอรสบอกปัดกลับมาเช่นนั้น
“ชินอ๋อง! เห็นทีเจ้าจะต้องรับผิดชอบองค์หญิงจากแคว้นฉู่เสียแล้ว อีกทั้งตอนนี้ทุกตำหนักเต็มไปด้วยบรรดาองค์หญิงที่เดินทางมาแต่งงานตามสนธิสัญญาสงบศึกมากมายยิ่งนัก จนแน่นทุกตำหนัก ตำหนักบูรพาของเจ้ากว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น รับพระชายาเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป”
ทันทีที่ฟางหยางฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งเช่นนั้น องค์หญิงจากแคว้นเยว่ทรงชักสีพระพักตร์ สายพระเนตรแข็งกร้าวด้วยความไม่พอพระทัยขึ้นมาทันทีเมื่อล่วงรู้ว่าจะมีองค์หญิงจากแคว้นฉู่มาเป็นพระชายาของชินอ๋องด้วยอีกพระองค์
ซึ่งก็หาได้รอดพ้นจากสายพระเนตรของจอมมารแต่อย่างใด เป็นเหตุให้พระองค์เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีแต่ทรงเก็บไว้คอยสังเกตพฤติกรรมต่อไปอย่างเงียบๆ
“เรื่องรับองค์หญิงจากแคว้นฉู่เป็นพระชายา กระหม่อมมิอาจรับได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ในเมื่อทรงพระราชทานให้แก่องค์รัชทายาทไปแล้ว อีกทั้งองค์หญิงเป็นสตรีและมีฐานันดรสูงศักดิ์ที่จะมอบพระนางให้แก่ผู้ใดก็ได้ดั่งของเล่น หากนางล่วงรู้ย่อมเสียพระทัย ในส่วนตำหนักรับรองกระหม่อมยินดีให้องค์หญิงจากแคว้นฉู่เข้าพำนักที่ตำหนักบูรพาของกระหม่อมได้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะอภิเษกสมรสกับรัชทายาท”
ถ้อยรับสั่งของจอมมารทำให้องค์หญิงจากแคว้นเยว่พึงพอพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น ในขณะที่องค์รัชทายาทแสดงสีพระพักตร์เบื่อหน่ายอย่างที่สุดออกมา
“เสด็จอาไม่ช่วยข้าเลย!” รับสั่งบ่นพึมพำ พร้อมเสียงของฟางหยางฮ่องเต้รับสั่งขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของชินอ๋อง ให้เจ้ากรมพิธีการหาฤกษ์มงคลจัดพิธีอภิเษกให้ชินอ๋องและองค์รัชทายาทเข้าพิธีพร้อมกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจัดงานหลายครั้งหลายครา” ฟางหยางฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งออกไป
ครั้นจอมมารชินซางทรงได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์หล่อเหลาหันกลับไปมีรับสั่งกับฟางหยางฮ่องเต้ทันที
“ฝ่าบาททรงกำหนดวันพิธีอภิเษกให้ถงเอ๋อร์ไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ส่วนวันอภิเษกของกระหม่อมนั้นขอเวลาให้ได้พูดคุยเพื่อที่จะให้ผู้ที่จะมาเป็นพระชายาของกระหม่อมล่วงรู้ว่า จะต้องพบกับอะไรบ้างในภายภาคหน้า เมื่อพร้อมแล้วกระหม่อมจะขอเข้าเฝ้าถวายรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบกำหนดวันอภิเษกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นองค์หญิงจากแคว้นเยว่ทรงได้ยินเช่นนั้น ความดีใจที่จะได้เข้าพิธีอภิเษกซึ่งพระนางทรงใฝ่ฝันมาโดยตลอดทำให้พระโอษฐ์ที่กำลังแย้มเยือนจางหายไปโดยพลัน
“เหตุใดชินอ๋องจึงไม่ยอมกำหนดวันพิธีอภิเษกกับข้าอย่างเป็นทางการ ใยจึงมีรับสั่งเช่นนั้นออกมาเล่า” องค์หญิงเยว่วาวารำพึงอยู่ภายในพระทัย
ในขณะที่ฟางหยางฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรพระอนุชาด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ในการเลือกคู่ครอง
“ใยเจ้าจึงกังวลเกินกว่าเหตุเช่นนี้ชินอ๋อง ในเมื่อสตรีออกเรือนแล้วย่อมเป็นสมบัติของสามี ไม่ว่าอย่างไรก็ตามภรรยาจะต้องทำตามทุกอย่าง คิดมากไปใย!” รับสั่งออกความคิดเห็นก่อนจะได้ยินสุรเสียงของพระอนุชาตอบกลับมา
“กระหม่อมมิได้กังวลเรื่องนั้น แต่เพื่อความมั่นใจว่าได้เลือกพระชายาของตัวเองไม่ผิดตัวพ่ะย่ะค่ะ” จอมมารรับสั่งออกไปตามความเป็นจริง
“เจ้าพูดทำราวกับว่ามีสตรีอื่นที่มาให้เลือกอีกอย่างนั้นรึ นอกจากองค์หญิงจากแคว้นเยว่แล้ว ก็มีองค์หญิงจากแคว้นฉู่ที่เพิ่งเสด็จมาถึงแต่เจ้าก็ไม่ยอมรับ เช่นนี้แล้วจะเลือกพระชายาผิดตัวได้อย่างไร” รับสั่งถามด้วยความสงสัย
จอมมารเหลือบสายพระเนตรไปยังองค์หญิงจากแคว้นเยว่เพียงครู่ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“กระหม่อมมีเหตุผลส่วนตัวพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” รับสั่งตอบกลับไปเพียงสั้นๆ
และนั่นทำให้ฟางหยางฮ่องเต้ทรงขุ่นเคืองพระทัยขึ้นมาทันที
“ก็ตามใจเจ้า! ชินอ๋อง อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ” รับสั่งพร้อมลุกจากตั่งที่ประทับเสด็จออกจากงานเลี้ยงทันที
“น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท” บรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ต่างเปล่งเสียงพร้อมกัน
ในขณะที่จอมมารทรงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสด็จลงจากตั่งที่ประทับพระดำเนินมาหยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์องค์หญิงจากแคว้นเยว่ พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนยืนค้ำพระวรกายองค์หญิงต่างแคว้น
ในขณะที่อีกฝ่ายถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ทอดพระเนตรชินอ๋อง ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทุกแคว้นประทับในระยะใกล้ชิด มิหนำซ้ำทรงทอดพระเนตรว่าที่พระชายาอยู่ตลอดเวลา
“องค์หญิงเชิญไปคุยข้างนอกด้วยกันสักคราเถิด” รับสั่งพร้อมพระดำเนินนำหน้าออกไปทันที
องค์หญิงเยว่วาวาถึงกับยิ้มหน้าบานด้วยความดีพระทัยยิ่งนัก เมื่อว่าที่พระสวามีทรงมีรับสั่งเช่นนั้น พระนางรีบพระดำเนินตามหลังไปอย่างว่าง่าย ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิงซึ่งแอบชื่นชมและหลงรักชินอ๋องอยู่อย่างเงียบๆ ถูกองค์หญิงจากแคว้นเยว่ได้พระองค์ไปครอบครอง