หมากเกมนี้/1

1915 Words
ภายในตำหนักรับรอง กระจกสัมฤทธิ์ขัดจนขึ้นเป็นมันวาวสะท้อนเงาของสตรีที่มีใบหน้างดงามเย้ายวนใจชวนน่าหลงใหลเป็นยิ่งนัก ทว่าในเวลานี้เฉินวาวากำลังจัดการแต่งหน้าของเธอด้วยเครื่องสำอางจากยุคอนาคตเพื่อกลายสภาพให้เธอเป็นคนป่วย ใบหน้างดงามถูกทาทับด้วยแป้งผัดหน้าจนขาวซีด ตามด้วยลิปสติกสีนู้ดที่คล้ายดั่งคนป่วยหนัก ช่างสมบทบาทและแนบเนียนเสียนี่กระไร ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะพานพบกับองค์รัชทายาทจื่อถง ที่แวะเวียนมาหาเธอที่ตำหนัก เช้า กลางวัน เย็น จนจะเข้านอนรัชทายาทรูปงามก็ยังมิวายที่จะมาหาเธอ ไม่ได้เห็นใบหน้างามก็ขอให้ได้เห็นหลังคาพระตำหนักก็ยังดี โดยมีสายตาขององค์รักษ์ลู่เหอและนางกำนัลมู่อิงยืนมองด้วยความสงสัยระคนแปลกใจอย่างยิ่งยวดเหตุใดหนอองค์หญิงของตนจึงต้องทรงหลีกเลี่ยง พยายามหลบหน้าด้วยวิธีการสารพัดและต้องแกล้งป่วยเช่นนี้หนอ “องค์หญิงเพคะหม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจึงทรงทำเช่นนี้ เมื่อคืนองค์รัชทายาทส่งหมอหลวงมาเพื่อตรวจอาการด้วยเพราะทรงเป็นห่วงแต่ก็ทรงไม่ยอมให้ตรวจ มิหนำซ้ำยังไล่องค์รัชทายาทให้กลับไปทางอ้อมด้วยการดับเทียนเข้าบรรทมเสียดื้อๆ จนหม่อมฉันรู้สึกสงสารพระองค์มากเลยเพคะ” มู่อิงกราบทูลถามกลับไปด้วยความสงสัย “จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง อันที่จริงควรจะดีใจที่องค์รัชทายาททรงยกพระนางขึ้นเป็นชายาเอก มิหนำซ้ำยังรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหาฤกษ์มงคลอย่างเร่งด่วน ต่อไปในภายภาคหน้าทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นถึงฮองเฮา แต่ดูรึในเวลานี้ราวกับว่ามิสนพระทัยแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่เป็นตำแหน่งที่สตรีในราชสำนักต่างพากันแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตายเสียนี่กระไร” ลู่เหอกราบทูลเสริมนางกำนัลมู่อิงไปพร้อมกัน “ปัง!” มือเรียวสวยตบลงบนโต๊ะที่วางเครื่องสำอางลงทันที ดวงตากลมโตดั่งตากวางถลึงใส่คนสนิทของเธอทั้งสอง จนลู่เหอและมู่อิงต่างพากันกลัวเกรง “ข้าย่อมมีเหตุผลส่วนตัว..พวกเจ้าจะไปรู้อะไร! ข้าเป็นคนที่จะต้องแต่งงานนะไม่ใช่พวกเจ้าสองคน! ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้เพื่อแต่งงานตามสนธิสัญญาสงบศึก แต่ข้าก็มีภารกิจอันหนักอึ้งที่เจ้าล่วงรู้ดีมิใช่เหรอลู่เหอ” เฉินวาวากล่าวพร้อมมองหน้าองครักษ์คนสนิทเขม็ง “ใช่ไหม!” หญิงสาวตวาดกลับไปเสียงกร้าว จนร่างสูงได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง “ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่เหอกราบทูลตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม “ดังนั้นการที่ข้าแต่งงานมิได้หมายความว่า ข้าจะต้องตกเป็นของคนผู้นั้นเสียเมื่อไรกันเล่า หากไม่ใช่คนที่ข้ารักแล้วละก็ไม่มีวันเสียหรอกที่จะเข้าหอด้วย นี่คือเหตุผลว่าเพราะอะไรข้าถึงต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมานั่งแต่งหน้า ทำตัวให้เหมือนคนป่วยเพื่อที่จะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่ไงเล่า คราวนี้เข้าใจหรือยัง!” หญิงสาวเอ็ดเสียงดุกลับไป ท่ามกลางความตกใจของลู่เหอและมู่อิง “อะไรนะ! จะทรงแปลงพระสิริโฉมให้กลายเป็นสตรีอัปลักษณ์อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ทรงคิดอะไรอยู่ สตรีทั่วหล้าล้วนต้องการความงดงามปรากฏแก่สายตาของบุรุษแต่องค์หญิงกลับซ่อนเร้นความงามที่เหนือกว่าสตรีใด ด้วยการแปลงโฉมให้ทรงกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์... โอ๊ย! ทรงคิดอะไรแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหอกราบทูลถามกลับไปองครักษ์หนุ่มเริ่มหน้ามืดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยรับสั่งจากองค์หญิงของตน “เจ้ามีปัญหากับข้าอย่างนั้นเหรอลู่เหอ!” เฉินวาวาเอ็ดเสียงเข้มกลับไปอีกครา บทบาทนางมารร้ายปรากฏทันที “กระหม่อมมิกล้าแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์คนสนิทรีบกราบทูลกลับไป “ข้าไม่ทำให้เสียงานใหญ่หรอกนะ คนอย่างข้าล่วงรู้ดีว่าสถานการณ์ใดควรทำหรือไม่ควรทำ ข้าย่อมมีวิธีที่จะเอาตัวรอดจากบุรุษที่ข้าไม่พึงปรารถนาแต่อย่างใด ข้ารับปากฝ่าบาทแล้วไม่เคยคืนคำสัตย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมพลีกายให้บุรุษเชยชม หรือเจ้าจะพลีกายแทนข้าก็ได้นะ เผื่อบางทีองค์รัชทายาทอาจจะชอบของแปลกก็ได้” หญิงสาวกล่าวพลางจ้องหน้าลู่เหอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เล่นเอาคนสนิทเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมาทันที “เหตุใดองค์หญิงทรงรับสั่งเช่นนั้น ชายกับชายเล่นรักกันเช่นนั้นผิดจารีตยิ่งนัก หากปรากฏขึ้นที่ใดต้องถูกลงโทษตามกฎของแคว้นด้วยวิธีการลงโทษทางทหารเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ อึ้ย!!!” ลู่เหอกล่าวพร้อมทำท่าขนลุกขึ้นมาทันที “รู้เช่นนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องถามข้าอีก ดังนั้นข้าจะแสร้งล้มป่วยไปสักระยะเพื่อถ่วงเวลาเพื่อไม่ต้องเข้าพิธีอภิเษกแบบสายฟ้าแลบ อีกสักสี่ห้าวันค่อยแปลงโฉมให้กลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ รัชทายาทผู้นั้นก็จะไม่ต้องการข้าอีกต่อไปแล้วก็ต้องยกเลิกพิธีแต่งงานไปเลย” เฉินวาวากล่าวอย่างหมายมั่นปั้นมือกับวิธีการของเธอ “แล้วถ้าเกิดองค์รัชทายาทไม่เข้าพิธีกับองค์หญิงแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะทรงหลีกเลี่ยงการเข้าพิธีได้นะเพคะ หากฮ่องเต้ยกพระนางให้กับองค์ชายอื่นๆ หรือแม้กระทั่งชินอ๋องที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์หญิงจากแคว้นเยว่จะทำยังไงล่ะเพคะ” มู่อิงแสดงความเห็นแย้งออกมาหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน “ข้าก็ยังมีวิธีร้อยแปดพันประการที่สามารถงัดออกมาใช้ได้ จนถึงวิธียอมแต่งงานด้วยแต่นั่นหมายถึงคนผู้นั้นคือเป้าหมายที่ข้ามาที่เทียนโจว” หญิงสาวกล่าวพร้อมเหลือบสายตามองมู่อิงเพียงครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่อิง! ข้าอยากกินขนม เจ้าไปหามาให้ข้ากินหน่อย แล้วยกไปที่ศาลากลางน้ำนะ ข้าจะไปนั่งรับลมที่นั้น” เฉินวาวาไล่นางกำนัลคนสนิทที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับงานที่เธอถูกส่งให้มาทำ “เพคะองค์หญิง” มู่อิงขานรับทันทีพร้อมรีบเดินออกจากตำหนักไปห้องเครื่องโดยพลัน ครั้นร่างของมู่อิงเดินห่างออกไปไกลพอสมควร เฉินวาวาหันกลับไปถามองครักษ์ของเธอทันที “เจ้าไปสืบได้อะไรมาบ้าง ตกลงรู้หรือยังว่าแผนผังป้องกันเมืองเก็บไว้ที่ใดและใครเป็นคนรักษา” ลู่เหอส่ายหน้าไปมาติดๆ กันพร้อมกราบทูลกลับไป “คนของเรากำลังพยายามสืบหาเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ ซึ่งตอนนี้ผู้ที่น่าจะครอบครองแผนผังป้องกันเมืองที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือชินอ๋อง” ลู่เหอกราบทูลตามความคาดเดา “หา!” เฉินวาวาอุทานเสียงดังออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ถ้าหากแผนผังป้องกันเมืองอยู่กับชินอ๋องผู้นั้น เห็นทีจะทำงานยุ่งยากมากขึ้นแน่ๆ” หญิงสาวแสร้งทำสีหน้าเคร่งเครียดได้สมบทบาทขึ้นมาทันที “หากแผนผังป้องกันเมืองอยู่ที่อีตาอ๋องบ้าอำนาจจริงๆ ละก็จะหาวิธีเข้าถึงชินอ๋องผู้นั้นได้ยังไงหนอ และจะโน้มน้าวให้เขาช่วยฉันให้หลุดพ้นจากเยว่ชิงอวิ้นได้ยังไงหว่า เฉินวาวาเอ๋ยเฉินวาวาเธอฉลาดมาโดยตลอด