ชมพูพิงค์ | ตัดสินใจ เพราะเชื่อใจ

1779 Words
กระดาษสีขาวในมือเริ่มมัวขึ้น มันขึ้น ก่อนที่อยู่ ๆ น้ำตาฉันจะหยดเผาะลงกระดาษ และไหลรวมกับตัวหนังสือที่แม่เขียน จากนั้นรอยปากกาสีน้ำเงินก็เริ่มเลือนลางไปทีละนิด เลือนไปพร้อมกับความคิดที่ตบตีกันในหัว ฉันต้องแต่งงานจริง ๆ เหรอ? แล้วที่ฉันรับปากกับคุณอิฐไว้ล่ะ มันจะเป็นยังไงต่อ? หรือลุงอัฐท่านตกลงกับลูกชายไว้แล้ว ไม่งั้นท่านไม่ด่วนมาถึงนี่? หรือ ๆ จริง ๆ แล้ว... ลุงอัฐแค่จะมายกเลิก และมาโวยคุณหญิงแม่? พอนึกได้ฉันก็รีบพับกระดาษซ่อนไว้ใต้หมอนทันที ก่อนที่จะปาดน้ำตาอุ้มมู่ทู่เปิดประตูช้า ๆ และย่องออกมานั่งแหมะที่บันได และเมื่อก้มมองไปที่ห้องโถงใหญ่กลางบ้าน ที่มีโซฟารับแขกเวอร์วังอลังการ ฉันก็เห็นคุณหญิงแม่นั่งคุยกับลุงอัฐแค่สองคน ท่านดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว ถึงขนาดนั่งก้มหน้าก้มตา และบีบมือที่วางบนตักเป็นระยะ ๆ “คุณหญิงผกา ผมต้องการให้หนูพิงค์ย้ายไปอยู่บ้านผมเร็วที่สุด” “คะ? คุณอัฐไม่รอให้หนูพิงค์เรียนจบก่อนเหรอคะ?” คุณหญิงแม่เงยขึ้นถามตกใจ แต่ท่านก็ไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธ “ผมรอไม่ไหว” “...” “ตอนนี้หนูพิงค์อยู่ไหน ผมต้องการคุยด้วย” เท่านั้นแหละคุณหญิงแม่ก็ก้มหน้าหลบตาลุงอัฐทันที ก่อนที่จะบีบมือที่วางบนตักถี่ขึ้น ตอนนี้คงลำบากใจ ที่จะให้ฉันเจอใครสินะ เพราะมุมปากฉันมันยังมีแผลช้ำที่คุณหญิงแม่ฝากไว้อยู่เลย “นะ หนูพิงค์ไม่ค่อยสบายค่ะคุณอัฐ” “เหรอ? ไปบอกสิ ว่าผมมาเยี่ยม” เมื่อลุงอัฐยืนยันจะเจอฉันให้ได้ คุณหญิงแม่ก็เงียบไป และเงียบนานจนลุงอัฐถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! งั้นผมคงต้องให้ลูกน้องผมไปตามลงมา” “อย่าค่ะคุณอัฐ ดิฉันจะให้คนไปตามให้ค่ะรอสักครู่นะคะ” พอพูดเสียงสองนอบน้อมเสร็จก็หันขวับไปที่แม่ฉันทันที ก่อนที่จะกดตาต่ำมองท่านที่นั่งบนพื้น และสั่งว่า... “พรไปตามพิงค์ลงมา” ได้ยินแบบนั้นฉันก็กระชับกอดมู่ทู่แน่น ก่อนจะเอื้อมมือจับราวบันไดลุกขึ้น และวิ่งเร็ว ๆ กลับเข้าห้องตัวเอง ตอนนี้ฉันไม่รู้จะไว้ใครดี ระหว่างลุงอัฐกับคุณหญิงแม่ คนนึงเลี้ยงดูฉันมาแต่ทำร้ายจิตใจทำร้ายร่างกายฉันเป็นว่าเล่น ส่วนอีกคนก็ดูสุขุมเลือดเย็น แต่ตามที่แม่เขียนไว้กลับบอกว่าไว้ใจได้ และฉันจะปลอดภัยถ้าตัดสินใจแต่งงานกับเขา ร่างกายปลอดภัย? แล้วจิ๊มิฉันล่ะ จะปลอดภัยรึเปล่า? ฉันไม่อยากให้เรื่องที่ฉันอุตส่าห์โกหกเป็นเรื่ิองเป็นราว มันกลายเป็นเรื่องน้ำเน่าและฉาวจนใคร ๆ ก็สมน้ำหน้า โกหกหนุ่มหล่อไฮโซมา แต่ดันได้คนแก่คราวพ่อมาเป็นผัวซะงั้น ฮือ คิดแล้วเครียด ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ “คุณหนูคะ” เสียงเคาะประตูเบา ๆ กับเสียงแม่เรียก ทำฉันกับมู่ทู่มองหน้ากันทันที ก่อนที่เจ้าหมาในอ้อมกอดจะกระดิกหางสั้น ๆ ของเขาดุกดิก ๆ และครางหงิง ๆ ตอบ ‘หงิง... หงิง...’ “คุณหนู” และเสียงแม่ที่เบาลงจนใจหาย ก็ทำฉันตัดสินใจรีบวางมู่ทู่ลงบนพื้นและเอื้อมมือเปิดประตูทันที ก่อนที่แม่จะรีบดันเข้ามา แล้วจับมือฉันไปกุมอย่างรีบร้อน “คุณหนู คุณอัฐมาเร่งแล้วค่ะ นมทนเห็นคุณหนูของนมโดนตบไม่ไหวแล้ว ดูสิยังช้ำอยู่เลย คุณหนูไปตกลงแต่งงานกับคุณอัฐนะคะ ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้แล้วค่อยมารับนม” แม่รีบพูดแกมกระซิบ แข่งกับเสียงรองเท้า ที่เดินขึ้นบันไดมาหยุดหน้าห้อง ‘ฟุบ ๆ’ จนฉันรีบหันกลับมาถาม และกุมมือแม่อีกข้าง “ลุงอัฐเป็นคนดีใช่ไหมคะ..ยืนยันกับหนูสิแม่ ว่าลุงเขาเป็นคนดี” เสียงกระซิบถามทำแม่ชะงักไปครู่นึง ก่อนจะหันมองเงาที่หน้าประตูด้วยความลังเล แต่เมื่อเจ้าของเงาเคาะประตู ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เร่ง แม่ก็รีบดึงแขนฉันไปอีกมุม และกระซิบเร็ว ๆ ว่า... “คุณอัฐเป็นคนดี นมยืนยันได้ค่ะ และที่นมบอกจำได้ไหมคะ ว่าคุณอัฐเคยโดนยิงมาก่อน ตอนนี้ท่านเสื่อมสมรรถภาพแล้วค่ะ เรื่องนั้นอย่ากลัวเลยนะคะ” วินาทีนั้นมันเหมือนทุกอย่างเบาหวิวออกจากอก สิ่งที่หนักอึ้งในหัวและวิตกกังวลหายวับไปกับตา ฉันเริ่มเห็นลู่ทางหนี เห็นแสงสว่างของชีวิต และคิดออก ว่าตัวเองจะทำอะไร และเริ่มจากตรงไหน เรื่องลูกชายลุงอัฐ เขาอาจจะแค่ขู่ ถ้าฉันหาวิธีบอกเขาตรง ๆ ว่าฉันมีความจำเป็น และขออาศัยอยู่บ้านเขาไม่นาน เขาน่าจะเข้าใจ อีกอย่างคนแบบนั้น เขาคงไม่ผิดใจกับพ่อเรื่องฉันคนเดียวหรอก ไหนจะธุรกิจ ไหนจะพวกพ้องพวกงาน ลูกชายคนเดียวต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว เขาไม่น่าจะเป็นลูกแง่มาตามจิกฉัน ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ “เปิดประตูสิ แค่มาตามทำไมต้องล็อคประตู? มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ” แล้วแม่ก็บีบมือฉันแน่น แน่นจนฉันปวดและรีบหันไปมอง สายตาท่านตอนนี้ไม่ได้วอนขอหรือเรียกร้อง แต่มันเป็นสายตาที่เป็นห่วงฉันมาก และอยากให้ฉันเชื่อใจท่าน “เชื่อนมนะคะ” “...” ฉันไม่ตอบ ยังนิ่ง จนแม่ค่อย ๆ ปล่อยมือลงแล้วเดินไปเปิดประตูให้คุณหญิงแม่ และทันทีที่ท่านเข้ามาเห็นฉัน ท่านก็มองฉันกับแม่แปลก ๆ จนฉันต้องแก้ไขสถานการณ์ รีบเดินไปหยุดตรงหน้า ดึงความสงสัยทั้งหมดมาที่ตัวเอง “มีอะไรคะคุณหญิงแม่” “ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวดี ๆ คุณอัฐมาหา เอ้อ! ที่ปากน่ะ! บอกว่าหกล้มหน้ามืดนะ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ รับรู้ จนคุณหญิงแม่เอามือกอดอกและเปรยตามองแม่ฉัน “พรออกไป เธอจะเฝ้าลูกเธอถึงไหน” “คุณหญิง พรขอนะคะ อย่าตบคุณหนูอีก ถ้าคุณอัฐรู้คุณหญิงคง” แม่ฉันพูดไม่ทันจบ คุณหญิงแม่ก็จิ๊ปากและจิกตาใส่ทันที ก่อนที่ท่านจะเดินมาจับต้นแขนฉัน และดึงเข้าไปหา “นี่! ถ้าพูดง่าย ๆ ฉันจะลงไม้ลงมือทำไม? พิงค์ลงไปก็ตอบตกลงแต่งงานซะ! ไม่งั้นฉันจะไม่ตบแค่เธอนะ รอบหน้าจะตบแม่เธอด้วย!” ฉันหลับตาลงกำมือแน่น ก่อนจะสะบัดแขนตัวเองออกจากมือคุณหญิงแม่สุดแรง และถอยออกห่าง “นี่พิงค์! อย่ามาลองดีกับฉันนะ” “ไม่ได้ลองดี และก็เลิกข่มขู่พิงค์กับแม่สักที พิงค์จะแต่งให้ โอเคมั้ยคะ พิงค์จะไปอาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ ไปตอบตกลงตามใจคุณหญิงแม่ทุกอย่าง!” และท่านก็เผยยิ้มที่มุมปาก แต่เป็นรอยยิ้มที่เหยียดหยันฉันมาก คงจะคิดสินะ ว่ายังไงฉันก็จนมุมไปไหนไม่รอด เออ คิดถูก! ฉันจนมุมจริง ๆ นั่นแหละ! และต่อไปนี้ ฉันกับแม่จะไม่อยู่เป็นเบี้ยล่างใครอีกแล้ว! “งั้นก็รีบแต่งตัวรีบลงมา อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน” ฉันไม่ตอบก้มลงอุ้มหมาสุดที่รักเดินเข้าห้องแต่งตัวตัวเอง ไม่ได้เวอร์นะ แต่ตั้งแต่คุณอิฐมาระรานกับหมาฉัน ฉันก็เป็นห่วงมู่ทู่มาก ไม่อยากให้มันพ้นสายตาไปสักนาที ยิ่งคุณหญิงแม่ตอนนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้ หน้าเนื้อใจเสือเพราะหนี้ค้ำคอหอยอยู่ เกิดพามู่ทู่ไปขายที่สนามหลวงฉันจะทำยังไง หลังจากแต่งตัวใส่ชุดเดรสง่าย ๆ ฉันก็ลงไปนั่งที่ห้องโถงใหญ่และยกมือไหว้ลุงอัฐ ซึ่งลุงอัฐท่านสุขุมมาก ท่านไม่ได้มองฉันสายตาแพรวพราว เหมือนพ่อบุญธรรมมองฉันเลย “ปากไปโดนอะไร?” คำถามแรกที่ลุงอัฐถาม ทำคุณหญิงแม่ถึงกับยืดตัวตรงหลังไม่ติดเก้าอี้ “เอ่อ ช่วงนี้พิงค์ไม่ค่อยสบายค่ะคุณอัฐ เลยหน้ามืดล้มน่ะค่ะ” ลุงอัฐไม่สนใจคุณหญิงแม่ เอาแต่นั่งจ้องรอยช้ำที่ริมฝีปากฉัน และถามฉันว่า... “ผมถามพิงค์ ไงหนูพิงค์ ใครทำอะไรพิงค์รึเปล่า?” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ และกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ รังสีความเป็นเจ้าพ่อ แค่พูดแค่ถามไม่กี่คำ มันก็สามารถทำให้ฉันตัวหดหางจุกตูดได้ “ไม่ค่ะ ไม่มี หนูล้ม” แล้วลุงอัฐก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณหญิงแม่ปกติ ท่านพูดเรื่องแต่งงานและขอฉันไปอยู่บ้านท่านเลยตอนนี้ ก่อนที่จะตกลงเรื่องหนี้ที่คุณหญิงแม่ค้างไว้ ท่านจะยกให้ก่อนครึ่งนึง และหลังจากแต่งงานมีทายาทท่านจะยกที่เหลือให้ แต่เรื่องทายาทมันทำให้ฉันงง และนั่งขมวดคิ้วฉุกคิดในใจ แม่เพิ่งบอกว่าลุงอัฐเสื่อมสมรรภาพไปแล้ว ท่านจะมีทายาทอีกได้ยังไง? เสื่อมสมรรถภาพคือมีเซ็กส์ไม่ได้ หรือทายาทที่ท่านพูดถึง คือการทำกิฟท์ ใช้หลักทางการแพทย์? “คุณอัฐ ฉันฝากดูแลหนูพิงค์ด้วยนะคะ” ฉันสลัดเรื่องในหัวสนใจคนตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ตายจริงคุณหญิงแม่ตกลงกับลุงอัฐถึงไหนแล้ว ทำไมฉันใจลอยแบบนี้ “ได้ ไม่มีปัญหา ผมจะดูแลอย่างดี” “...” “ไงหนูพิงค์เต็มใจแต่งงานใช่มั้ย” คำถามนี้ ทำทุกคนในห้องจับจ้องมาที่ฉันรอคำตอบ รวมถึงแม่แท้ ๆ ที่พยักหน้ารัว ๆ ให้ฉันเชื่อใจ และเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านบอกก่อนหน้า หนักกว่าคือคุณหญิงแม่ที่เริ่มจิกตา และจิ๊ปากนิ่วหน้ากดดัน จนฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เงียบไปสักพัก เงียบจนลุงอัฐเอียงคอถาม “ไงหนูพิงค์” “...” “หนูพิงค์...” “คะ ค่ะหนูเต็มใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD