เมื่อคืนฝันว่าพ่ออุ้มมานอนบนเตียงนิหว่า แล้วนี่มันเตียงที่ไหน ทำไมคุ้น ๆ ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย มองไม่ชัดแบบนี้ จะรู้ได้ไงว่าอยู่ที่ไหน ไม่สิจริง ๆ แล้วเดาไม่ยาก น่าจะห้องพักของรีสอร์ต มันถึงได้คุ้นนัก พชิราสำรวจข้างตัวให้แน่ใจว่าไม่มีใครนอนด้วย ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ข้างกายของเธอว่างเปล่า
“แว่นล่ะ แว่นฉันไปไหน” เธอพยายามจะมองหาแว่นสายตา ที่ตอนนี้มันหายไป หายไปไหน หรือทำตกไว้กลางทาง
พชิรา เริ่มออกจากห้อง แม้จะมองเห็นทาง แต่มันก็มัวเหลือเกิน เธอออกจากห้องโดยไม่ลืมเอาคีย์การ์ดไปคืนด้วย แต่จะทำอย่างอื่นได้ ก็ต้องหาแว่นตาให้เจอก่อน งื้อออ แสบตา ทั้งแสงทั้งลม ทำให้เธอต้องหยีตา เอาไว้ตลอด พชิราพยายามใช้มือช่วยสัมผัส กับสิ่งกำลังเดินผ่านด้วยความไม่เคยชิน
“คุณ คุณ มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า เอ๊ะ ผมเหมือนเคยเจอคุณที่ไหนรึเปล่า”
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันหาแว่นตา ถ้าไม่มีแว่นตาฉันคงจำคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนที่นี่ เราคงไม่รู้จักกันหรอกค่ะ” พชิราตอบปฏิเสธกลาย ๆ เพราะเสียงของเขาไม่ใช่คนที่นี่แน่ ๆ
“หาแว่นตาหรอ สีอะไรแบบไหนล่ะ ผมช่วยหา” ผู้ชายคนนั้นพยายามจะช่วยพชิราหาแว่นตาที่หายไป แต่การอยู่ใกล้ผู้ชาย มันทำกลับทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย แม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม
“กรอบสีดำ อันใหญ่ ๆหน่อยอะค่ะ คุณเห็นมันตกแถวนี้บ้างไหม”
“ผมประคองคุณดีกว่า แบบนี้คงเดินลำบาก”
“ไม่ต้อง” พชิราพูดสวนขึ้นมาทันที ทำให้คนตรงหน้าตกใจไม่น้อย แต่ก็ได้แต่คิดว่าที่พชิราตะคอกใส่เขาเพราะว่าตัวเองมองไม่เห็น แล้วไม่กล้าไปกับคนแปลกหน้ามากกว่า
“ให้ผมช่วยเถอะ มองไม่เห็นแบบนี้แล้วเดินยังไง”
ปฐพี Say ::
“คุณณคุณ ลูกคุณแก้วตาก็ดูหน่วยก้านดีนะ มารับช่วงต่อคนเป็นแม่ ตลาดจะได้มีคนรุ่นใหม่มาบริหารซะที เรากับคุณแก้วตาก็สนิทกันมานาน” พ่อผมพูดขึ้นมา หลังจากคุณณคุณลูกชายเจ้าของตลาด นำกระเช้าผลไม้มาฝากตัว ที่ต้องมารับหน้าที่ต่อคนเป็นแม่
“ดินแกก็ดูแลเขาหน่อย ตอนนี้งานพวกนี้มันไม่ใช่หน้าที่พ่อแล้ว”
“ตอนนี้ผมทำงานจนแทบจะไม่มีเมียอยู่แล้ว” ผมตอบแกมประชดคนเป็นพ่อ ที่ยัดงานมาให้ผมเยอะแยะเหลือเกิน
“เมียมีคนเดียวก็พอแล้ว แค่พอใจคนเดียวก็พอแล้ว โทรหาน้องเขาบ้างเถอะ” คนเป็นพ่อยังคงพยายามให้ผมไปสานสัมพันธ์ กับพอใจลูกของเพื่อนสนิทพ่อ
“ผมไปทำงานดีกว่า ไปนะครับแม่ ไปส่งไอ้น้ำตั้งแต่เช้า สายขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เข้ารีสอร์ตเลย”
“ไปเถอะจ๊ะ ดินนน มีปัญหาอะไร คุยกับแม่ได้นะลูก” ฟ้าใสมองลูกชายด้วยสายตาเป็นห่วง แม้เขาจะเป็นคนที่ไม่น่าห่วงที่สุดก็ตาม
ผมได้แต่ยิ้มให้คนเป็นแม่ ก่อนจะออกจากบ้านไปที่รีสอร์ต แต่พอมาถึงกลับเจอคุณณคุณ กำลังทำอะไรก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับแม่นักเขียนนั่น เหมือนกำลังหาของ อย่างคนร้อนใจ ผมเลยรู้ได้ทันที ว่ากำลังหาของที่สำคัญมาก ๆ อยู่แน่ ๆ
“ไอ้ที เอาแว่นไปให้พชิรา”
“ผมว่านายควรเอาเข้าไปให้เองนะครับ”
“ใครเป็นนายแกกันแน่ ฉันมีงานต้องทำ เอาไปให้เสร็จกลับมาเลย วันนี้ฉันต้องไปจัดการเรื่องโรงงานที่จะมารับผลไม้เราอีก”
“ครับนาย”
ผมเดินเข้าห้องทำงาน โดยไม่สนใจเรื่องของเธออีก งานผมมันอาจจะไม่ได้เยอะอย่างที่บอกพ่อไปนัก แต่ผมแค่กำลังหนี ผมรับปากพ่อกับแม่ไปแล้ว ถ้าพอใจเธอชอบผม หรือมีใจให้กันมากพอ ผมจะยอมแต่ง แต่ผมไม่เคยไปสานสัมพันธ์กับเธอหรอก เป็นพี่น้องยังไง ก็ยังคงเป็นแบบนั้น เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบ เธอพูดมากเกินไป
ไม่นานไอ้ทีก็กลับเข้ามาในห้อง มาคนเดียว ผมมองอยู่นาน ว่าจะมีใครเดินตามเข้ามารึเปล่า แต่ก็ไม่มี
“ยังอยู่กับคุณณคุณครับ คุยกันถูกคอเลย”
“ก็ดีแล้วนิ”
ไรกัน เมื่อคืนยังมาอ้อนให้ลูบหัวอยู่เลย ตอนนี้ดันลืมงั้นหรอ นิสัยแมวจริง ๆ ใครทำดีด้วยก็ไปงั้นรึไง ผมหงุดหงิดจนเผลอผลักแฟ้มเอกสารออก พูดอะไรออกมาตอนเมาแล้วไม่ต้องรับผิดชอบหรอ ไหนบอกจะยอมเป็นแมวให้ผมเลี้ยงไง
“ให้ผมไปเรียกให้ไหมครับ”
“ไม่ต้อง” ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น แล้ววันนี้ผมก็มีที่ต้องทำ ที่สำคัญมากกว่าแม่นักเขียนนั่น
ตกบ่ายผมก็ไปจัดการธุระของตัวเอง เพราะผลผลิตที่มากมายเกินกว่าตลาดต้องการมาก ทำให้ชาวไร่ด้วยกัน หันมาตัดราคากันเอง จนถูกต่ำเตี้ยแทบจะไร้กำไล แล้วยิ่งเป็นผู้ประกอบการที่รับซื้อเยอะ ๆ แบบนี้ ชาวบ้านแทบจะขายขาดทุน โดยไม่รู้โทษของมัน เมื่อราคามันต่ำเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ผมเลยต้องถอนตัวจากการเป็นคู่ค้า แล้วหาโรงงานอื่นแทน กว่าจะเสร็จธุระก็มืดเสียแล้ว
“นายแวะไหมครับ”
“ไม่อะ ฉันเหนื่อยมากพอแล้ว”
ในคืนนั้นเอง พชิรา Say ::
“คุณเรียกฉันมาในห้องนี้อีกทำไม” จู่ ๆ ฉันก็ถูกคุณปฐพีเรียกมากลางดึก มีอะไรอะ แล้วเรียกมาทำไม
“2 ครั้งแล้วที่ฉันต้องเก็บเธอขึ้นมาจากพื้น 2 ครั้งแล้วที่ฉันต้องอุ้มเธอ แล้วเมื่อวานเธอพูดอะไรไว้ จำได้รึเปล่า” เสียงถามมานิ่งเรียบทำเอาฉันเริ่มทบทวนว่าควรจะทำอะไร
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน ฉันซึ้งใจมากเลย แต่ฉันจำไม่ได้ว่าฉันพูดอะไร ถือว่าอย่าว่าคนเมาเลยนะคะ เมื่อคืนฉันทั้งเมาและง่วง อ่านหนังสือของคุณทั้งคืน แล้วนั่งทำงานยันเย็น ไหนจะมาต้องโดนพวกพี่ลี่ยัดเยียดให้กินเหล้าอีก จำไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“ความผิดของฉัน จำไม่ได้ยังต้องชดใช้ คำพูดของเธอ จำไม่ได้จะไม่รับผิดชอบหรอ”
แล้วฉันไปพูดอะไร ทำไมถึงทำให้เขามาทวงคำพูดของคนเมาแบบนี้
“ดีนะ ฉันรู้อยู่แล้วต้องมีเรื่องแบบนี้ เลยบันทึกเสียงเอาไว้ด้วย” คุณปฐพีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดเครื่องบันทึกเสียง ที่อัดเอาไว้แล้ว
เสียงที่บันทึก
“ปล่อยฉันได้ละ ตื่นแล้วก็หาทางกลับไปเอง เมาแล้วนอนได้ทุกทีรึไง”
“ไหนคุณบอกฉันเป็นแมวของคุณงายยย” เสียงพูดของฉันที่ยืดยาวทำเอาฉันต้องเอามือขึ้นมากุมขมับ เพื่อฟังต่อ
“ฉันไปพูดกับเธอตอนไหน”
“วันที่คุณจิ้มฉันไง คุณบอกว่า เป็นแมว อย่าริอาจจจจ กาดจ้าววของงง” โอ้ยยยย ไม่อยากฟังต่อแล้ว
“น่าสนุกดี เธอจะยอมเป็นแมวของฉันงั้นหรอ”
“ช่ายยย เพราะฉานั้น ให้ช้านน เกาะอยู่แบบนี้ก่อนนะ ตักคุณอุ่นจังเลย” ทนฟังต่อไม่ได้แล้ว เดี๋ยวมีหลุด 18+
จบ
คุณปฐพีปิดเครื่องบันทึกเสียงแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
น่าอาย น่าอายจริง ๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อดี จู่ ๆ ก็ไปเอ่ยปากจะไปเป็นสัตว์เลี้ยงให้เขาซะงั้น งื้อออออ ทำยังไงดี
“มานี่!!!”
“ม่ายย!!!”
“จะให้ไปลากมาไหม แค่จะคุย จะปล้ำคงไม่คุยให้เปลืองน้ำลายหรอก ห่างแบบนี้จะตะโกนคุยกัน ให้ได้ยินกันทั้งรีสอร์ตเลยรึไง” คุณปฐพีตบลงบนเตียงเบา ๆ แต่ให้นั่งด้วยกันบนเตียงไม่เอาหรอก ฉันทำแค่เดินไปยืนใกล้ ๆ เท่านั้น
“ฉันไม่คุยนานนะคะ แต่งนิยายค้างเอาไว้ งานฉันแทบไม่เดินเลย” ฉันพยายามจะหาทางหนีให้ตัวเอง
“นั่งลง จะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม” เสียงตะคอกดุ ๆ ทำเอาฉันนั่งลงไปกับพื้นพรมตรงนั้นแหละ จะให้ไปนั่งบนเตียงก็ใช่เรื่อง
“แว่นโอเคไหม”
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันให้ปลายนิ้วขยับแว่นน้อย ๆ เพื่อลดความประหม่า
อะไรกัน เรียกมาถามเรื่องแว่นหรอ เขาเอาไปซ่อมให้เรานี่ บางที่ก็อาจจะใจดีกว่าที่คิด ถ้าเกิดไม่มาเก็บเงินฉันย้อนหลังอะนะ หรือเรียกมาทวงตัง
“ต่อไปเป็นแมวของฉัน ต้องอย่าดื้อ ห้ามขัดใจ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ดุอีก จะฟังทุกสิ่งที่เธอพูด จะช่วยทุกอย่างตามที่เธอร้องขอ จนกว่านิยายเธอจะเสร็จแล้วกลับไป”
“แล้วถ้าคุณขอให้ฉันทำอะไรแปลก ๆ ละคะ ฟังดูยังไงฉันก็เสียเปรียบ ถึงฉันจะอยากให้คุณฟังทุกอย่างที่ฉันพูดก็เถอะ ฉันไม่รู้หรอก ว่าคุณคิดจะเล่นอะไร แต่ไม่เห็นมันน่าสยุกเลย” ฉันตอบออกไปเสียงอ่อย เพราะไม่เห็นเหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้เลย ผู้หญิงของเขามีเยอะแยะ ทำไมต้อง
“ฉันแค่ติดใจ ที่เธอมาฟุบอยู่บนตัก แล้วนอนให้ฉันลูบหัวแบบเมื่อคืน ที่จริงเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ แค่เธอมาอยู่ใต้การปกครองของฉันที่นี่ มันก็เท่ากับเธอเป็นของฉันแล้ว แถมฉันก็มีอะไรกับเธอแล้ว มันไม่มีอะไรที่เธอต้องเสียเพิ่ม ฉันดูแลไม่ดีหรอที่ผ่านมา”
“ก็ดี แต่ถ้าคุณขืนใจฉันอีกล่ะ มันน่ากลัวมากเลยนะ”
“ไม่รับปากว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แต่ที่มันเกิดขึ้นเพราะฉันเมา ถ้าฉันไม่เมา คิดว่าอย่างฉันจะปล้ำเธอรึไง” สายตานิ่ง ๆ กับเสียงนิ่ง ๆ มันทำเอาฉันต้องคิดหนัก
“แต่ฉันจะไปนอนให้คุณลูบได้ยังไง แค่คุณใกล้ฉัน ฉันก็กลัวจนสั่นแล้ว”
“รักษาให้” คนตรงหน้าตอบออกมาหน้าตาเฉย รักษาอะไร !! แล้วคนที่นั่งบนเตียงก็กระชากฉันขึ้นมาจากพื้น หัวใจเจ้ากรรมมันก็เต้นแรงด้วยความกลัวขึ้นมาทันที ฉันสะบัดมือเขาออกก่อนจะถอยไปข้างหลัง
แต่ดูเหมือนท่าทีของฉันกำลังทำเขาโกรธ จนตามมากระชากแขนฉันอีกที ฉันไม่เข้าใจเขานักหรอก แต่ทำแบบนี้มันเกินไปไหมเนี่ย ฉันถูกดึงมานั่งข้าง ๆ พร้อมกดหัวลงบนตักของเขา เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าฉันกำลังตัวสั่น หรือกลัว
“ทำให้ชินก็สิ้นเรื่อง อย่าต่อต้านฉันให้มันมากนัก ไม่เห็นรึไงคนอื่นเขากลัวฉันจนหัวหด พยศให้มันน้อย ๆ หน่อย ฉันใจดีกับเธอไม่ได้แปลว่าจะลงโทษเธอไม่ได้ ยอมเป็นของเล่นให้ฉันหน่อย ฉันไม่ได้มีเวลามาเล่นอะไรแบบนี้นานนักหรอก” เขาพูดไปพรางลูบหัวฉันไป
มันจะจบลงเมื่อไหร่ เขาจะปล่อยฉันไปเมื่อไหร่ พอฉันจะลุกเขาก็กดหัวฉันให้นอนลงอีก แล้วเขานั่งเงียบ ๆ อยู่แบบนั้น ไม่พูดจาอะไรสักคำ แต่พอฉันจะลุกอีก เขาก็กดหัวฉันลงไปบนตักอีก เขาลูบแบบนี้อยู่นาน จากอาการที่เกร็งไปทั้งตัวเวลาเจอเขา หัวใจที่เต้นรัว มันก็ลดลงช้า ๆ เขาจะลูบแบบนี้ทั้งคืนเลยรึไง
“จะลูบแบบนี้ทั้งคืนเลยรึไงคะ”
“จนกว่าจะหายหงุดหงิด”
“ฉันไปเอานิยายมาแต่งได้ไหม ฉันมีกำหนดส่งต้นฉบับอีกไม่เกิน 2 วัน ฉันจะกลับมาให้คุณลูบต่อ ถ้าคุณสัญญาจะอยู่เงียบ ๆ” ฉันลุกขึ้นเพื่อฟังคำตอบแต่กลับโดนเขากดหัวลงมาอีก
“เอาอะไร Ipad ใช่รึเปล่า”
พอฉันจะลุกขึ้นมาตอบ เขาก็กดหัวฉันลงกับตักอีกครั้ง คือยังไงก็ห้ามลุกสินะ
“ค่ะ Ipad” ฉันลุกขึ้นมาตอบคนที่ถาม
“ลุกอีกครั้งจะยิงทิ้งแล้วนะ” ทำเอาฉันต้องรีบนอนลงกับตัก แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์โทรให้พี่ที เอาIpad มาให้ฉัน เขามีปมอะไรในใจไหมเนี่ย พ่อแม่ไม่ซื้อแมวให้เลี้ยงหรอเด็ก ๆ อะ แต่จะว่าไปก็สบายดีเหมือนกัน อย่างน้อยเขาก็เงียบเป็น
“เมื่อยไหมคะ”
“งั้นลุกก่อน” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วมองเขาที่ตั้งหมอนขึ้นกับหัวเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนหมอนช้า ๆ
เขาเป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมกลางวัน กับกลางคืนอย่างกับคนละคนเลย ฉันนั่งมองหน้าคนที่ตอนนี้ก็มองฉันด้วยสายตาที่ราบเรียบ แต่เขาไม่ยิ้มบ้างเลยรึไง
“สงสัยอะไร” เสียงถามดุ ๆ ทำเอาฉันต้องหลบตา
“เปล่าค่ะ” ดุจังแค่มองก็ไม่ได้
“มาาาา!!!” เสียงที่ลากยาวมันเหมือนกำลังบอก ว่าฉันควรอยู่ตรงไหน แต่จะให้ใกล้เขาจะกี่ครั้งมันก็ยังสั่นและไม่เคยชิน จนมือใหญ่ ๆ ต้องมาลากแขนเข้าไปใกล้ แล้วกดตัวฉันลงไปกับตักอีกครั้ง
ไม่นานพี่ทีก็เอา Ipad มาให้ แต่แค่ฉันจะลุกไปรับ เขายังไม่ยอมให้ฉันลุกเลย พอลุกก็กดหัวลงมาบนตักซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ให้คนอื่นมาเห็นในสภาพนี้ น่าอายจัง เมื่อไหร่เขาจะให้ฉันลุกเนี่ย
“นายจะกลับกี่โมงครับ”
“สักเที่ยงคืน เข้ามาเรียกด้วย ตอนนี้ออกไปได้แล้ว” คนเป็นนายตอบออกไปด้วยเสียงที่ราบเรียบ ไม่อายรึไง คุณไม่อาย ฉันอาย
“ครับนาย” พอรับคำพี่ทีก็เดินออกไปทันที
ฉันเริ่มเขียนนิยายต่อจากที่เขียนค้างเอาไว้ จะเขียนให้พี่ภูผาเป็นแบบไหนดี แบบเขาคนคงเกลียดกันทั่วเมืองแน่ เอาให้มีความละมุนหน่อยก็แล้วกัน
[ ภูผาตัดสินความผิดของทั้ง 4 คนโดยไม่เป็นธรรมเอาซะเลย จนทำให้พชิราเกิดอาการไม่พอใจ แต่พอชิราจะออกจากห้องทำงาน เขากลับเอาตัวมาขวางไว้
“ถ้าผมตัดสินเข้าข้างคุณ พวกนั้นจะตามวุ่นวายกับคุณไม่เลิก”
“แต่เพชรไม่ผิดนะคะ พวกนั้นเริ่มก่อน” พชิราตอบภูผาออกมาด้วยน้ำตา กับความผิดที่ตนไม่ได้ทำ ทำให้มือใหญ่ปาดน้ำตาของเธอเบา ๆ
“คนเก่งที่ตอกกลับพวกนั้น จนหน้าหงายหายไปไหนแล้วหืมม”
“คุณเชื่อเพชรใช่ไหมคะ”
“ผมเชื่อคุณ” ]
แม้ความจริงกับเรื่องที่แต่ง มันจะโคตรต่าง เจ้านายฉันละมุนไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ภูผาเลย ไม่มีแม้แต่ปลอบใจ ให้ผ้าเช็ดหน้ายังโยนให้เลย แต่เขียนพระเอกแบบนี้ลงนิยาย คนอ่านเกลียดพระเอกของฉันพอดี มือที่ลูบหัวตอนนี้มันกำลังทำให้ฉัน
“อื้มมมมมมม” เมื่อมือใหญ่กำลังลูบที่ใบหูของฉันเบา ๆ จนอดไม่ได้ที่จะครางออกมาในลำคอ ฉันหันไปมองคนที่นั่งพิงหัวเตียง แล้วอ่านหนังสือไปพราง ลูบให้ฉันไปพราง
“รู้สึกดีหรอ นอนไป แต่งเสร็จแล้วรึไง”
“ค่ะ” แต่เผลอนิดเดียว ทำไมฉันถึงได้หนุนตักเขาได้ปกติแบบนี้นะ เขาไม่ได้หันมาสนใจฉันด้วยซ้ำ แต่กลับอ่านหนังสือของเขาไปเงียบ ๆ อดทนหน่อยแล้วกัน อีกแป๊บก็เที่ยงคืนแล้ว จะได้ต่างคนต่างไปนอนกันสักที ฉันรีบกดส่งต้นฉบับไปให้พี่แมวทันที งานเสร็จก่อนกำหนดตั้งเกือบ 2 วัน
ฮ้าววววววว~*