กระดาษสีขาวในมือเริ่มมัวขึ้น มันขึ้น ก่อนที่อยู่ ๆ น้ำตาฉันจะหยดเผาะลงกระดาษ และไหลรวมกับตัวหนังสือที่แม่เขียน
จากนั้นรอยปากกาสีน้ำเงินก็เริ่มเลือนลางไปทีละนิด เลือนไปพร้อมกับความคิดที่ตบตีกันในหัว
ฉันต้องแต่งงานจริง ๆ เหรอ? แล้วที่ฉันรับปากกับคุณอิฐไว้ล่ะ มันจะเป็นยังไงต่อ? หรือลุงอัฐท่านตกลงกับลูกชายไว้แล้ว ไม่งั้นท่านไม่ด่วนมาถึงนี่?
หรือ ๆ
จริง ๆ แล้ว...
ลุงอัฐแค่จะมายกเลิก และมาโวยคุณหญิงแม่?
พอนึกได้ฉันก็รีบพับกระดาษซ่อนไว้ใต้หมอนทันที ก่อนที่จะปาดน้ำตาอุ้มมู่ทู่เปิดประตูช้า ๆ และย่องออกมานั่งแหมะที่บันได
และเมื่อก้มมองไปที่ห้องโถงใหญ่กลางบ้าน ที่มีโซฟารับแขกเวอร์วังอลังการ ฉันก็เห็นคุณหญิงแม่นั่งคุยกับลุงอัฐแค่สองคน
ท่านดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว ถึงขนาดนั่งก้มหน้าก้มตา และบีบมือที่วางบนตักเป็นระยะ ๆ
“คุณหญิงผกา ผมต้องการให้หนูพิงค์ย้ายไปอยู่บ้านผมเร็วที่สุด”
“คะ? คุณอัฐไม่รอให้หนูพิงค์เรียนจบก่อนเหรอคะ?” คุณหญิงแม่เงยขึ้นถามตกใจ แต่ท่านก็ไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธ
“ผมรอไม่ไหว”
“...”
“ตอนนี้หนูพิงค์อยู่ไหน ผมต้องการคุยด้วย” เท่านั้นแหละคุณหญิงแม่ก็ก้มหน้าหลบตาลุงอัฐทันที ก่อนที่จะบีบมือที่วางบนตักถี่ขึ้น
ตอนนี้คงลำบากใจ ที่จะให้ฉันเจอใครสินะ เพราะมุมปากฉันมันยังมีแผลช้ำที่คุณหญิงแม่ฝากไว้อยู่เลย
“นะ หนูพิงค์ไม่ค่อยสบายค่ะคุณอัฐ”
“เหรอ? ไปบอกสิ ว่าผมมาเยี่ยม”
เมื่อลุงอัฐยืนยันจะเจอฉันให้ได้ คุณหญิงแม่ก็เงียบไป และเงียบนานจนลุงอัฐถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ! งั้นผมคงต้องให้ลูกน้องผมไปตามลงมา”
“อย่าค่ะคุณอัฐ ดิฉันจะให้คนไปตามให้ค่ะรอสักครู่นะคะ” พอพูดเสียงสองนอบน้อมเสร็จก็หันขวับไปที่แม่ฉันทันที ก่อนที่จะกดตาต่ำมองท่านที่นั่งบนพื้น และสั่งว่า...
“พรไปตามพิงค์ลงมา”
ได้ยินแบบนั้นฉันก็กระชับกอดมู่ทู่แน่น ก่อนจะเอื้อมมือจับราวบันไดลุกขึ้น และวิ่งเร็ว ๆ กลับเข้าห้องตัวเอง
ตอนนี้ฉันไม่รู้จะไว้ใครดี ระหว่างลุงอัฐกับคุณหญิงแม่ คนนึงเลี้ยงดูฉันมาแต่ทำร้ายจิตใจทำร้ายร่างกายฉันเป็นว่าเล่น ส่วนอีกคนก็ดูสุขุมเลือดเย็น แต่ตามที่แม่เขียนไว้กลับบอกว่าไว้ใจได้
และฉันจะปลอดภัยถ้าตัดสินใจแต่งงานกับเขา
ร่างกายปลอดภัย?
แล้วจิ๊มิฉันล่ะ จะปลอดภัยรึเปล่า? ฉันไม่อยากให้เรื่องที่ฉันอุตส่าห์โกหกเป็นเรื่ิองเป็นราว มันกลายเป็นเรื่องน้ำเน่าและฉาวจนใคร ๆ ก็สมน้ำหน้า โกหกหนุ่มหล่อไฮโซมา แต่ดันได้คนแก่คราวพ่อมาเป็นผัวซะงั้น
ฮือ คิดแล้วเครียด
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“คุณหนูคะ” เสียงเคาะประตูเบา ๆ กับเสียงแม่เรียก ทำฉันกับมู่ทู่มองหน้ากันทันที ก่อนที่เจ้าหมาในอ้อมกอดจะกระดิกหางสั้น ๆ ของเขาดุกดิก ๆ และครางหงิง ๆ ตอบ
‘หงิง... หงิง...’
“คุณหนู” และเสียงแม่ที่เบาลงจนใจหาย ก็ทำฉันตัดสินใจรีบวางมู่ทู่ลงบนพื้นและเอื้อมมือเปิดประตูทันที ก่อนที่แม่จะรีบดันเข้ามา แล้วจับมือฉันไปกุมอย่างรีบร้อน
“คุณหนู คุณอัฐมาเร่งแล้วค่ะ นมทนเห็นคุณหนูของนมโดนตบไม่ไหวแล้ว ดูสิยังช้ำอยู่เลย คุณหนูไปตกลงแต่งงานกับคุณอัฐนะคะ ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้แล้วค่อยมารับนม”
แม่รีบพูดแกมกระซิบ แข่งกับเสียงรองเท้า ที่เดินขึ้นบันไดมาหยุดหน้าห้อง ‘ฟุบ ๆ’
จนฉันรีบหันกลับมาถาม และกุมมือแม่อีกข้าง
“ลุงอัฐเป็นคนดีใช่ไหมคะ..ยืนยันกับหนูสิแม่ ว่าลุงเขาเป็นคนดี”
เสียงกระซิบถามทำแม่ชะงักไปครู่นึง ก่อนจะหันมองเงาที่หน้าประตูด้วยความลังเล แต่เมื่อเจ้าของเงาเคาะประตู ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เร่ง แม่ก็รีบดึงแขนฉันไปอีกมุม และกระซิบเร็ว ๆ ว่า...
“คุณอัฐเป็นคนดี นมยืนยันได้ค่ะ และที่นมบอกจำได้ไหมคะ ว่าคุณอัฐเคยโดนยิงมาก่อน ตอนนี้ท่านเสื่อมสมรรถภาพแล้วค่ะ เรื่องนั้นอย่ากลัวเลยนะคะ”
วินาทีนั้นมันเหมือนทุกอย่างเบาหวิวออกจากอก สิ่งที่หนักอึ้งในหัวและวิตกกังวลหายวับไปกับตา ฉันเริ่มเห็นลู่ทางหนี เห็นแสงสว่างของชีวิต และคิดออก ว่าตัวเองจะทำอะไร และเริ่มจากตรงไหน
เรื่องลูกชายลุงอัฐ เขาอาจจะแค่ขู่ ถ้าฉันหาวิธีบอกเขาตรง ๆ ว่าฉันมีความจำเป็น และขออาศัยอยู่บ้านเขาไม่นาน เขาน่าจะเข้าใจ
อีกอย่างคนแบบนั้น เขาคงไม่ผิดใจกับพ่อเรื่องฉันคนเดียวหรอก ไหนจะธุรกิจ ไหนจะพวกพ้องพวกงาน ลูกชายคนเดียวต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว
เขาไม่น่าจะเป็นลูกแง่มาตามจิกฉัน
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“เปิดประตูสิ แค่มาตามทำไมต้องล็อคประตู? มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ”
แล้วแม่ก็บีบมือฉันแน่น แน่นจนฉันปวดและรีบหันไปมอง สายตาท่านตอนนี้ไม่ได้วอนขอหรือเรียกร้อง แต่มันเป็นสายตาที่เป็นห่วงฉันมาก
และอยากให้ฉันเชื่อใจท่าน
“เชื่อนมนะคะ”
“...”
ฉันไม่ตอบ ยังนิ่ง จนแม่ค่อย ๆ ปล่อยมือลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้คุณหญิงแม่ และทันทีที่ท่านเข้ามาเห็นฉัน ท่านก็มองฉันกับแม่แปลก ๆ
จนฉันต้องแก้ไขสถานการณ์ รีบเดินไปหยุดตรงหน้า ดึงความสงสัยทั้งหมดมาที่ตัวเอง
“มีอะไรคะคุณหญิงแม่”
“ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวดี ๆ คุณอัฐมาหา เอ้อ! ที่ปากน่ะ! บอกว่าหกล้มหน้ามืดนะ”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ รับรู้ จนคุณหญิงแม่เอามือกอดอกและเปรยตามองแม่ฉัน
“พรออกไป เธอจะเฝ้าลูกเธอถึงไหน”
“คุณหญิง พรขอนะคะ อย่าตบคุณหนูอีก ถ้าคุณอัฐรู้คุณหญิงคง” แม่ฉันพูดไม่ทันจบ คุณหญิงแม่ก็จิ๊ปากและจิกตาใส่ทันที ก่อนที่ท่านจะเดินมาจับต้นแขนฉัน และดึงเข้าไปหา
“นี่! ถ้าพูดง่าย ๆ ฉันจะลงไม้ลงมือทำไม? พิงค์ลงไปก็ตอบตกลงแต่งงานซะ! ไม่งั้นฉันจะไม่ตบแค่เธอนะ รอบหน้าจะตบแม่เธอด้วย!”
ฉันหลับตาลงกำมือแน่น ก่อนจะสะบัดแขนตัวเองออกจากมือคุณหญิงแม่สุดแรง และถอยออกห่าง
“นี่พิงค์! อย่ามาลองดีกับฉันนะ”
“ไม่ได้ลองดี และก็เลิกข่มขู่พิงค์กับแม่สักที พิงค์จะแต่งให้ โอเคมั้ยคะ พิงค์จะไปอาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ ไปตอบตกลงตามใจคุณหญิงแม่ทุกอย่าง!”
และท่านก็เผยยิ้มที่มุมปาก แต่เป็นรอยยิ้มที่เหยียดหยันฉันมาก คงจะคิดสินะ ว่ายังไงฉันก็จนมุมไปไหนไม่รอด
เออ คิดถูก! ฉันจนมุมจริง ๆ นั่นแหละ!
และต่อไปนี้ ฉันกับแม่จะไม่อยู่เป็นเบี้ยล่างใครอีกแล้ว!
“งั้นก็รีบแต่งตัวรีบลงมา อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน”
ฉันไม่ตอบก้มลงอุ้มหมาสุดที่รักเดินเข้าห้องแต่งตัวตัวเอง ไม่ได้เวอร์นะ แต่ตั้งแต่คุณอิฐมาระรานกับหมาฉัน ฉันก็เป็นห่วงมู่ทู่มาก ไม่อยากให้มันพ้นสายตาไปสักนาที ยิ่งคุณหญิงแม่ตอนนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้ หน้าเนื้อใจเสือเพราะหนี้ค้ำคอหอยอยู่ เกิดพามู่ทู่ไปขายที่สนามหลวงฉันจะทำยังไง
หลังจากแต่งตัวใส่ชุดเดรสง่าย ๆ ฉันก็ลงไปนั่งที่ห้องโถงใหญ่และยกมือไหว้ลุงอัฐ ซึ่งลุงอัฐท่านสุขุมมาก ท่านไม่ได้มองฉันสายตาแพรวพราว เหมือนพ่อบุญธรรมมองฉันเลย
“ปากไปโดนอะไร?” คำถามแรกที่ลุงอัฐถาม ทำคุณหญิงแม่ถึงกับยืดตัวตรงหลังไม่ติดเก้าอี้
“เอ่อ ช่วงนี้พิงค์ไม่ค่อยสบายค่ะคุณอัฐ เลยหน้ามืดล้มน่ะค่ะ”
ลุงอัฐไม่สนใจคุณหญิงแม่ เอาแต่นั่งจ้องรอยช้ำที่ริมฝีปากฉัน และถามฉันว่า...
“ผมถามพิงค์ ไงหนูพิงค์ ใครทำอะไรพิงค์รึเปล่า?” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ และกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ รังสีความเป็นเจ้าพ่อ แค่พูดแค่ถามไม่กี่คำ มันก็สามารถทำให้ฉันตัวหดหางจุกตูดได้
“ไม่ค่ะ ไม่มี หนูล้ม”
แล้วลุงอัฐก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณหญิงแม่ปกติ ท่านพูดเรื่องแต่งงานและขอฉันไปอยู่บ้านท่านเลยตอนนี้ ก่อนที่จะตกลงเรื่องหนี้ที่คุณหญิงแม่ค้างไว้
ท่านจะยกให้ก่อนครึ่งนึง และหลังจากแต่งงานมีทายาทท่านจะยกที่เหลือให้
แต่เรื่องทายาทมันทำให้ฉันงง และนั่งขมวดคิ้วฉุกคิดในใจ แม่เพิ่งบอกว่าลุงอัฐเสื่อมสมรรภาพไปแล้ว
ท่านจะมีทายาทอีกได้ยังไง?
เสื่อมสมรรถภาพคือมีเซ็กส์ไม่ได้
หรือทายาทที่ท่านพูดถึง คือการทำกิฟท์ ใช้หลักทางการแพทย์?
“คุณอัฐ ฉันฝากดูแลหนูพิงค์ด้วยนะคะ” ฉันสลัดเรื่องในหัวสนใจคนตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
ตายจริงคุณหญิงแม่ตกลงกับลุงอัฐถึงไหนแล้ว ทำไมฉันใจลอยแบบนี้
“ได้ ไม่มีปัญหา ผมจะดูแลอย่างดี”
“...”
“ไงหนูพิงค์เต็มใจแต่งงานใช่มั้ย” คำถามนี้ ทำทุกคนในห้องจับจ้องมาที่ฉันรอคำตอบ รวมถึงแม่แท้ ๆ ที่พยักหน้ารัว ๆ ให้ฉันเชื่อใจ และเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านบอกก่อนหน้า
หนักกว่าคือคุณหญิงแม่ที่เริ่มจิกตา และจิ๊ปากนิ่วหน้ากดดัน
จนฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เงียบไปสักพัก
เงียบจนลุงอัฐเอียงคอถาม
“ไงหนูพิงค์”
“...”
“หนูพิงค์...”
“คะ ค่ะหนูเต็มใจ”