ณ ศาลากลางน้ำ
ร่างระหงเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่ทอดยาว ท่ามกลางกระแสลมที่พาดผ่านกายอยู่เป็นระยะ ภายในใจของเฉินวาวาในขณะนี้กำลังครุ่นคิดหาวิธีการที่จะหลุดพ้นจากการถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ทำในสิ่งที่เธอมองว่าเป็นการก่อสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนของผู้อื่นมาไว้ครอบครองเพราะอยากได้ในสิ่งที่แคว้นของตนไม่มี การกระทำของเยว่ชิงอวิ้นฮ่องเต้เต็มไปด้วยแผนการอันร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
ในขณะเดียวกันเธอก็จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ของเทียนโจว ซึ่งใช่ว่าเธอจะรอดพ้นไปได้ทุกครา แต่สิ่งหนึ่งที่ยอมไม่ได้นั่นก็คือการเข้าหอฉันสามีภรรยาที่จะต้องร่วมหลับนอนด้วยกัน เป็นสิ่งที่เฉินวาวาคิดหนักเป็นยิ่งนักที่จะต้องหาวิธีเอาตัวรอดให้มีผลถาวรที่ไม่ใช่ชั่วคราว
ร่างระหงเดินทอดน่องมาเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนอยู่ในศาลากลางน้ำ ที่มีกระดานหมากล้อมวางเอาไว้ สองมือไพล่หลังพลางยืนมองหมากบนกระดาน และแล้วดวงตากลมโตคู่สวยของเธอพลันเบิกกว้าง เมื่อหมากที่วางเอาไว้มีคนแก้กลพิสดารของเธอได้ อีกทั้งยังวางตัวหมากซ้อนกลเพิ่มขึ้นมาอีก
“เฮ้ย! มีคนแก้หมากของฉัน” หญิงสาวเอ่ยออกมาโดยพลัน ทันทีที่เห็นหมากบนกระดานพร้อมยืนมองกลพิสดารที่ถูกวางเอาไว้ด้วยความรู้สึกทึ่งอย่างยิ่งยวด
“โอ้โฮ! ฝีมือขั้นเทพจริงๆ แก้กลหมากของเฉินวาวาได้ แถมยังวางตัวหมากซ้อนกลและดักทางเอาไว้จนหมด ชิชะ! คิดหรือว่าคนอย่างเฉินวาวาจะยอมแพ้ ไม่มีวันเสียหรอก” หญิงสาวยืนพึมพำพลางทรุดกายนั่งลงบนตั่งที่ประทับลงมือแก้หมากบนกระดานอย่างตั้งอกตั้งใจ
เวลาผ่านไปจนย่างเข้าสู่เวลาเย็นย่ำ ใบหน้างามลึกล้ำอย่างแปลกประหลาดของสตรีจากยุคอนาคต ปรากฏรอยยิ้มแย้มเยือนเมื่อเธอสามารถแก้หมากบนกระดานได้เป็นผลสำเร็จ มือเรียวชูขึ้นพร้อมกำหมัดเข้าหากันทันใดด้วยความสะใจที่เธอทำได้สำเร็จ
“ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอคนเล่นหมากล้อมฝีมือขั้นเทพแบบนี้ ทำให้รอยหยักในสมองของฉันเกิดการพัฒนาทางความคิดแตกขยายเป็นรอยหยักหลายแสนล้านเส้นขึ้นมาเลยทีเดียว ต่อไปก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะแก้กลหมากของฉันได้หรือเปล่า วางเอาไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวเจ้าของหมากกระดานนี้จะได้มาเห็น รับรองลมจับจนยืนไม่อยู่แน่” เฉินวาวากล่าวพลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ พร้อมวางกลหมากลงบนกระดานดักหน้าและหลังโอบล้อมรอบเอาไว้
“แก่รก... แกร่ก... แกร่ก... แกร่ก” หมากตัวสุดท้ายถูกวางลงบนกระดานด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเธอสร้างกลพิสดารบนกระดานนั้นขึ้นมา
“เอาไว้พรุ่งนี้บ่ายๆ จะมาดู อยากรู้นักว่าจะแก้ได้ไหม... เฮ้อ! อันที่จริงเล่นหมากล้อมก็แก้เครียดได้ดีเหมือนกันแฮะ” เฉินวาวากล่าวพร้อมยกสองมือปัดไปมาขึ้นลงอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนจะได้ยินเสียงของลู่เหอดังก้องขึ้นอยู่ทางด้านหลัง
“องค์หญิง... องค์รัชทายาทกำลังเสด็จมาที่ตำหนักรับรองเพื่อมาเยี่ยมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าสวยหันกลับไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ทำไมเพิ่งมาบอก! ใกล้ถึงหรือยัง!” หญิงสาวถามกลับไปทันที
“น่าจะไม่เกินจิบชาหนึ่งถ้วยพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหอกราบทูลเวลาในสมัยโบราณกลับไป
“หา! จิบชาหนึ่งถ้วย... หมายถึงอะไรเนี่ย”เฉินวาวาส่งเสียงพึมพำด้วยเพราะไม่เข้าใจความหมาย ก่อนจะรีบสลัดออกไปจากความคิดอย่างรวดเร็ว
“ช่างเถอะ! ช่างเถอะ! รีบไปดีกว่า” ร่างระหงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมก้าวเดินออกจากศาลากลางน้ำไปอย่างรวดเร็วโดยมีลู่เหอเดินตามหลังมาติดๆ ปล่อยหมากบนกระดานทิ้งค้างเอาไว้แบบนั้น รอคอยเจ้าของตัวจริงมาแก้กลหมากที่เฉินวาวาวางท้าทายฝีมือเอาไว้อย่างเงียบๆ
ภายในห้องบรรทม
พระวรกายใหญ่ของจอมมารชินซางทรงพระบรรทมสนิทตั้งแต่เสด็จกลับจากศาลากลางน้ำเพราะทรงนั่งแก้กลหมากตลอดทั้งคืน จอมมารหนุ่มบรรทมนิทราด้วยความอ่อนเพลียเพราะทรงใช้ความคิดแก้กลหมากอย่างคร่ำเคร่ง จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามซวี เปลือกพระเนตรที่ปิดสนิทมาโดยตลอดค่อยๆ เปิดขึ้นมาทีละน้อย ครั้นทรงนิทราจนเต็มอิ่มและเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมทรงลุกขึ้นนั่ง
“นี่ข้านอนนานจนถึงเวลาพลบค่ำเชียวหรือนี่” รับสั่งด้วยความแปลกพระทัย พร้อมสะบัดพระเศียรไปมาให้คลายจากความมึนงงให้มลายหายไปสิ้น
“เด็กๆ” รับสั่งหาขันทีรับใช้
เพียงครู่ขันทีที่คอยถวายการรับใช้พระองค์รีบเข้ามาเฝ้าอย่างทันท่วงที
“ทรงตื่นบรรทมแล้ว ได้เวลาเสวยพระกระยาหารพอดี วันนี้องค์หญิงเยว่วาวาเสด็จมาที่ห้องเครื่องลงมือปรุงอาหารหลายอย่างเลยทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ พระนางยังทรงรอพระองค์อยู่ที่ห้องเสวย เพื่อที่จะได้ร่วมเสวยพระกระยาหารด้วยกัน” ขันทีคนสนิทกราบทูลถวายรายงาน
จอมมารทรงประทับนิ่งทันทีครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น พระพักตร์หล่อเหลาหันกลับไปทอดพระเนตรขันทีคนสนิทเขม็ง
“ผู้ใดอนุญาตให้นางเข้ามาภายในตำหนักของข้า ถือดีอะไรจึงล่วงล้ำเข้ามาโดยที่ข้ายังไม่อนุญาต...หา!” รับสั่งตวาดกลับไปสุรเสียงดังกระหึ่ม เล่นเอาขันทีคนสนิทกลัวลนลานเข่าอ่อนจนทรุดกายลงนั่งคำนับกับพื้นทันที
“กะ... กะ... กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงโปรดพระราชทานอภัยด้วย กระหม่อมเห็นว่าพระนางคือคู่อภิเษกจึงได้นำทางเข้ามาที่ห้องเครื่องไม่คาดคิดว่าจะทรงพิโรธเช่นนี้” ขันทีคนสนิทกราบทูลลนลาน