วิธีที่จะเข้าหาผู้ชายมันจะต้องคิดออกให้ได้สิ” หญิงสาวยืนครุ่นคิดอยู่ภายในใจ พลางหันกลับไปมองลู่เหอที่ยืนคอยรับคำสั่งองค์หญิงของตนอยู่ในขณะนั้น “ถ้าองค์รัชทายาทส่งหมอหลวงมาอีกก็บอกว่าข้ากำลังหลับให้เข้ามาตรวจตอนค่ำ แต่ถ้าองค์รัชทายาทเสด็จมาด้วยพระองค์เองก็นำเสด็จไปหาข้าที่ศาลากลางน้ำ” “พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่เหอขานรับสั่ง ก่อนจะได้ยินสุรเสียงองค์หญิงของตนรับสั่งตามติดมา “เจ้าไปสืบหาข้อมูลมาให้ข้าด้วยว่าชินอ๋องประทับอยู่ที่ตำหนักไหน ข้าจะได้วางแผนต่อไป” หญิงสาวเอ่ยกำชับคนสนิทของเธอ ก่อนจะได้ยินเสียงลู่เหอกราบทูลสวนกลับมาทันที “ไม่ต้องไปสืบหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ชินอ๋องผู้นั้นทรงประทับอยู่พระตำหนักบูรพานี้แหละพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักบูรพาแห่งนี้เป็นของชินอ๋องทั้งหมดไม่ยุ่งเกี่ยวกับตำหนักใดๆ ในวังหลวง อีกทั้งพระองค์ทรงเป็นผู้พระราชทานอนุญาตให้องค์หญิงเข้ามาพำนักภายในตำหนักรับรองนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “อะไรนะ! ตำหนักบูรพาเป็นของชินอ๋องอย่างนั้นหรอกเหรอ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยคาดไม่ถึง ขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงติดๆ กัน “หนีการตามล่าชนิดข้ามเมือง สุดท้ายกลับมาอยู่ในตำหนักเดียวกันซะงั้น ทำไมโลกถึงได้กลมขนาดนี้นะ” หญิงสาวบ่นพึมพำดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาด้วยกำลังใช้ความคิด “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าชินอ๋องผู้นั้นประทับอยู่ตำหนักไหน” เฉินวาวาถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ได้ยินมาว่าชินอ๋องผู้นี้ทรงประทับอยู่ในตำหนักเวียนไปจนครบเลยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ประทับอยู่กับที่เพราะป้องกันการปองร้ายจากศัตรูต่างแคว้นที่จะส่งมือสังหารมาลอบปลงพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหอกราบทูลรายงานกลับไป และนั่นทำให้ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเหยียดออกมาทันใดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “โอ้โฮ! กลัวตายก็เป็นด้วยแฮะ ข้านึกว่าชินอ๋องผู้นั้นจะไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ที่ไหนได้กลัวถูกลอบฆ่าเหมือนกันแต่มันก็น่าจับเอาไปฆ่าอยู่หรอก เป็นใครโดนก็ต้องเจ็บแค้นอาฆาตฝังลึกด้วยกันทุกคนหากโดนกระทำ ขนาดตัวข้าเองยังเจ็บใจไม่หายเลย จู่ๆ ก็เป็นบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ตามล่าข้าอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น แปลกจริงเชียว” เฉินวาวาเอ่ยเสียงขุ่น ร่างระหงหันหลังเดินตรงไปทางระเบียงตำหนัก “ข้าจะไปรับลมที่ศาลากลางน้ำ มีอะไรก็ไปหาข้าที่นั่นก็แล้วกัน” หญิงสาวบอกคนสนิทของเธอ “พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง” ลู่เหอขานรับอย่างแข็งขัน พลางทอดสายตามองตามร่างอรชรที่กำลังเดินตรงไปที่ศาลากลางน้ำด้วยความรู้สึกทึ่งในความสามารถองค์หญิงของตน “ไม่คาดคิดเลยว่าองค์หญิงจะทรงมีพระปัญญาปราดเปรื่องยิ่งนัก เป็นนักจอมวางแผนที่สามารถคิดแผนการไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ยังมีสตรีเช่นนี้หลงเหลืออยู่อีกอย่างนั้นเหรอ หากทรงได้เป็นฮองเฮาเคียงข้างฝ่าบาทก็ดีน่ะสิ ภายภาคหน้าแคว้นฉู่จะต้องยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดอย่างแน่นอน เห็นทีข้าต้องเขียนรายงานทุกอย่างให้ฝ่าบาทล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่างขององค์หญิงเสียแล้ว” ลู่เหอยืนรำพึงอยู่ภายในใจเมื่อความคิดแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD