“งั้นเก็บของเลย”
ลุงอัฐพูดไม่ทันขาดคำ ลูกน้องหัวดำชุดดำก็ผายมือไปที่บันไดเร่งฉันทันที ก่อนที่คุณหญิงแม่จะยิ้มกริ่มและผายมือเชิญฉันด้วย
ทุกคนดูรีบร้อนและรนมาก แค่ห้านาทีเองที่ลุงอัฐสั่ง แม่บ้านแม่ฉันก็ไปจุกอยู่ที่เดียวกันอลหม่าน
ของฉันถูกเก็บ ๆ แพค ๆ
เสื้อหมา ขนมหมาก็แพคใส่ไปด้วย จนฉันคนย้ายเองได้แต่ยืนงงกะพริบตาปริบ ๆ อุ้มมู่ทู่ที่กระดิกหางดิ้น จ้องจะลงไปฟัดกับคนเก็บขนมหมาของโปรดใส่กระเป๋า
‘หงิง หงิง’
“ไม่มีใครเอาไปไหนมู่ทู่ เดี๋ยวก็ได้กินเหมือนเดิม”
“คุณหนูคะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” ฉันหยุดลูบหัวหมาและมองแม่ทันที ดูสิแม่ดูมีความสุขมากที่ฉันกำลังจะไปจากบ้านหลังนี้
เพราะท่านนั่งพับผ้าให้ฉันและยิ้มไปด้วย ไม่เหมือนคนเป็นแม่ที่กำลังถูกแยกลูกสาวออกจากอกเลย
“ค่ะ แม่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ” แล้วแม่ก็ยิ้มอีก ยิ้มและหันไปมองหนุ่ม ๆ ชุดดำที่มาช่วยยกของออกไป
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นนะคะคุณหนู”
แหม... สุภาษิตสอนใจแม่เนี่ย ทำชายชุดดำที่เข้ามาช่วยอมยิ้มกันทุกคน ซึ่งฉันไม่เข้าใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด พวกเขาจะยิ้มกันทำไมนักหนา มันก็แค่สุภาษิตนี่น่า ใคร ๆ ก็พูดกันทั้งนั้น
หลังจากเก็บของ เก็บหมาเก็บเอวี่ติง แม่กับคุณหญิงแม่ก็มาส่งฉันที่รถลุงอัฐ ทุกคนยิ้มมีความสุขมากแม่ฉันคงยิ้มที่ฉันหลุดพ้นจากคุณหญิงแม่ได้ ส่วนคุณหญิงแม่
คงยิ้มดีใจ ที่ฉันยอมเอาตัวเข้าแลกปลดหนี้ให้!
“ไปดีมาดีนะพิงค์ ได้ดีแล้วอย่าลืมแม่นะลูก”
แหมคุณหญิงแม่ ถ้าหนูได้ดีหนูจะถีบหัวส่งเลยค่ะ!
“ดูแลตัวเองดี ๆ ดูแลคุณอัฐกับคุณอิฐดี ๆ นะคะคุณหนู”
แม่เนี่ยแปลก แค่ตัวเองฉันยังเอาตัวไม่รอดเลย ฉันจะไปดูแลใครได้ แล้วคุณอิฐนั่นไม่รู้ฉันจะเข้าใกล้ได้รึเปล่า เห็นฉันเดินเข้าบ้าน ไม่แน่เขาอาจจะคว้าปืน ไล่ยิงฉันตายก่อนวัยอันควรก็ได้
ฉันล่ะกลัวใจลูกชายในอนาคตจริง ๆ
“เอาล่ะ ๆ ผมจะดูแลหนูพิงค์เอง ไม่ต้องห่วงกันนะ”
ลุงอัฐพูดจบท่านก็เดินอ้อมไปเปิดประตูรถเบนซ์เอสคลาสให้ฉัน ก่อนฉันจะก้าวขาขึ้นไปนั่ง และมองตรงไม่สนใจคุณหญิงแม่กับแม่ที่โบกมือลา
แต่ทันทีที่รถเบนซ์เอสคลาสขับผ่านพ้นประตูบ้าน น้ำตาฉันก็หยดเผาะลงมา ฉันจึงตัดสินใจรีบหันหลังกลับและเกาะเบาะรถมองหาแม่ ฉันอยากเห็นหน้าท่านอยากเห็นรอยยิ้มท่านอีก มันอาจจะไม่ใช่รอยยิ้มสุดท้ายก่อนจากลาก็จริง แต่ฉันคิดว่ายังไง ๆ ฉันก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่
และฉันก็ต้องการกำลังใจจากแม่มาก
จนฉันเห็นแม่ยืนยิ้มและโบกมือบ้ายบาย
ท่านยืนท่ามกลางแดดจ้าตอนบ่าย ไม่กลัวผิวจะดำ ไม่กลัวร้อน ส่วนคุณหญิงแม่น่ะเหรอ เหอะ กำลังเดินเข้าบ้านไปตากแอร์เย็น ๆ แล้ว
“เดี๋ยวหนูกลับมารับนะแม่ หนูไม่ปล่อยให้แม่อยู่กับคนใจดำ และเห็นแก่ตัวแบบนี้หรอก”
บ้านเตชะดำรงกิต
“เจ้าอิฐไปไหน” ขณะที่ฉันเดินลากกระเป๋าเป็นพจมานเข้าบ้านหลังใหญ่ ลุงอัฐก็ถามคนใช้ที่วิ่งมาช่วยถือของและกางร่มให้ท่าน
“คุณอิฐออกไปธุระค่ะ คุณอัฐรับอะไรไหมคะ?”
“ไม่ แต่เธอช่วยสั่งลูกน้องฉันทุกคนกับคนใช้ในบ้านไปที่ห้องโถงหน่อย ฉันจะแนะนำนายหญิงของบ้านให้รู้จัก”
นายหญิง ตำแหน่งฉันพอเรียกแล้วพิลึกกึกกือจัง แต่คนใช้ที่ถือร่มเดินตามเธอไม่ได้วิ่งแจ้นไปบอกใครตามสั่ง เธอวางตัวดีมาก รีบหยิบวิทยุสื่อสารที่คาดเอวไว้ขึ้นมาวอทันที ก่อนที่จะหันมาก้มหัวทักทายฉัน
“ลุงเลือกบอดี้การ์ดหญิงไว้ให้พิงค์แล้ว นี่หลินนะ ส่วนอีกคนชะเอม คนนั้นน่ะเห็นมั้ย ที่ยืนหน้าประตู”
พอฉันมองตามมือลุงอัฐ ก็เห็นบอดี้การ์ดหญิงคนนึงใส่เสื้อเชิตสีขาวรวบผมสูง ๆ ยืนอยู่ เธอสูงขาวดูแข็งแรง และเมื่อเธอหันมาเห็นฉันมองเท่านั้นแหละ เธอก็ก้มหัวให้ฉันทันที
ซึ่งตอนนี้ฉันยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ทั้งหลินและชะเอม ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านที่มีโซฟาหลุยส์ตัวใหญ่ตั้งตระหง่าน ม่านหรูแจกันหรูรวมไปถึงพรมที่ฉันเหยียบย่ำ ก่อนจะเห็นคนรับใช้ประมาณเกือบยี่สิบชีวิตนั่งอยู่บนพื้น
เอ่อ... นี่ยังไม่รวมลูกน้องชุดดำที่ยืนข้างหลังอีกเป็นแถว และเดินตามหลังลุงอัฐต้อย ๆ นะ มันเยอะมากจริง ๆ เยอะชนิดที่ว่าห้องโถงใหญ่นี้เล็กไปเลย
เมื่อลุงอัฐพาฉันเข้ามานั่งที่โซฟา ทุกคนก็ก้มหน้าไม่ยอมสบตาท่าน แต่เมื่อท่านหยิบไม้เท้าเคาะโต๊ะ ‘ปึก ๆ’ เรียกเท่านั้น ทุกคนก็สะดุ้งโหย่งเงยขึ้นทันที
“ฟังฉัน! หนูพิงค์จะมาอยู่ที่นี่ในฐานะนายหญิงของบ้าน ทุกคนต้องรับใช้และดูแลให้ดีที่สุด เหมือนที่ดูแลฉันกับอิฐ”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็มองหน้ากันทันที ก่อนที่ลุงอัฐจะถอนหายใจเฮือกอย่างรำคาญ
“เฮ้อ! ใครมีปัญหา?”
“ไม่มีค่ะ / ไม่มีครับ!” ทุกคนตอบพร้อมกันเสียงดังลั่น จนฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันคล้ายค่ายยุวกาชาดหรือค่ายลูกเสือ
“ดี! งั้นแม่บ้านเอาของพิงค์ไปเก็บห้องข้าง ๆ ห้องตาอิฐและจัดให้เรียบร้อย ส่วนของหมา” แล้วลุงอัฐก็เว้นช่วงหันมามองหน้าฉัน
“เอ่อ... พิงค์ขอให้มู่ทู่นอนในห้องได้ไหม พิงค์ติดมันน่ะค่ะ”
ลุงอัฐไม่ค้านแค่พยักหน้าตอบฉันเบา ๆ
“งั้นจัดที่หลับที่นอนให้หมาด้วย แต่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยก่อนเจ้าอิฐกลับบ้านนะ!”
“รับทราบค่ะนาย / รับทราบครับนาย!”
ทุกคนรีบรับคำ และลุกขึ้นก้มหน้าก้มตาหยิบกระเป๋าหยิบของฉันขึ้นไปบนบ้าน เรื่องที่ต้องจัดแจงทุกอย่างก่อนคุณอิฐกลับมา
นั่นฉันเข้าใจนะ ว่าถ้าเขากลับมาเห็นหน้าฉัน เขาคงโวยวายอาระวาด จนทุกคนไม่เป็นอันทำอะไร
ระหว่างรอแม่บ้านจัดห้อง ลุงอัฐก็สั่งให้หลินกับชะเอมบอดี้การ์ดสาวสวยแนะส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ซึ่งสองคนนี้ก็น่ารัก ช่วยฉันอุ้มมู่ทู่และแนะนำทุกอย่างเป็นอย่างดี
และตอนนี้ฉันก็เริ่มสนิทกับสองสาวที่แสนจะเฟรนลี่ถามไถ่มาก็รู้ว่า หลินอายุยี่สิบสี่ ส่วนชะเอมอายุยี่สิบเก้าฉันจึงเรียกบอดี้การ์ดสาวที่หน้าอ่อนกว่าฉันว่าพี่ทุกคน
เอาจริง ๆ ในที่นี่ฉันคงเด็กสุด ทุกคนดูโตเป็นการเป็นงาน ทำหน้าที่ของใครของมันเป็นสัดส่วน เพราะระหว่างฉันเดินสำรวจรอบบ้าน ฉันก็เห็นลูกน้องลุงอัฐเดินดูที่รั้ว ดูความเรียบร้อยต่าง ๆ ด้วย มันไม่มีใครนั่งเอ้อระเหยลอยชายกันเลยสักคน
“คุณพิงค์เคยเจอคุณอิฐรึยังคะ” คำถามของพี่ชะเอมทำฉันชะงักและหุบยิ้มทันที ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าหงึก ๆ ตอบตาละห้อย
“อ้าวทำไมทำหน้าแบบนั้น คุณอิฐดุคุณพิงค์เหรอคะ?”
“ดุมาก ดุยิ่งกว่าดุค่ะ เขาขู่เอาปืนจ่อหัวด้วยนะคะ พิงค์รับไม่ได้ น่ากลัวมาก ๆ”
“ไม่ต้องกลัวนะคะคุณพิงค์ ใจเย็น ๆ” พี่หลินรีบแตะมือฉันปลอบ ก่อนจะหันมองไปที่ประตูบ้านใหญ่ ๆ ที่กำลังเลื่อนเปิดหน้าบ้าน
ทำไมพี่หลินมีสีหน้ากังวลจัง
เดี๋ยวสิ อย่าบอกนะ!
“ทะ ที่บอกว่าไม่ต้องกลัว จริง ๆ แล้วคุณอิฐใจดีมาก ๆ ใช่มั้ยคะ?”
ฉันถามแต่ตายังมองประตูที่เปิด และรถที่ขับเข้ามาไม่ละสายตา ก่อนที่พี่หลินจะหัวเราะเบา ๆ เจื่อน ๆ แล้วบอกกับฉันว่า...
“แหะ ๆ คุณพิงค์เจอยังไง ก็เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ”
ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย เรื่องนี้ฉันเตรียมใจไว้แล้วก็จริง แต่พอได้ยินบอดี้การ์ดตัวเองยืนยันศักดินาของคุณอิฐ อยู่ ๆ ฉันก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา
ก่อนที่เสียง ‘ซู่ ๆ’ ของวิทยุสื่อสารที่เหน็บเอวพี่หลิน จะดังย้ำชะตากรรมของฉันว่า!
“คุณอิฐกลับมาแล้ว แม่บ้านเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างด้วย”
แม่จ๋า! เขากลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย
กรี๊ด... ใจเย็น ๆ นะพิงค์ ใจเย็น ๆ เธอเตรียมเหตุผลร้อยแปดสิบของเธอมาแล้ว เธอต้องอธิบายกับเขา อย่าไปกลัวสิ! ลุงอัฐก็อยู่บอดี้การ์ดเธอก็มี ตอนนี้เธอเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้แล้วนะ!
อย่าไปกลัว อย่ากลัว อย่าสั่น!
“คุณพิงค์จะไปพบคุณอิฐมั้ยคะ?”
“ไม่ค่ะ! พี่หลินพี่ชะเอมพาพิงค์ไปกบดานที่ห้องได้มั้ยคะ พิงค์ยังไม่พร้อมที่จะเจอเขา”
พี่ ๆ ทั้งสองขมวดคิ้วมองหน้ากัน แต่ก็ยอมทำตามที่ฉันสั่งหันมาเดินขนาบข้างฉัน และค่อย ๆ ลัดเลาะเข้าไปในบ้านจนขึ้นไปถึงชั้นบน
ฉันรู้ว่าคนที่อยู่ห้องติดกันคือใคร และในขณะที่ฉันก้าวผ่านหน้าห้องเขาไปห้องตัวเอง ฉันก็ย่องเบา ๆ เงียบ ๆ แต่ความซวยซ้ำซ้อนมันไม่ได้มีแค่นี้น่ะสิ! เพราะอยู่ ๆ มู่ทู่ก็ดิ้นจากอ้อมแขนฉันหล่นตุ๊บลงบนพื้นทันที
และรีบก้มหน้าก้มตา เห่าเงาที่ลอดช่องใต้ประตูห้องคุณอิฐ!
‘โฮ่ง โฮ่ง’
ไม่นะไม่ เงานั้นต้องเป็นคุณอิฐแน่ ๆ เขาเพิ่งกลับมา และฉันได้ยินว่าเขากำลังจะอาบน้ำ!
“จุ๊ ๆ มู่ทู่” มู่ทู่ไม่สนใจฉันที่เรียกเบา ๆ และก้มลงอุ้ม มันกลับนั่งลงและเอาเล็บข่วนประตู เหมือนสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของเงา
‘หงิง หงิง’
‘แคว้ก แคว้ก’
“อะไรวะ! หมาที่ไหนมาอยู่ในบ้าน!”
นั่นไง! เสียงบ่นที่ดังออกมาและเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทำฉันเริ่มหายใจติดขัด ก่อนฉัน จะค่อย ๆ โน้มไปกอดมู่ทู่อีกครั้งและอุ้มเขาขึ้นมา
แต่พยายามอุ้มเท่าไหร่ลูกชายฉันก็ดิ้นพล่าน ๆ เหมือนหมาโดนน้ำร้อน และมันก็ลงไปนั่งจ้องเงานั้นอีกครั้ง จ้องจนฉันทนไม่ไหวทั้งกลัวทั้งหงุดหงิดมาก
ฉันจึงเตรียมง้างฝ่ามือ จะฟาด
แต่! ฝ่ามือที่ง้างไว้ก็ต้องหยุดชะงัก! เพราะประตูบานใหญ่ตรงหน้าฉัน อยู่ ๆ มันเปิดพรวดออกมา!
“ยัยสีชมพู? เธอมาทำอะไรที่บ้านฉัน!”
ชะ ใช่ พิงค์คือสีชมพู แต่ทำไมต้องออกมาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียวแบบนั้นด้วยย!