พนัน

1625 Words
เสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น หลายคนต่างพากันหัวเราะและชี้ไม้ชี้มือไปทางองค์ชายแสนขี้เล่น ผู้มีลวดลายขี่ม้าผิดแปลกจากองค์ชายคนอื่น เขาบังคับให้เทาจิน ม้าคู่ใจวิ่งเหยาะๆ ยกขาสูง คล้ายกำลังเต้นรำ ส่วนตนเองโบกมือไปมา เอนตัวไปซ้ายทีขวาที ก่อนจะจบด้วยท่าตีลังกาสามตลบและยืนอย่างสง่าบนหลังม้านั้น “อ้ายฉิงนี่เหลือเกิน เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เจ้าสนิทกับเขา อย่าเผลอติดนิสัยเล่นพิเรนทร์แบบนี้มาละ” หวงไท่จื่อกล่าวเสียงเรียบ “แต่หม่อมฉันว่าองค์ชายห้าเป็นคนสนุก ช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้คน ไม่ดีหรือหากหม่อมฉันจะทำตาม” อวี้เม่ยพูดหยอกเย้า “กับผู้ชายมันก็ตลกดี แต่กับผู้หญิงอาจโดนตำหนิได้” “งั้นถ้าหม่อมฉันทำล้อเล่นกับไท่จื่อ จะทรงตำหนิไหมเพคะ” ดวงตากลมโตจ้องมา เอียงหัวน้อยๆเหมือนลูกแมวขี้สงสัย ทำบุรุษเคร่งขรึมถึงกลับไปไม่เป็น ตอบไม่ถูกจนต้องแกล้งเบือนหน้าหนี “เอ่อ…ก็ต้องดูเจตนาเจ้า ถ้าทำเพื่อให้ข้าอารมณ์ดี ก็คงไม่ตำหนิ” อวี้เม่ยยิ้มพลางเอ่ย “ขอบพระทัยที่เมตตาเพคะ” ก่อนจะหันไปสนใจกับการแข่งขันตรงหน้าต่อ หวงไท่จื่อเหลือบมองสตรีข้างกายที่กำลังยิ้มและหัวเราะกับท่าทางโลดโผนขององค์ชายห้า เขาสูดหายใจลึกก่อนเอ่ยถาม “ว่าแต่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มาคนเดียวหรือ กุ้ยเฟยไม่ได้มาด้วยหรือไง” อวี้เม่ยขมวดคิ้ว หันมามองหน้าหวงไท่จื่อ “ทำไมหม่อมฉันต้องมากับกุ้ยเฟยด้วยเล่า” “ก็เจ้ากับนางสนิทกัน” “ใครบอกไท่จื่ออย่างนั้น หม่อมฉันไม่ได้สนิทกับกุ้ยเฟย ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าสนิทด้วยซ้ำ ทรงก็รู้ว่ากุ้ยเฟยชอบที่จะรังแกหม่อมฉัน ทรงเป็นคนพูดเอง จำไม่ได้หรือตอนที่หม่อมฉันนำขนมเฉียนกั่วไปให้” “แต่กุ้ยเฟยบอกกับข้า…” หม่อมฉันกับอวี้เม่ย เราสนิทกันมาก บ่อยครั้งอวี้เม่ยมักเล่าเรื่องสมัยเด็กให้หม่อมฉันฟัง เรื่องไท่จื่อ เรื่องฮองเฮา ดูเหมือนนางอยากจะเป็นฮองเฮาเสียมาก เป็นความฝันที่ไร้เดียงสา… ไท่จื่อมิต้องกังวลนะเพคะ หม่อมฉันจะขัดเกลานางไม่ให้ด้อยไปกว่าเสด็จแม่ของท่าน... อ่า...ไม่แน่ว่าไม่หนึ่งในสองนางนี้ จงใจปั่นหัวข้า “ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ทุกเรื่องที่ทรงทราบจากกุ้ยเฟย ล้วนไม่เป็นเรื่องจริง หม่อมฉันกับนางไม่มีความเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งหม่อมฉันก็ไม่เคยคิดจะอาจเอื้อมหรือยกตนให้เสมอทัดเทียมกับใคร” ทั้งสายตาและน้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน หวงไท่จื่อนิ่งงัน อวี้เม่ยกล่าวต่อ “และที่หม่อมฉันมาที่นี่ก็เพราะ…” หวงไท่จื่อยืนนิ่งรอฟังคำตอบแต่ยังไม่ทันจะรู้เรื่อง องค์ชายรองกับองค์ชายสิบสี่ก็เดินตรงเข้ามาทักทาย “อวี้เม่ย แปลกใจจริงที่พบเจ้าที่นี่” อวี้เม่ยย่อตัวถวายพระพรองค์ชายทั้งสอง “หม่อมฉันได้ยินมาว่างานนี้น่าตื่นตายิ่งนัก เลยอยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง” องค์ชายรองปรายตามองหวงไท่จื่อ ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา “นับว่าฉลาดนะ ที่นี่มีแต่คนน่าคบหาสมาคม เข้าหาหน่อยรับรองว่าเจ้าจะได้คนที่คอยสนับสนุนเป็นกองทัพ” “หม่อมฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะหาความเจริญให้ตัวเองนะเพคะ” องค์ชายรองหรี่ตา พยายามจะอ่านใจนาง “แล้วเพราะอะไร” หวงไท่จื่อกระแอมเสียงดัง จ้ององค์ชายรองตาเขม็งก่อนดึงตัวอวี้เม่ยไปยืนอยู่ข้างหลังตน “จะถามอะไรหนักหนา” “ข้ากำลังคุยกับอวี้เม่ย ไม่ได้คุยกับท่านนะ” “อวี้เม่ยเป็นว่าที่พระชายาข้า ก็เหมือนเจ้ากำลังคุยกับข้า แล้วตอนนี้ข้าก็ชักเริ่มจะรำคาญ!” องค์ชายรองกำลังจะโต้กลับ แต่แล้วเสียงประกาศก้องก็ดังขึ้นเรียกบุรุษทั้งสองสู่ลานประลอง การแข่งขันถูกแบ่งแยกย่อยไปตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน ทั้งประลองดาบ ประลองกระบี่ ประลองธนู ประลองขี่ม้า และอีกหลายอย่าง ห้ำหั่นกันเพื่อหาคนที่เก่งที่สุดในแต่ละด้าน ก่อนจะตัดสินหาผู้ชนะด้วยการประลองยุทธ์ ดูไม่ค่อยยุติธรรมนักกับองค์ชายตัวเล็กตัวน้อยหรือผู้มีดีด้านสติปัญญา ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะขอสละสิทธิ์ไม่เข้าร่วมกับการแข่งขันด่านสุดท้าย “คงจะมาให้กำลังไท่จื่อสินะ” องค์ชายสิบสี่ที่ยังยืนอยู่เอ่ยขึ้นเบาๆ “ทรงคิดถูกแล้วเพคะ” องค์ชายสิบสี่รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำตอบเช่นนี้จากหญิงสาว “ยอมรับง่ายขนาดนั้นเชียว” “แล้วทำไมต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาด้วยเล่า หม่อมฉันมาให้กำลังใจไท่จื่อก็ยอมรับ ไม่เห็นต้องปิดบัง” “หึ ถ้าพูดแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์ คงถูกตราหน้าว่าไร้ยางอาย” อวี้เม่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามคิดหาคำมาตอบโต้วาจาที่ร้ายกาจนั้น “เหตุใดถึงกล่าวคำรุนแรงเช่นนี้ การยอมรับความจริงคือความกล้าหาญต่างหาก หาใช่ไร้ยางอายอย่างที่ทรงกล่าว” “กล้าหาญ...งั้นเหรอ” อวี้เม่ยเตรียมพร้อมรับคำด่า แต่ไฉนเลยคนตรงหน้ากับยืนนิ่งเงียบ จ้องมองไปยังผืนฟ้ากว้างราวกับกำลังคิดสิ่งใดอยู่ อวี้เม่ยลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจถาม “องค์ชายสิบสี่มิทรงเข้าร่วมแข่งขันหรือเพคะ” “ไม่ ข้าไม่ชอบแข่งขัน” ไม่ใช่ไม่ชอบแข่งขัน แต่กลัวการสู้ซึ่งๆ หน้ามากกว่า เขาคงถนัดเรื่องลอบกัดและโจมตีตอนศัตรูเผลอสิท่า องค์ชายทั้งหลายเข้าประจำที่ หยิบคันศรพร้อมลูกธนูขึ้นมาเตรียมพร้อม รอสัญญาณและยิงไปยังเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ ทั้งบนพื้นและห้อยอยู่กลางอากาศ หวงไท่จื่อทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จากลูกธนูทั้งหมดสิบสองดอก เข้าเป้าทั้งหมดไม่มีพลาด ตามกันมาคือองค์ชายรองที่มีฝีมือไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เข้าเป้าทั้งหมดสิบสองดอกเช่นกัน เป็นการประลองเพียงอย่างเดียวที่ตัดสินได้ยาก และไม่สามารถหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวได้ หวงไท่จื่อกับองค์ชายรอง ถูกตัดสินว่าเสมอกัน “เจ้าคิดจริงหรือว่าไท่จื่อจะชนะ” “ต้องชนะแน่เพคะ หม่อมฉันมั่นใจ” “งั้นก็ขอให้โชคดีในรอบต่อไป แต่ข้าเกรงว่าโชคอาจจะไม่เข้าข้าง” องค์ชายสิบสี่หันหลังเตรียมจะก้าวเดินแต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินคำถาม “ทรงโกรธเกลียดอะไรไท่จื่อหนักหนา” ผู้ถูกถามมิได้ตอบคำถามนั้น “แล้วหม่อมฉันล่ะ… ทำสิ่งใดให้ทรงโกรธ” “เปล่านี่ เจ้าไม่ได้ทำอะไร” “แล้วทำไมทรงทำตัวแปลกๆ ทั้งคำพูดทั้งท่าทางที่แสดงออก ดูเหมือนไม่ใช่องค์ชายสิบสี่ที่หม่อมฉันรู้จัก” “สนใจด้วยเหรอ ข้าจะเป็นอย่างไร เหตุใดเจ้าต้องสนใจด้วย” มันก็ใช่ แต่ตอนนี้ข้าจำต้องเอาท่านมาเป็นพวกไง อวี้เม่ยตีหน้าเศร้า “ตอนยังเด็ก เราก็สนิทกันไม่ใช่เหรอ ทรงขี้แยและอ่อนโยนกับหม่อมฉันมาก” เป็นคำชมที่ดูแปลกยังไงชอบกล สีหน้าที่คาดเดาได้ยากขององค์ชายสิบสี่ดูคล้ายจะหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดตอบ ขณะเสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง เเจ้งว่าเหล่าองค์ชายที่ชนะการแข่งขันในแต่ละด้านต่างพากันถอนตัวไม่เข้าแข่งในการประลองยุทธ์ จึงเหลือผู้ท้าชิงเพียงสองคน คือหวงไท่จื่อและองค์ชายรอง ไม่ได้เกินความคาดหมายของบรรดาท่านอ๋อง ขุนนาง หรือกระทั่งฮ่องเต้ สองคนนี้ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีและน่าจับตามองที่สุด “พนันกับหม่อมฉันไหมเพคะ” อวี้เม่ยโพล่งขึ้น องค์ชายสิบสี่หันกลับมามองด้วยความสนใจ “พนัน?” “ไท่จื่อต้องชนะแน่นอนเพคะ” อวี้เม่ยทำท่าขึงขัง “แล้วถ้าไท่จื่อชนะ หม่อมฉันอยากจะขอร้องอะไรสักอย่าง ไม่ทราบว่าจะทรงขัดหรือไม่” แม้การพนันจะเป็นสิ่งไม่ดี แต่เมื่อถูกสตรีท้าเช่นนี้ หากไม่ตกลงก็คงจะเสียเชิงชาย “เอาสิ อยากจะขออะไร” “เอาไว้ไท่จื่อชนะเมื่อไร หม่อมฉันจะบอกเพคะ” องค์ชายสิบสี่ทำหน้าฉงนแต่ก็พยักหน้ารับโดยไม่ได้ท้วงติงใดๆ น่าสนุก อยากจะรู้นักว่าเจ้าคิดจะทำอะไร ทั่วบริเวณโดยรอบเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันขั้นสุดท้าย เสียงพูดคุยดังไปทั่วลานประลอง ต่างทายทักกันว่าผู้ใดจะได้ครองตำแหน่งบุตรชายคนโปรดของฮ่องเต้ อวี้เม่ยกับองค์ชายห้าเดินเข้าไปหาหวงไท่จื่อพลางกล่าวให้กำลังใจ “ข้าลงข้างท่านหมดตัว ท่านต้องชนะเพื่อข้านะ” องค์ชายห้าบอก หวงไท่จื่อส่ายหน้า “ให้มันน้อยๆ หน่อยอ้ายเสิน” “หม่อมฉันก็ลงข้างไท่จื่อนะเพคะ” อวี้เม่ยพูดเสริม ทำหวงไท่จื่อถลึงตามองอย่างไม่เชื่อหู “นี่เจ้าก็พนันกับเขาด้วยเหรอ” “พนันของหม่อมฉันต่างจากองค์ชายห้าเพคะ” สตรีตอบด้วยรอยยิ้ม หวงไท่จื่อถอนหายใจก่อนจิ้มไปยังหน้าผากของอวี้เม่ย “ซนนักนะ เดี๋ยวรอแข่งจบก่อนเถอะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD