สี่เดือนผ่านไปกับการปิดเทอมใหญ่ ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวันที่ฉันจะต้องเดินทางไปโรงเรียนในฐานะรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6
ติ๊ง!
(Aunt- ไม่ได้ไปรับนะ ไม่ว่าง)
(Sa'nae- อะไรของนาย ไม่ว่างอีกแล้วอย่างนั้นนะเหรอ!)
"เออ! ก็แค่ไปโรงเรียนฉันไปของฉันเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องง้อนายหรอกตาเด็กโง่เง่า!" เมื่อได้รับรู้ว่าในวันนี้ตัวเองจะต้องเดินทางไปเรียนด้วยตัวเองโดยไม่มีแฟนมาคอยรับคอยส่งอย่างที่ควรจะเป็น ฉันก็จัดแจงยัดโทรศัทพ์มือถือของตัวเองลงในกระเป๋ากระโปรงก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียนมาสะพายเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนในทันที
ก็ไม่อยากจะพูดหรอกแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปกปิดเอาไว้ทำไม เรื่องมันมีอยู่ว่าระยะหลังมานี้แฟนของฉันเริ่มที่จะทำตัวห่างเหินและตีตัวออกหากไปจากฉันอย่างเห็นได้ชัดจนฉันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดว่า... ว่า...ตัวเองกำลังจะถูกแฟนทิ้ง...
เฮ้อ... v_v
"ถ้าเกิดจบแล้วพวกมึงจะเรียนต่อที่ไหนกันวะ" เป็นยัยแนนซี่ที่เปิดประเด็นขึ้นมาในตอนที่พวกห้าคนกำลังนั่งทานข้าวเช้ากันอยู่ในแคนทีนของโรงเรียน
และถ้าหากใครที่กำลังสงสัยว่าที่ขาดหายไปอีกหนึ่งคนคือใคร ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่ากระเจี๊ยบมันหายตัวไปจนฉันและกลุ่มเพื่อนหมดสิ้นปัญญาจะตามหามาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว...
"โอ๊ย! มันก็อีกตั้งนานปะอีแนน จะยกขึ้นมาพูดกันทำหอยอะไรวะ" เออ! ยอมรับก็ได้ว่าฉันยังคงรู้สึกหงุดหงิดแฟนไม่หายและยัยพวกนี้นี่แหละที่จะเป็นยาระบายชั้นดีสำหรับฉันในวันนี้!
ก็จะพาลใครจะทำไม!
"มึงดูหงุดหงิดนะอีเหน่" ยัยแนนเลิกคิ้วเชิงตั้งคำถามมาที่ฉัน ในขณะที่อีกสามคนก็เอาแต่จ้องมาที่ฉันอย่างอยากที่จะรู้คำตอบไม่ต่างกันว่าฉันเป็นบ้าอะไรไป
"กูเปล่า!" ฉันกระแทกกระทั้นแบบจงใจจะหาที่รองรับอารมณ์ "กูไม่ได้หงุดหงิดมึงเข้าใจมั้ยอีแนน!"
"มึงเป็นอะไรของมึงอีเหน่ อย่าสันดาน" ฉันเหลือบตามองไปที่ยัยซันนี่ที่เป็นเจ้าของประโยคนั้นด้วยความรู้สึกงุ่นงานที่ลดลงกว่าเมื่อก่อนหน้านี้เล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครคนไหนที่จะทนฉันได้มากเท่ายัยแนนแล้วนั่นเอง...
"อาการคนที่จะโดนผัวจะทิ้งแหละ"
"แสนรู้" ฉันออกปากเชิงเหน็บกลายๆ ให้กับอีช้างที่มันบังอาจมาจี้ปมที่ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันต้องเจ็บปวด!
"กูไม่ใช่หมา! กรุณาอย่าพาลค่ะอีดอกเพราะกูไม่ใช่อีแนนที่จะยอมมึงไปหมดทุกอย่าง! ทรงนี้ผัวมึงคงหายหัวไปสินะกูพูดจี้ใจดำมึงใช่ไหมละ! ถ้าผัวหายก็เชิญมึงสะบัดง่ามของไปตามหาค่ะไม่ใช่มาเที่ยวไล่งับชาวบ้านไปทั่ว อีผีเปรต!"
"เดี๋ยวก่อน! กูว่ากูรู้นะว่าผัวอีเหน่อยู่ไหน" ฟ้าใสที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบออกปากปรามในทันทีที่ตนนั้นสังเกตเห็นบางอย่างที่ปรากฎให้เห็นอยู่ทางด้านหลังของเพื่อนสาวทั้งสอง
"ใครมีมะกรูด!"
"มาแลกมะนาว!"
"ใครมีลูกสาว!"
"มาแลกลูกเขย!"
"เอาวะเอาเหวย ลูกเขยตะละลา!"
ฉันรวมไปถึงเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสี่คนพร้อมใจกันหันไปมองเสียงดนตรีที่พ้องมาด้วยเสียงร้องก้องโห่ของคณะน้องม.5 ที่นำขบวนมาด้วยตาเฟิส์ตที่ถือต้นอ้อย ย้ำว่าต้นอ้อยที่แปลว่าต้นอ้อยจริงๆ! ในขณะที่น้องโซนกับพี่ซันรวมถึงพี่วีก็ช่วยกันแบกหามต้นกล้วยตามหลับกันมา โดยที่ปากของคนที่ร่วมมาในขบวนนั้นก็ต่างพร้อมใจกันร้องโห่เพลงแห่ขันหมากซะจนดังลั่นไปทั้งแคนทีน จนบรรดาเพื่อนร่วมโรงเรียนของฉันถึงกับต้องรีบยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายวิดีโอ...
"แยกแถว!" ก่อนที่นาทีต่อมาเหล่าคณะหนุ่มๆ จะแบ่งแยกกันออกมาเรียงตัวเป็นสองแถวยาว ก่อนที่ฉันจะได้เห็นว่าได้มีเด็กผู้ชายคุ้นหน้าคนหนึ่งที่ถือโทรโข่งเอาไว้ในมือกำลังเดินเข้ามาระหว่างสองแถวนั้นจนก่อนที่จะทรุดตัวลงนนั่งตรงหน้าฉันที่ยังคงรู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่หาย....
"สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปีของเราสองคนนะครับเสน่ห์...รักครับ"
ผู้ชายของฉันกรอกเสียงของตัวเองใส่ไปโทรโข่งจนเกิดเป็นเสียงดังลั่นที่ได้ยินไปโดยทั่วกันทั้งแคนทีน ขณะที่อีกมือที่ยังคงว่างก็ควานหาบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงจนฉันเนื้อตัวสั่นเทาไปหมดเพราะทั้งตื่นเต้นและเขินอายในเวลาเดียวกัน
"คนนี้เป็นของอั๋นแล้วนะครับ อั๋นจอง" กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินถูกยื่นออกมาไว้ตรงหน้าของฉัน ก่อนที่เขาจะหยิบแหวนวงสวยที่อยู่ด้านในนั้นมาสวมใส่เอาไว้ตรงนิ้วนางข้างซ้ายของฉันที่ในตอนนี้ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...
"ขอบคุณค่ะ" ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาแห่งความซึ้งใจของตัวเองและไม่รอช้าที่จะทรุดตัวลงนั่งในระดับเดียวกับเขาก่อนจะสวมกอดเขาเอาไว้แบบนั้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ...
"รักนะครับ"
"รักเหมือนกันค่ะ" ฉันกระซิบบอกเขาเบาๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเพื่อนร่วมโรงเรียน
รักแฟนที่สุดในโลกเลย~
หวานได้ หวานดี~ ว่าแต่น้องช้างทำไมปากแซ่บจังอะ 🫢🫢🫢