Tyler Oil Crude Palm Oil Factory (โรงงานน้ำมันปาล์มดิบไทเลอร์ออยล์), ตำบลบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หลังจากที่ผ่านพ้นมาจากการเข้าใจผิดกันในวันนั้น แฟนตัวดีของฉันมันก็ไม่เคยที่จะออกห่างจากตัวฉันไปมากกว่าสองชั่วโมงอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะทุกคน
ยอมรับก็ได้ว่าช่วงแรกๆ ฉันละรำคาญสุดๆ กับการที่มีเขาคอยตามติดทุกฝีเก้า ละยังไม่พอแค่นั้นนะ...ถ้าหากวันไหนที่เขาไม่มีเวลาว่างมาหาฉัน เขาก็จะส่งคนของตัวเองมารับฉันไปอยู่ด้วยกันกับเขาอยู่เสมอๆ เรียกได้ว่าตัวติดกันยังกับตังเม...
แต่ตอนนี้ฉันกลับชินและรู้สึกดีกับการได้มีเขาคอยชิดใกล้ตลอดเวลาแบบนี้ขึ้นมาแล้วสิ...
"ไม่ต้องถึงขั้นกางร่มให้ก็ได้..." ฉันยกมือขึ้นห้ามใครบางคนที่กำลังจะกางร่มออกมาเพื่อบังแดดให้กับฉันทั้งที่แดดในวันนี้มันไม่ได้ร้อนจนถึงขั้นที่ว่าจะแผดเผาเนื้อผิวฉันได้สักหน่อย
"อะไรที่แฟนของเธอทำแล้วสบายใจ เธอก็ปล่อยให้มันได้ทำไปเถอะน่า..." แล้วถามว่าเขาจะฟังในสิ่งที่ฉันพึ่งจะคัดค้านออกไปไหม? จะบอกให้เลยก็ได้ว่าไม่มีทาง!
"ตรงนี้มีไว้ให้ชาวบ้านที่บรรทุกปาล์มทะลายมาขาย ส่วนที่ตรงนั้นก็คือตาชั่ง..."
ฉันพยักหน้าตามที่เขาแนะนำมาอย่างเข้าใจในบางเรื่อง ส่วนบางเรื่องที่ไม่เข้าใจจริงๆ ฉันถึงจะเอ่ยปากถาม เขาเป็นลูกชายที่ทำงานเก่งมากนะคะทุกคน เห็นแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายอย่างเขาแทนป๊าของเขาขึ้นมาซะแล้วสิ...
"ถังขนาดใหญ่ตรงนั้นก็คือจุดกักเก็บน้ำมันดิบจากผลผลิตที่เรารับซื้อมาและรอเวลาในการส่งออกขาย โดยที่บริษัทของเราจะผูกปิ่นโตอยู่กับบริษัทไดโนปาล์มที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมานานหลายปีแล้วแหละ" ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับคำพูดที่เหมือนกับคนเติบโตในโลกนี้มามานานหลายปีของเขา
"นายดูเป็นผู้ใหญ่ดีจัง..."
"ฮะ!" ฉันหรี่ตามองไปยังแฟนของตัวเองที่เริ่มออกอาการแปลกๆ ในตอนที่ฉันบอกว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ด้วยความสงสัย...
"นายมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า..." หลายต่อหลายครั้งที่เขามีความรู้ในเรื่องราวบางอย่างที่เด็กนักเรียนปลายไม่น่าจะรู้มันส่งผลให้ฉันเริ่มที่จะมีความสงสัยในตัวแฟนของตัวเองจนถึงขั้นสืบหาข้อมูลของเขานับตั้งแต่วันที่เขาลืมตาดูโลกก่อนที่จะได้พบเพียงความจริงที่ว่าเขาคือเด็กชายมัธยมปลายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น...
"เปล่านี่... ไม่มี" เขายืนยันมาด้วยท่าทีที่สงบมากกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ ฉันจึงเลือกที่จะเลิกที่จะตั้งข้อสงสัยเขาและเลือกที่จะหันไปมองรถบรรทุกปาล์มทะลายจำนวนหลายสิบคันที่มาจอดรอขายผลผลิตให้กับโรงงานของเขาแทน
"นายบอกว่าโรงงานสาขานี้พึ่งจะเปิดได้ครึ่งปี ฉันพูดถูกไหม"
"ใช่" เขาขานรับสั้นๆ "ทำไมเหรอ"
"ผลตอบรับมันดีมากเลยนะสิ... นายเก่งนะ เก่งเกินอายุของตัวเอง" แม้จะยังรู้สึกเคลือบแคลงใจอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นบัตรประชาชนของเขาที่ฉันเคยมีโอกาสได้เห็น มันก็คงจะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันชั้นดีว่าเขาไม่ได้โป้ปดฉันในเรื่องอายุอย่างที่ฉันคิดมันเอาไปเอง...
"ทำไม...หรือถ้าฉันแก่ตัวไปแล้วเธอจะไม่รักกันแล้วหรือไง"
"คนบ้า! นี่นายหาเรื่องฉันอย่างนั้นเหรอ!" ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผลอแหวออกมาเสียงดังด้วยความโมโหจนพนักงานที่กำลังยืนทำตามหน้าที่ของตัวเองอยู่ในระแวกนั้นพากันมองมายังฉันจนแทบจะเป็นตาเดียวกัน
"ขอโทษที่เสียงดัง ฉันไม่ได้ตั้งใจ" คิดขึ้นได้ก็รีบออกปากขอโทษเขาเพราะไม่อยากที่จะให้เขาต้องรู้สึกอับอายกับท่าทีเอะอะโวยวายของแฟนอย่างฉัน
"ฉันงี่เง่าเองแหละ...ขอโทษนะ" ไม่อยากจะโม้เลยจริงๆ ว่าแฟนของฉันเริ่มที่จะโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้วนะ อย่างน้อยๆ เขาก็ยังรู้จักที่จะยอมรับในตอนที่ตัวเองทำตัวไม่ค่อยน่ารักขึ้นมาบ้างแล้วละ...
"หิวหรือเปล่า...ฉันว่าจะชวนเธอไปดูแผนกคิวซีทีอยู่ด้านโน้น"
"ไปสิ...ฉันยังไม่หิวหรอก"
ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปกับการเพลิดเพลินอยู่กับการเดินเข้าออกแผนกนั้นแผนกนี้ จนสองขาฉันเริ่มที่จะล้าจึงออกปากกับเขาว่าฉันขอหยุดพักเหนื่อยก่อน
"มา...ฉันจะนวดเท้าให้" เขาคงเห็นว่าฉันกำลังลูบๆ คลำๆ ตรงฝ่าเท้าน่ะ ก็เลยออกปากอาสาตัวเองออกมาแบบนั้น
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น" ฉันดันคู่มือนั้นให้ออกห่างก่อนจะชักเท้าของตัวเองกลับเข้าหาตัว
"เสน่ห์ไม่ดื้อ" แต่อย่างเขามีเหรอที่จะฟัง เพราะนอกจากไม่ฟังแล้วยังจะตรงเข้ามานวดฝ่าเท้าให้ฉันแบบไม่นึกรังเกียจอีกต่างหาก
"ขอบคุณค่ะ" ฉันก้มลงไปหอมหัวของใครบางคนที่กำลังนวดฝ่าเท้าบรรเทาอาการเมื่อยให้กับฉันไปหนึ่งครั้ง
"ฉันรักนายนะ...ฉันรักนายที่สุดเลย"
"ฉันก็รักเธอนะ" เขาละสายตาจากเท้าของฉันก่อนจะเงยขึ้นมาสบตากับฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แทน
"ฉันรักเธอตัวเท่าโลกเลยนะเสน่ห์"
้เบาๆ แบบสบายสมอง ฟิลกู้ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้วจ้ะบอกเลย 🫢🫢🫢