การมีความรักทำให้ฉันที่เคยอยู่แต่กับเหย้าเฝ้าแต่กับเรือนในช่วงปิดภาคเรียนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะเราสองคนมักจะชวนกันไปไหนมาไหนโดยไม่เคยที่จะว่างเว้นไปแม้แต่วันเดียวเลยนั่นเอง
อย่างเช่นวันนี้ที่ฉันกับเขาชวนกันตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำรัชประภาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วยกันสองคน~
"ใส่หมวกด้วย...ทำไมต้องให้บอกตลอด มันร้อนนะตาเธอมองไม่เห็นแดดหรือไงเสน่ห์" จริงๆ แล้วฉันก็เห็นแหละว่าแดดตรงหน้านั้นมันร้อนแค่ไหน แต่การที่จะมีแฟนมาคอยห่วงและสวมใส่หมวกให้มันก็คงจะดีกว่าเป็นไหนๆ จริงไหมละ!
"อุ๊ย...ลืมพกโลชั่นกันแดดมา"
"นั่งลง จะทาให้ ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องลืมอีกแน่ๆ ฉันก็เลยซื้อเผื่อมาด้วย" ฉันทอดสายตาไปยังใครบางคนที่กำลังทาโลชั่นกันแดดให้ฉันอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม จริงๆ แล้วโลชั่นกันแดดมันก็อยู่ในกระเป๋าถือของฉันนี่แหละแต่ฉันแค่อยากอวดให้ทุกคนได้เห็นเฉยๆ ว่าเขาเตรียมพร้อมมากแค่ไหนถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉัน อิอิ
"ตรงนั้นสวยนะ ถ่ายรูปกันหน่อยไหม" ฉันมองไปตามที่แฟนชี้ก็เจอจุดที่ถูกจัดแต่งเอาไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป และรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของเขาที่บอกว่าที่มุมตรงนั้นสวย เพราะมันสวยมากจริงๆ
"เอาละนะๆ ชีส~" ฉันถือโอกาสหอมลงตรงแก้มนุ่มๆ นั้นในตอนที่เขากำลังกดชัตเตอร์ ก่อนที่จะโดนเขาหอมคืนในตอนที่กดชัตเตอร์รูปต่อมา
"สวยเนอะ...เสียดายร้อนไปหน่อย ฉันไม่น่าชวนเธอมาเลยขอโทษนะ" เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอแหละถ้าหากสภาพอากาศในที่ที่เขาชวนฉันไปเที่ยวด้วยกันนั้นร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไปซะจนค้นหาความสมดุลไม่เจอ
"ไม่เห็นจะร้อนเลย"
"เหงื่อท่วมขนาดนี้ไม่ร้อนตรงไหนเอาปากกามาวงครับ" เขาเหย้าหยอกฉันที่กำลังโกหกเพื่ออยากให้เขาสบายใจและไม่กล่าวโทษตัวเอง ขณะที่มือคู่นั้นก็คอยใช้กระดาษทิชชู่ซับเหงื่อให้กับฉันอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย
"เดี๋ยวเราไปกินข้าวร้านนั้นกันดีกว่า ฉันไล่ดูมาแล้วร้านนี้แหละอร่อยสุดๆ สำหรับที่นี่แล้ว"
อีกประมาณยี่สิบนาทีต่อมา คนขับรถของเขาก็พาเราสองคนมาถึงร้านอาหารที่เขาการันตีว่าเด็ดดวงเมื่อก่อนหน้านี้
มันเป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่โออ่าอะไร แต่ก็ไม่เล็กเอาเสียจนรู้สึกอึดอัด โดยที่ทั้งร้านถูกจัดแต่งเอาไว้ด้วยสไตล์มินิมอลน่ารักๆ และที่ดีเยี่ยมไปกว่านั้นก็คือพนักงานทุกคนที่ต่างก็พูดจาไพเราะอ่อนหวานสมกับที่ทำงานบริการแบบสุดๆ
"ขออนุญาตค่ะ" นอกจากพนักงานจะบริการดีแล้ว แม่ครัวของร้านก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากไม่แพ้กันนะ เพราะหลังจากที่สั่งอาหารไปประมาณครึ่งชั่วโมง รายการอาหารที่สั่งไปก็ได้ถูกยกมาไว้ตรงหน้าของเราสองคนแล้วในตอนนี้
"รีวิวห้าดาวไปเลยเนอะ" ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามเขาที่กดหน้าลงเชิงว่าเห็นด้วย ลืมบอกไปเลยว่าช่วงนี้ฉันรับงานรีวิวสินค้าหรือตามแต่ใครไหรจะว่าจ้างด้วยแหละ และแฟนของฉันคนนี้นี่แหละเป็นผู้สนับสนุนอันดับหนึ่งของฉันเลย~
"จะถ่ายรูปก่อนหรือเปล่า" เขาให้เกียรติฉันที่ชอบจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้รีวิวเสมอแหละ ก็บอกไปแล้วยังไงละว่าแฟนของฉันนั้นน่ารักตัวเท่าโลกเลย~
"ไม่แล้ว กินกันเถอะ" ฉันแอบได้ยินเสียงท้องของเขาที่ร้องกินมาอย่างแผ่วเบา จึงคิดขึ้นได้ว่าในวันนี้เขายังไม่ได้ทานอะไรรองท้องมา ต่างกับฉันที่กินเคบับไก่รองท้องมาแล้วถึงหนึ่งชิ้นด้วยกัน ฉันก็เลยไม่ค่อยจะรู้สึกหิวเท่าไหร่...
"อันนี้เผ็ดมาก" ฉันที่ได้ยินแฟนร้องออกมาแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะรินน้ำจากเหยือกใหญ่ลงไปในแก้วใบสวยก่อนจะส่งไปให้เขาได้ดื่มแก้อาการเผ็ด
"ขอบคุณครับ" เขาแอบขโมยหอมปลายนิ้วมือของฉันครั้งหนึ่งก่อนจะรับน้ำแก้วนั้นไปกระดกลงคอ...
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับบ้านกัน อันที่จริงฉันก็อยากจะไปเที่ยวทะเลต่อนะแต่ต้องรีบกลับไปจัดการกับเหล่าการบ้านที่ยังคงกองพะเนินและในตอนนี้ก็ใกล้ที่จะเปิดเทอมขึ้นมาทุกทีแล้วนั่นเอง...
"ดูรูปนี้สิน่ารักจัง" ระหว่างทางกลับบ้านฉันก็ได้โอกาสในการหยิบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสไลด์หน้าจอดูรูปที่เราสองคนถ่ายด้วยกันในวันนี้ จนมาเจอกับรูปหนึ่งที่ฉันและเขาสบตาและต่างก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารักให้ออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น...
"น่ารักจริงด้วย" เขาว่าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อก่อนหน้าของฉัน ในขณะที่มือใหญ่ๆ นั้นก็ลูบลงบนหัวของฉันที่ในตอนนี้กำลังพักพิงอยู่บนไหล่ของเขา
"ฉันรักนายนะ , ฉันรักเธอนะ" ฉันกับเขาหันหน้ามาสบตากันก่อนที่ต่างฝ่ายจะเผยยิ้มออกมาน้อยๆ หลังจากที่เราสองคนบังเอิญพูดคำว่ารักออกมาพร้อมกัน...
หวานเว่อร์มากแม่ 🫢🫢🫢