“ต่อไปหากข้าไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาภายในตำหนัก ห้ามเข้ามาโดยเด็ดขาด! เอาอาหารที่นางปรุงนำไปเททิ้งให้หมดแล้วไล่กลับไปซะ! บอกว่าข้ายุ่งไม่มีเวลา! แล้วเจ้าอย่าได้ริบังอาจคิดเองเออเองแทนข้าอีก หากมีครั้งต่อไปข้าจะบั่นคอเจ้าริบเลือน... ไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบได้แล้ว... ออกไป!” สุรเสียงดังกึกก้องท่ามกลางอาการกลัวลนลานจนเหลือประมาณเมื่อได้เห็นพระอารมณ์พิโรธของชินอ๋อง
“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!!!” เสียงขานรับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมารทรงทอดพระเนตรตามหลังด้วยพระอารมณ์ขุ่นมัว
“น่าเบื่อจริงๆ เลย ถือวิสาสะกล้าเข้ามาในตำหนักของข้าก่อนที่จะไดรับอนุญาต สตรีผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง ดีที่ข้าไม่พลาดพลั้งหลงเข้าพิธีอภิเษกด้วย หาไม่แล้วคงตามติดดั่งเช่นตัวริ้น เหลือบ ไร!” รับสั่งเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“เห็นทีคงต้องยกเลิกการอภิเษกอย่างเป็นทางการเสียแล้ว จะได้ตัดปัญหาให้พ้นไปจากข้าเสียที” รับสั่งสุรเสียงพึมพำพลางลุกจากแท่นบรรทม พระดำเนินตรงไปรับลมที่ระเบียงก่อนจะทอดพระเนตรไปยังศาลากลางน้ำ
พระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรพบจานวางขนมและผลไม้อยู่บนโต๊ะที่ทรงวางหมากกระดานเอาไว้ด้วยความสงสัยขึ้นมาทันที ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาภายในห้องพระบรรทม
“น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับใช้คนใหม่กราบทูลรายงาน
จอมมารหนุ่มทรงยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงห้องบรรทม สายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่ศาลากลางน้ำ พร้อมทรงมีรับสั่งถามขันทีรับใช้ออกไปทันที
“เจ้าเห็นผู้ใดมานั่งศาลากลางน้ำของข้าหรือไม่” รับสั่งถามด้วยความอยากรู้
ครั้นขันทีคนดังกล่าวได้ยินเช่นนั้น รีบถวายรายงานกลับไปโดยพลัน
“กระหม่อมเห็นองค์หญิงจากแคว้นฉู่ทรงประทับนั่งอยู่ในศาลากลางน้ำตั้งแต่ยามอู่จนถึงยามโหย่ว เพิ่งเสด็จออกไปจากศาลากลางน้ำประมาณหนึ่งชั่วธูปที่ผ่านมานี้เองพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นทรงได้ยินเช่นนั้นพระเนตรสีนิลกาฬหันกลับไปทอดพระเนตรขันทีรับใช้ของพระองค์ทันที
“เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นองค์หญิงจากแคว้นฉู่จริงๆ” รับสั่งถามย้ำกลับไปเพื่อให้แน่พระทัย
“กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับใช้ยืนกรานดั่งเดิม
พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“เดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นองค์หญิงผู้นั้นจริงหรือไม่ที่มาแก้หมากบนกระดานของข้า” รับสั่งพึมพำ พร้อมพระดำเนินออกจากห้องบรรทมตรงไปยังห้องสระสรงน้ำเพื่อทำความสะอาดพระวรกาย