แค่ได้ยินที่แม่บอกแบบนั้นเรียวคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันทันที ไม่รู้ว่าแม่ของตนไปหลงเด็กคนนั้นอะไรนักหนา
“ยืนอยู่ทำไมลูกไปตามน้องให้ที” แม้ว่าไม่อยากไปก็จำใจต้องไป เพราะนั่นคือคำสั่ง
ขุนเขาเดินมาที่บ้านของเฌอเอมแต่ด้วยเจ้าของบ้านไม่ได้ ล็อกประตูรั่วทำให้เดินเข้าไปไม่ยาก เมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เรียกอะไร ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน สอดส่ายสายตามองหาคนตัวเล็กกว่า ทว่าก็ไร้เงา แต่สมองกับฉุกคิดขึ้นได้ว่า บ้านมีสองชั้น หากไม่อยู่ที่ชั้นล่างก็ต้องอยู่ชั้นบน
ท้าวหนักไม่รอช้าที่จะก้าวขึ้นบันใดชั้นสอง การเดินของขุนเขาไม่ได้ทำให้เกิดเสียง แต่กลับเป็นการเดินย่องเสียมากกว่า สายตาก็มองหาว่าห้องของเฌอเอมอยู่ตรงไหน แต่แล้วก็เห็นห้องที่ประตูปิดไม่สนิทและมีร่างบางของสาวน้อยเจ้าของบ้านกำลังยืนทำอะไรสักอย่าง
ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปประชิด สายตาคมฝังแนบลงไปที่ช่องประตูเล็ก ร่างของเฌอเอมกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อนักศึกษา โดยปกติแล้วเธอก็ถอดแบบนี้ทุกครั้ง แต่ที่ไม่ปกติคือการถ้ำมองของพี่ชายข้างบ้าน
มันน่าแปลกอยู่มาก เรือนร่างอรชนนั้นดูซ่อนรูปผิดแปลกตาจนกลืนน้ำลายแทบลำบาก โดยปกติเธอก็เป็นคนใส่เสื้อผ้ามิดชิดปกปิดเนื้อหนังเลยยากที่จะเห็นรูปร่างแบบนี้เต็มตา
ส่วนเอมเธอไม่รู้ว่ามีคนแอบมองเมื่อถอดเสื้อแล้วก็เห็นเพียงชุดชั้นในตัวเดียว เธอเดินมาหยิบเสื้อยืดตัวโคล่ง ทว่าสายตากับมองเห็นอีกตาที่มองลอดประตูเข้ามา
“กรี๊ดดด อร๊ายยย”
ด้วยความตกใจทำให้เธอต้องเผลอแผดเสียงร้องออกมาดังลั่น ไม่ต่างจากขุนเขาที่ยืนแอบมองก็ตกใจไม่น้อย อีกทั้งกลัวว่าเสียงของเอมจะดังไปถึงบ้านของตน ชายหนุ่มพรวดพลาดเข้าไปพร้อมเอามือมาปิดที่ปากน้องไว้
“เงียบเดี๋ยวนี้!” มือหนารีบปิดที่ปากของเฌอเอมแน่น ส่วนสาวน้อยตอนนี้เธอยังไม่ใส่เสื้อสิ่งที่ทำได้คือยกมือมาทาบปกปิดที่เนินอก พร้อมอาการที่เรียกว่าสั่นกลัวไปหมด
“ฮือ…” เธอเห็นเต็มสองตาว่าเป็นขุนเขา แต่ที่เธอไม่รู้คือพี่เขามาทำไม แล้วมาแอบดูเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออะไรกันแน่
สายตาของขุนเขาจดจ้องมองลงไปที่เนินอกขาวพลางกลืนน้ำลาย จนต้องเรียกสติคืนมาแล้วพูดขึ้นเสียงเย็น
“ถ้าฉันเปิดปากเธอออก ห้ามร้องนะ ถ้าร้องฉันจะจับเธอปล้ำตรงนี้” ด้วยความตกใจก็ได้แต่พยักหน้า จากนั้นขุนเขาก็ปล่อยมือออก ทำให้เฌอเอมต้องถอยหลังออกมา พร้อมก้มมองตัวเอง จากนั้นเธอก็รีบคว้าเสื้อมาใส่เพราะกลัวว่าขุนเขาจะเปลี่ยนใจ
“พี่มาแอบดูเอมทำไม พี่เข้ามาได้ยังไง” เสียงที่ถามมันสั่นเครืออยู่บ้าง ถามพร้อมการใส่เสื้อแบบลวกๆ
“ประตูบ้านไม่ล็อก ฉันถามจริงเถอะเวลาเปลี่ยนเสื้อทำไมไม่เข้าห้องน้ำ หากไม่ใช่ฉัน ฉันคิดว่าเธอไม่น่ารอดนะ”
“ก็ไม่เคยมีใครโรคจิตขึ้นมาแอบดูแบบนี้นี่คะ พี่มาพี่ก็น่าจะเรียกก็ได้นิ ทำไมต้องแอบแบบนี้เอมเสียหายนะ”
ขุนเขาทำหน้าไม่รู้ร้อน จากนั้นก็เดินไปนั่งที่เตียงนอนของเอมอย่างหน้าตาเฉย พร้อมคำพูด
“เธอจะมาอายอะไร อีกหน่อยฉันก็คงเห็นมากกว่านี้ ขนาดเห็นเมื่อกี้ยังไม่มีอารมณ์เลย”
“พี่ขุนเขา!” เสียงที่ตะคอกใส่เหมือนจะทำให้อีกคน ทำหน้าทะเล้น ส่วนเฌอเอมเธอไม่รู้ว่าที่พี่ชายข้างบ้านมาเพราะจุดประสงค์ใด มันจึงเกิดคำถามขึ้น
“สรุปพี่มาทำไม”
“แม่ให้มาตาม” เขาพูดแค่นั้นก็นั่งมองเฌอเอมด้วยสายตาแปลกๆ จนเอมเธอรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเสียดื้อๆ ก่อนที่เธอจะตัดบทลง
“พี่กลับไปก่อน เดี๋ยวเอมตามไป ขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”
“ก็เปลี่ยนสิ”
“พี่อยู่เอมจะเปลี่ยนยังไง”
“ห้องน้ำไม่มีหรือไง หรือจะยืนถอดตรงนี้ก็ได้นะ ยังไงฉันก็ไม่พิศสวาทเธออยู่แล้ว” ปากบอกว่าไม่พิศสวาทน้องแต่สายตาที่มองเอมไม่ลดละ ไม่รู้ว่าจะเชื่อดีหรือไม่ สุดท้ายขุนเขาก็ไม่ยอมลุกออกจากห้องจริงๆ เฌอเอมต้องยอมเลือกกางเกงจากตู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยดี
หลังจากที่เปลี่ยนกางเกงเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทว่าสิ่งที่เฌอเอมเห็นมันยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปใหญ่ ก็พี่ชายอย่างขุนเขานอนพิงหัวเตียงเล่นเกมสบายใจ
“ทำไมพี่ยังอยู่ไม่เดินไปก่อนละ”
“ก็แม่ให้มาตามเธอก็ต้องรอไปพร้อมกันไหม ขี้เกียจให้แม่ถาม เสร็จแล้วใช่ไหมจะได้รีบไป”
พูดแค่นั้นก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน แล้วเดินนำหน้าของเฌอเอมไป ส่วนเอมเธอไม่รู้จะใช้ความรู้สึกแบบไหนกับขุนเขาบางครั้งเขาก็ดูไม่มีพิษมีภัยแต่บางครั้งก็ดูน่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้ คนแบบนี้นะเหรอที่จะมาเป็นพ่อของลูก
ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมๆ กัน กิ่งเห็นแล้วก็เผยรอยยิ้มสดใส พร้อมคำถามที่หันมาถามว่าที่ลูกสะใภ้
“ทำไมมาช้าจังเลยละ พี่ได้ว่าอะไรหรือเปล่า”
“ออ…เปล่าค่ะ คือเอมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
“อ๋อ…งั้นเข้าครัวกันดีกว่า วันนี้ป้ามีเมนูพิเศษจะพาทำด้วยนะ” พูดพลางเดินโอบเอวว่าที่ลูกสะใภ้ไปพลาง ส่วนขุนเขาที่เห็นแบบนั้นกับเบ้ปากมองบน เอียนทุกครั้งกับสิ่งที่แม่ทำกับลูกสาวเพื่อนบ้าน เมื่อเห็นแบบนั้นตัวเองก็เดินขึ้นชั้นบนของบ้านแทน
เวลาผ่านไปจนพักใหญ่ มื้อค่ำของบ้านก็เรียบร้อย และตอนนี้ทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมด ทั้งลุงเมศเจ้าของบ้าน ทว่าวันนี้พ่อของเฌอเอมก็มาร่วมทานด้วย แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกเหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการไว้ทุกอย่างแล้ว
“แปลกดีนะครับ ปกติอานิกรต้องปิดร้านสี่ทุ่มไม่ใช่เหรอครับ ทำไมวันนี้ถึงมาเร็วได้”
“อืม…พ่อเป็นคนโทรให้อามาเอง และที่สำคัญวันนี้เราจะคุยเรื่องสำคัญกันด้วย”
“เรื่องสำคัญ?” เสียงที่ย้ำถามคือเสียงของขุนเขา เพราะไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญที่พ่อจะพูดเป็นเรื่องอะไร ส่วนเมศที่ลูกถามแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเปิดเรื่องทันที
“ใช่ วันนี้เราก็มาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว เรื่องที่พูดก็เป็นเรื่องหมั้นของแกกับหนูเอมนั่นแหละ”
“หมั้นเหรอครับ”
“ก็ใช่นะสิ ก็เราแค่หมั้นหมายกันปากเปล่า แต่ตอนนี้นิกรก็บอกลูกไปแล้วนิใช่ไหม ส่วนแกฉันก็บอกไปแล้ว มันคงถึงเวลาที่จะทำให้ถูกต้องแล้ว”
ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ไม่เพียงแค่ขุนเขาเท่านั้นหรอกที่อึ้งกับคำพูดของพ่อ เฌอเอมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ต่างฝ่ายก็ต่างหันมาสบตากัน จากนั้น เฌอเอมก็พูดบ้าง
“เอมยังเรียนไม่จบเลยนะคะ เอมว่าเรารอก่อนก็ได้”
“แค่งานหมั้นเองหนูเอม หมั้นไว้ก่อนพี่เขาจะได้รู้ตัวว่ามีคู่หมั้นจะได้ไม่ต้องไปตอแยใครไง” เป็นเสียงของกิ่งที่พูดบ้าง พร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปให้สาวน้อยตรงหน้าที่นั่งตรงข้ามกับเธอ
“แล้วนายคิดว่ายังไงละ กร”
“มันจะดูเร็วไปไหมพี่ อีกอย่างเอมก็ยังเรียนอยู่”
____________
ฝากกดติดตามด้วยนะคะ