“หากแกดื้อรั้นไม่ฟังในสิ่งที่ฉันบอกละก็ รับรองได้เลยว่าบัตรแกทุกใบเงินทองทุกบาทฉันจะอายัดให้หมด!”
“พ่อ!!”
ถึงกับชะงักตกใจกับคำขาดที่พ่อยื่นให้ หากพ่อตัดความสะดวกสบายของตนออกไปจริงๆ แบบนั้นก็คงแย่ อีกทั้งแม่ก็คงไม่ช่วยเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่คนเป็นพ่อ
ขุนเขาแทบจะก้าวเท้าไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้ถูกตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนไหน และที่สำคัญยายคนนั้นรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า
ชายหนุ่มเบนสายตาไปมองพ่อ จากนั้นก็มีเสียงอ่อนนุ่มอ่อนหวานของแม่พูดขึ้น
“นั่งลงก่อนลูก เชื่อพ่อฟังพ่อก่อน” แม้ไม่อยากนั่งแต่ก็ต้องยอม เพราะกลัวว่าพ่อจะทำอย่างที่ปากพูด หากเป็นแบบนั้นตนคงแย่ เพราะแม่คงไม่มีทางช่วยอยู่แล้ว
“เอาละ จากนี้แกต้องคบกับน้อง ศึกษานิสัยกันไปก่อน รอให้เรียนจบค่อยว่ากันอีกที”
“พ่อครับ ผมก็บอกพ่ออยู่นี่ไงว่า ผมไม่ได้รักเธอ”
“แกยังไม่ศึกษาเขาเลยจะรู้ได้ไงว่าไม่รัก”
“คนที่เขาจีบกันมันต้องเริ่มจากความรัก พ่อไม่เข้าใจหรือไง อีกอย่างยายนั้น ไม่ใช่สเปกผมสักนิด”
“เขา!” เสียงของกิ่งโพล่งขึ้นอีกครั้งพร้อมกับส่วยหัวไปมา ตนรู้ว่ามันยากแต่ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ทำไม่ได้เพราะลูกชายก็ยังไม่รู้นิสัยของหนูเอม ยังไม่ทันลองก็ตัดสินใจเขาเสียแล้ว
“แกไม่มีสิทธิ์ ที่จะปฏิเสธ เว้นเสียแต่หนูเอมจะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นหากเขาไม่รักแก แต่ถ้าฉันรู้ว่าแกทำให้น้องเสียใจ แกเตรียมตัวหางานพิเศษทำได้เลยเพราะฉันจะตัดเงินแกทุกช่องทาง”
แค่นั่งฟังก็รู้สึกได้ว่าเป็นการบังคับที่ตนไม่มีแม้แต่ข้อขัดแย่ง แถมพ่อยังปิดตายทุกช่องทางอีก ไม่รู้ว่าไปโดนบ้านนั้นฝังอะไรเข้าไปที่หัว เอาลูกมาขายไม่พอยังมาบังคับแบบนี้ ยิ่งคิดขุนเขาก็ยิ่งขมวดคิ้ว สีหน้าดำคล้ำลงถนัดตา จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เรื่องที่จะไปทำบุญก็คงต้องเป็นโมฆะเพราะเจ้าของวันเกิดในเมื่อคืนไม่มีอารมณ์แม้แต่นิด ในสมองมันดันคิดวนๆ ซ้ำๆ กับเรื่องคู่หมั้นที่ตนไม่รู้ แถมคนที่พ่อและแม่หมายปองยังไม่อยู่ในสายตาอีก ยายเฉิ่มปีหนึ่งเด็กข้างบ้านที่จะมาเป็นเมีย แค่คิดก็ถึงขั้นต้องเบ้ปากกันเลยทีเดียว
“ยายเอม มิน่าละพักนี้เข้าออกบ้านบ่อยๆ หวังสมบัติพ่อกูละสิ ชั่วทั้งพ่อทั้งลูก” เสียงด่าขึ้นลอยๆ ในขณะที่ตนเองยังนั่งอยู่ในห้องนอน เมื่อพูดแล้วก็ล้มตัวนอนราบลงไปกับที่นอนกว้าง ในหัวก็คิดหาวิธีต่างๆ ที่จะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ การคลุมถุงชนที่ตนไม่ยินยอมมันหัวโบราณชะมัด
แค่คิดก็รู้สึกหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงหน้าซื่อๆ ของเด็กข้างบ้านยิ่งพรานทำให้ใจร้อนรุ่มโมโหเอาดื้อๆ จนคิดจะทำเรื่องบางอย่างเพื่อความซะใจ
ฮัดฉิ้ว
เสียงหวานจามออกมาด้วยอาการเหมือนจะเป็นหวัด เฌอเอมนั่งอ่านหนังสือในห้องนอนส่วนตัวพร้อมกับหยิบทิชชูมาเช็ดที่จมูก สงสัยเมื่อคืนจะพักผ่อนน้อยหรือเพราะนั่งกลางแจ้งที่มีหมอกลงนานไปหน่อยเลยทำให้รู้สึกคล้ายจะเป็นหวัดแบบนี้
ก๊อก ก๊อก
“ยายหนูพ่อจะออกไปดูร้านนะลูก” เสียงที่เอ่ยบอกอยู่ข้างนอกเป็นเสียงของพ่อเธอ นิกร
อย่างที่รู้ว่าบ้านของเอมทำธุรกิจร้านอาหาร เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังอยู่ธุรกิจก็รุ่งเรืองมาตลอด ทว่าหลังจากที่ล้มป่วยมานี้มีปัญหาตลอดแต่ นิกรก็เลือกที่จะไม่บอกลูกสาวกลัวจะเสียการเรียน
หลังจากที่พ่อออกไปแล้ว เธอก็ออกมาจากห้องลงมาที่ชั้นล่าง บ้านนี้ไม่ได้จ้างแม่บ้านเหมือนบ้านของกิ่งและเมศ เพราะนิกรต้องการลดค่าใช้จ่ายเพื่อนส่งลูกสาว ดังนั้นงานบ้านที่เธอพอช่วยพ่อได้เธอก็ทำ ส่วนอาหารด้วยความที่บ้านทำร้านอาหารก็เลยไม่ต้องซื้อเพราะจะมีรถมาส่งให้อยู่แล้ว
ลงมาแล้วก็จัดการหามื้อเที่ยงแล้วนั่งทานเงียบๆ พร้อมกับคิดอะไรไปเพลินๆ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก
“พ่อลืมอะไรหรือเปล่า” เหมือนจะแอบแปลกใจอยู่บ้าง ปกติพ่อก็น่าจะเข้ามาเลย แต่นี่เคาะ หากเป็นคนอื่นก็ไม่น่าใช่เพราะเขาหน้าจะกดกริ่งหน้าบ้านไม่ใช้เข้ามาเคาะในบ้านแบบนี้
เฌอเอมลุกออกจากที่แล้วเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน เมื่อเปิดออกจนกว้าง เห็นสิ่งตรงหน้าก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขุนเขาถึงมาที่นี่ อีกทั้งเขาเองก็ไม่เคยมาด้วยซ้ำแม้ว่าบ้านจะอยู่ติดกันก็ตามที
“พี่ขุนเขา มีอะไรคะ ถึงได้มาถึงที่นี่”
“มี…ไม่มีจะมาทำไม ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
พูดจบก็ดันประตูเข้าไปข้างในบ้านตัวบ้าน กริยาที่ทำนั้น มันดันก่อให้เกิดความสงสัยกับเฌอเอมมาก แม้ว่าบ้านจะอยู่ใกล้กันแต่ร้อยวันพันปีชายหนุ่มก็ไม่เคยที่จะก้าวเท้าเข้ามาเหยียบสักครั้ง
“พ่อไม่อยู่ พี่ขุนเขามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ได้ยินเท่านั้นก็หันกลับมามองพร้อมยกยิ้มขึ้นมาประดับที่ใบหน้าเล็กน้อย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสาวเท้ามาหาเฌอเอมที่ยืนอยู่ จนเจ้าตัวเล็กเจ้าของบ้านต้องถอยหลังอัตโนมัติ
“พี่ขุนเขา พี่ขุนเขาจะทำอะไรคะ” ดูเหมือนว่าเธอจะแอบกลัวอยู่บ้าง เพราะไม่เคยเห็นว่าเขาจะมาที่บ้านแถมตอนนี้ใบหน้าและท่าทางของเขายังดูเปลี่ยนไปอีก
“หน้าตาเธอก็ไม่ได้ขี้เหล่นิ ทำไมพ่อเธอถึงพยายามใส่พานถวายคนอื่นที่เขาไม่อยากได้ด้วย” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากหนุ่มหล่อ แน่นอนว่าเฌอเอมเธอไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เท้าก็ยังถอยอยู่อย่างนั้น จนหลังไปชิดกับผนังของบ้านเป็นที่เรียบร้อย
“พี่พูดอะไรคะ เอมไม่เข้าใจ”
“อย่ามาแกล้งโง่ หน้าอย่างเธอนี้หรือจะไม่เข้าใจเรียนก็ดีนิ พูดแค่นี้ทำเป็นไม่เข้าใจ”
“พี่ขุนเขา เอมไม่เข้าใจจริงๆ พี่หมายถึงเรื่องอะไรกันแน่” เท้าของขุนเขาหยุดนิ่งต่อหน้าของเฌอเอม จากนั้นเขาก็ยิ้มร้ายจนสาวน้อยที่ยืนต่อหน้าแอบขวัญผวาอยู่ไม่น้อย
“เข้าออกบ้านคนอื่น ทำราวกับเป็นบ้านตัวเอง ที่แท้ก็แอบวางแผนกับพ่อ คงหวังในสมบัติเงินทองของฉันไว้แล้วสิ ถึงยอมทำตามที่ผู้ใหญ่บอกแบบนั้น”
“พี่ขุนเขา พี่หยุดว่าคนอื่นซะทีได้ไหม เอมไม่รู้ว่าพี่หมายความว่ายังไง อยู่ๆ พี่เข้ามาบ้านเอมแล้วมาว่า มาด่าคนอื่นแบบนี้เขาเรียกไร้มารยาทนะรู้หรือเปล่า”
“เหรอ! คนอย่างเธอกับพ่อก็ไม่ควรมีมารยาทด้วยอยู่แล้ว โดยเฉพาะพ่อเธอ ที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกในทางที่ดี ขาดแม่ก็งี้”
เพี้ย!
คงจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เฌอเอมเหวี่ยงฝ่ามือหนักใส่หน้าของพี่ขุนเขาที่เธอนับถือเหมือนพี่ชาย จนใบหน้าหนุ่มหล่อเหวี่ยงตามแรงมืออย่างจัง ส่วนสาวน้อยเมื่อทำแบบนั้นแล้วก็ชะงักด้วยความตกใจ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอกับเขาก็แทบจะไม่ค่อยคุยกัน แต่วันนี้ พี่ชายข้างบ้านพูดแรงไปจริงๆ
พรึบ…แขนเล็กถูกจับยกจนลอยขึ้นสูง พร้อมคำถามที่ตะคอกใส่หน้า “เธอกล้าตบฉันเหรอ!”