คู่หมั้น

1050 Words
เช้าวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่างานเมื่อคืนสนุกสนานอิ่มหนำกันถ้วนหน้า งานเลี้ยงเลิกรากันเกือบตีสอง ทำให้หนุ่มหล่อเจ้าของบ้าน นอนยังไม่ตื่นแม้ว่าตอนนี้จะกินเวลาไปเกือบสิบเอ็ดโมงก็ตามที ร่างสูงของเจ้าของบ้านยังคงนอนขดตัวนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ภายในห้องที่มีอุณหภูมิเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ผ้าม่านที่กั้นรับแสงก็ยังไม่ถูกเปิดออก คนที่นอนก็คงไม่รู้ว่าเวลานี้กี่โมงเข้าไปแล้ว ก๊อก ก๊อก “ขุนเขา ตื่นได้แล้วลูก” เสียงเรียกอยู่หน้าห้องนอน เป็นเสียงของหญิงวัยเกือบห้าสิบ เรียกขานคนที่อยู่ในห้องด้วยเสียงที่อ่อนนุ่ม ทว่าร่างนั้นก็ยังไม่แม้แต่ขยับอะไรเลยด้วยซ้ำ “เขา ได้ยินแม่หรือเปล่าลูก” ความพยายามเหมือนจะไม่ลดละไปไหน เพราะกิ่งยังคงยืนเรียกพร้อมเคาะประตูอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง “ได้ยินแล้วครับแม่” เสียงที่ตอบกลับมานั้น เหมือนคนกำลังงัวเงียเสียงแหบพร่าตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก ส่วนผู้เป็นแม่ที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็ต้องเรียกว่าใช้ความอดทนในการรออยู่สักพัก จากนั้นประตูห้องก็แง้มออกมาพร้อมใบหน้าที่มันเมือก ผมเผ่ารุงรังของคนที่เมาค้างในเมื่อคืน “นี่มันสายมากแล้วนะ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว อาบน้ำได้แล้วพ่อจะพาไปวัด อีกอย่างพ่อเรามีเรื่องจะคุยด้วยเร็วๆ ละ” ประโยคคำสั่งหลุดออกมาจากปากของคนเป็นแม่ เมื่อพูดจบเธอก็เดินกลับลงไปที่ชั้นล่างไม่รอฟังเสียงทักท้วงคัดค้านแต่อย่างใด ส่วนเจ้าของห้องที่เปิดแง้มออกมาให้เห็นแค่ใบหน้า ก็เหมือนจะเซ็งบ้าง แต่ก็ไม่กล้าจะคัดคำสั่ง ในเมื่อผู้กุมอำนาจทุกอย่างในบ้านก็คือพ่อของเขา ขุนเขาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานนัก ก็เดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน จากนั้นก็มุ่งหน้ามาทางห้องรับรองที่คิดว่าพ่อของตนนั่งอยู่ แต่ก็อยู่จริงๆ “กว่าจะลงมาได้ กินเวลาเกือบเที่ยง” “โถ่…พ่อเมื่อคืนผมจัดงานวัดเกิดนะ พึ่งเลิกตอนตีสอง ไม่รู้จะรีบปลุกไปไหน วันนี้มันวันหยุดนะ” “ก็เพราะวันหยุดนี่ไง ถึงต้องตามแกลงมา ฉันจะพาแกไปทำบุญที่วัด อายุครบยี่สิบสองปีแล้วไม่ใช่เด็กๆ อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว” “แค่เรื่องทำบุญใช่ไหมที่รีบปลุก ไหนแม่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผมไง” ขุนเขาไม่รอช้าที่จะถาม ในเมื่อแม่ก็บอกว่าพ่อมีเรื่องจะคุยส่วนจะฟังไม่ฟังก็อีกเรื่อง ชายหนุ่มถามจบก็เป็นจังหวะที่หย่อนก้นลงนั่งพร้อมเอาหลังเอนไปพิงโซฟาตัวกว้าง สายตาก็ทอดมองออกไปทางหน้าต่างของห้อง “แกถามก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่อ้อมค้อม…เมื่อคืนฉันเห็นเอมร้องไห้ออกมาจากหลังบ้านเป็นจังหวะเดียวกับแกเดินเข้าไป ฉันรู้ว่าแกเป็นคนทำ…” เมศยังพูดไม่จบสายตาของขุนเขาลูกชายคนเดียวของเขาก็เหลือบมามองพร้อมกับพูดสวนขึ้นทันที “จะมาใส่ร้ายผมได้ยังไง ยายเอ๋อ คนนั้นขี้แย เดินไปสะดุดอะไรหรือปล่าก็ไม่รู้” “ขุนเขาทำไมไปว่าน้องแบบนั้น” เป็นเสียงของกิ่งที่โพล่งขึ้นปรามลูกชาย ไม่อยากให้ลูกชายไปว่าน้องเสียหาย แต่ดูเหมือนขุนเขาจะไม่สนใจอะไร เขาทำหน้านิ่ง จนเมศผู้เป็นพ่อต้องพูดขึ้นอีก “แกจะว่าอะไรก็เกรงใจหน่อย!” “ทำไมต้องเกรงใจครับพ่อ ผมต่างหากที่อยากเตือนพ่อ บ้านอานิกรมีปัญหาการเงิน ผมรู้ อีกหน่อยก็มาหลอกยืมเงินพ่อเข้าสักวัน” สิ่งที่ลูกชายพูดไม่ใช่ว่าเมศไม่รู้ เขารู้ทุกอย่าง และยังเป็นคนช่วยเหลือมาโดยตลอด เมศยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นมาดื่ม โดยที่ไม่ได้โต้กลับอะไรกับลูกชาย ปล่อยให้ขุนเขาได้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูด เมื่อเห็นว่าลูกชายเงียบแล้ว ตัวเขาก็พูดขึ้นบ้าง “คราวนี้แกจะฟังฉันได้หรือยัง ทีแรกฉันคิดว่าจะบอกแกตอนเรียนจบ แต่ตอนนี้มันก็สมควรที่แกจะรู้แล้ว คนที่แกกำลังว่า อนาคตเขาจะเป็นพ่อตาแก และคนที่แกบอกไม่สนใจ อนาคตเขาจะเป็นแม่ของลูกแก” แค่ได้ยินก็ถึงกับชะงัก งวยงงกับคำพูดของผู้เป็นพ่อเป็นที่สุด ใครคือพ่อตา แล้วใครคือแม่ของลูก “เดี๋ยวนะครับ พ่อพูดเรื่องอะไรใครคือพ่อตาผม” “เขา ฟังแม่นะลูกตอนนี้เขาโตแล้วก็น่าจะรับรู้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะมีแฟน แม่กับพ่อก็ปรึกษากันแล้วว่า ต้องบอกเขาให้รู้ หนูเอมคือคู่หมั้นของลูก เราตกลงกันไว้นานแล้ว” “เหอะ แม่ครับนี่มันสมัยไหนแล้วจะมาคุมถุงชนได้ยังไง อีกอย่างพ่อกับแม่รู้ได้ยังไงว่าผมยังไม่มีแฟน และผมบอกตรงนี้เลยว่า ผมไม่มีทางเอาเด็กคนนั้นมาทำเมียแน่ …กินไม่ลง” “ขุนเขา!!” คราวนี้คนที่โพล่งเสียงหนักคือพ่อ ส่วนชายหนุ่มร่างสูงก็เหมือนจะเตรียมท่าลุกหนี เมศรู้ดีว่าลูกดื้อ แต่คำมั่นและสัญญามันก็ต้องเป็นไปตามนั้น อีกอย่างเฌอเอมเธอไม่มีข้อไหนขาดตกในการเป็นสะใภ้บ้านนี้สักนิด “นั่งลง แกจะไปไหน” “วันนี้ผมไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น เชิญพ่อกับแม่ไปกันสองคนเถอะครับ” “หากแกดื้อรั้นไม่ฟังในสิ่งที่ฉันบอกละก็ รับรองได้เลยว่าบัตรแกทุกใบเงินทองทุกบาทฉันจะอายัดให้หมด!” “พ่อ!!” **ฝากกดหัวใจจ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD