ปฐมบท
“ว่าที่พระชายาฉางอวี้เม่ย มีความผิดสมคบคิดก่อการกบฏ อีกทั้งยังวางยาพิษ ลอบสังหาร และโยนความผิดให้บุคคลอื่นจนถึงแก่ความตาย ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นความผิดมหันต์ยากเกินอภัย ฮ่องเต้จึงมีราชโองการปลด ฉางอวี้เม่ย ออกจากตำแหน่งว่าที่พระชายา และเพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ยึดทรัพย์นางทั้งตระกูล ทุกคนในตระกูลฉางรับโทษโบยเจ็ดสิบไม้และขังคุกหลวงเป็นเวลาสามสิบสี่ปี ส่วน ฉางอวี้เม่ย รับโทษหนักสุด ประหารชีวิต!! ตัดหัวเสียบประจาน!!”
อวี้เม่ยกรีดร้องเสียงดัง นางคุกเข่าขอร้องฮ่องเต้ วิงวอนขอความเห็นใจ ไม่ยอมรับคำตัดสินนี้ “ฝ่าบาทได้โปรด หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่ได้ทำ”
“หลักฐานมัดตัวแน่นหนาขนาดนี้!! ยังกล้าปฏิเสธอีก!!”
“ฮ่องเต้โปรดเมตตา หม่อมฉันไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะก่อเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ หม่อมฉันจะทำไปเพื่ออะไร หม่อมฉันไม่ได้ทำจริงๆ”
ฮองไทเฮาเห็นอวี้เม่ยน้ำตานองหน้าก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงพยายามขอร้องฮ่องเต้ด้วยอีกแรง “ฮ่องเต้ คิดดีแล้วแน่เหรอ น่าจะลองไตร่ตรองใหม่ดูอีกครั้งนะ”
“หม่อมฉันคิดดีแล้วเสด็จแม่ มีทั้งพยานและหลักฐาน ชี้ชัดว่านางนั่นแหละเป็นคนทำ”
“ถึงอย่างนั้น การลงโทษก็ออกจะรุนแรงเกินไป...”
ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์ “หม่อมฉันว่าหม่อมฉันปรานีนางแล้วนะ มิเช่นนั้นคงประหารทั้งตระกูล!”
ตำหนักที่กว้างขวางนี้ดูเล็กลงถนัดตา มีทั้งเหล่าพระสนม องค์ชาย องค์หญิงหรือแม้แต่เหล่าขุนนางต่างก็ให้ความสนใจ มาฟังคำพิจารณาโทษของนางอย่างเนืองแน่น
ยกเว้นคนผู้นั้น...
อวี้เม่ยหันมองรอบๆ พยายามมองหาหวงไท่จื่อ
ภรรยาตัวเองกำลังจะโดนประหารแต่กับไร้ซึ่งเงาของผู้เป็นสามี ข้าช่างเป็นหญิงที่อาภัพนัก
“เสียแรงที่ข้ารักและเลือกเจ้าให้เป็นคู่หมายของลูกข้าตั้งแต่วัยเยาว์ หวังให้เป็นพระแม่แห่งแผ่นดิน หากแต่นิสัยของเจ้าช่างตรงข้ามกับที่ข้าหวังไว้...”
คำพูดที่แฝงไปด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวด ผิดหวัง เสียดแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของอวี้เม่ย นางก้มศีรษะลงกับพื้นคำนับฮ่องเต้พลางพูดย้ำๆ ว่านางไม่ได้เป็นคนทำ
ตอนแรกแค่แตะพื้นเบาๆ แต่แล้วนางก็ทำแรงขึ้น จากแค่แตะกลายเป็นนำศีรษะโขกพื้น ทุกคนต่างพากันตกใจกับสิ่งที่นางทำ อวี้เม่ยออกแรงมากขึ้นกระทั่งหน้าผากของนางปริแตก
“หม่อมฉันถูกใส่ร้าย! โปรดเชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันถูกใส่ร้าย” นางกรีดร้องราวคนเสียสติ
“คุณหนู!!” ฮุยอิน พี่เลี้ยงคนสนิทของอวี้เม่ยรีบวิ่งเข้ามาห้ามนาง
“ฮุยอิน!? ทำไมเจ้ายังอยู่นี้ ข้าสั่งให้หนีไปไง”
ฮุยอินได้แต่สะอื้น นางเป่าแผลและเช็ดเลือดที่หน้าผากของนายหญิงน้อยอย่างอ่อนโยน
“ข้าสั่งให้คนไปตามจับนางกลับมาเอง”
หวงไท่จื่อพูดขึ้นขณะเดินเข้ามาภายใน เขาเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาสมเพชก่อนจะทูลบอกฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ลูกจับนางได้ขณะทำการลอบหนี พบของมีค่าหลายอย่างในห่อผ้าของนาง”
“ของพวกนั้นหม่อมฉันให้ฮุยอินเอง!!” อวี้เม่ยโพล่งขึ้น “ฝ่าบาท ฮุยอินอยู่กับหม่อมฉันมาตั้งแต่จำความได้ คอยดูแลทำทุกอย่างให้หม่อมฉันประดุจเป็นพี่สาวแท้ๆ หม่อมฉันไม่อยากให้นางต้องมารับโทษไปด้วย ฝ่าบาททรงปล่อยนางไปเถิด”
“เสด็จพ่อปล่อยไม่ได้! นางคนนี้เป็นคนใกล้ชิด นั่นก็หมายความว่าต้องรู้เห็นในแผนการชั่วร้ายทั้งหมดอย่างแน่นอน ต้องประหารให้ตกตามกันทั้งนายและบ่าว”
“ไท่จื่อ!! ที่ผ่านมามิทรงรักหรือเมตตา ก็ทำหม่อมฉันช้ำใจพออยู่แล้ว วันนี้ยังทรงไม่เชื่อคำหม่อมฉันอีก... รับสั่งให้ฆ่าพี่เลี้ยงหม่อมฉัน พระทัยของพระองค์ทำด้วยอะไรกัน!!”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวงไท่จื่อหมางเมินและแสดงท่าทีไม่ให้เกียรติอวี้เม่ย ถึงแม้นางจะเป็นคู่หมั้นที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ ทั้งยังเกิดในตระกูลที่สูงส่ง มีความสนิทชิดเชื้อกับราชวงศ์ เป็นสตรีชั้นสูงที่มากด้วยความสามารถ เป็นที่รักของฮองไทเฮา
แต่สำหรับเขา อวี้เม่ยเป็นเพียงสตรีที่จืดชืดและน่าเบื่อที่สุด
“มัวรออะไรกันอยู่!! จับนางขี้ข้านี้ไปโบยห้าสิบไม้ โทษฐานหลบหนีการจับกุม จากนั้นให้แขวนคอนางซะ”
สิ้นเสียงคำสั่ง ทหารสามนายเข้ามากุมตัวฮุยอิน แต่อวี้เม่ยก็พยายามรั้งพวกเขาไว้ ทั้งสองกอดกันร่ำไห้
“คุณหนู ฮุยอินหมดวาสนาจะดูแลท่านแล้ว รักษาตัวด้วย”
“พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าไม่ผิด ข้าไม่ผิด พวกเราไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา!!”
“คุณหนู....”
ฮุยอินถูกจับลากออกไป อวี้เม่ยร้องไห้ปานใจจะขาดใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือพี่เลี้ยงของตนได้เลย อีกทั้งครอบครัวยังต้องมาพลอยโดนรับโทษไปด้วย
มันไม่ยุติธรรมเสียเลย!! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!!
อวี้เม่ยที่หมดหวังแล้วซึ่งทุกสิ่ง ตัดสินใจวิ่งเข้าไปคว้ามีดที่เหน็บไว้ตรงเอวของหวงไท่จื่อออกมาจ่อคอตัวเอง
“อวี้เม่ยใจเย็น วางมีดลงก่อนเถอะ” ฮองไทเฮาพยายามเกลี้ยกล่อมแต่อวี้เม่ยก็ไม่มีท่าทีจะทำตามที่บอก นางบอกขอโทษฮองไทเฮา ขอโทษฮ่องเต้ที่ทำให้ทรงผิดหวังและเสียพระทัย
หญิงสาวที่โดนบีบคั้น ไม่มีทางเลือกให้ไปอีกแล้ว ตลอดมานางมิเคยหาเรื่องหรือคิดร้ายต่อผู้ใด แต่แล้ววันนี้กลับมีจุดจบที่เลวร้ายเกินจะรับไหว
“มันผู้ใดที่ทำอะไรไว้กับข้า ข้าจะจดจำไว้จนวินาทีสุดท้ายของวิญญาณข้า ไม่ว่าสูงส่งหรือมีอำนาจมากแค่ไหน ข้า... ฉางอวี้เม่ยจะไม่มีทางอภัยให้แน่!!” อวี้เม่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อัดอั้นและขมขื่น “หม่อมฉันหวังว่าจะทรงปีติที่สามารถกำจัดหม่อมฉันออกไปจากชีวิตของพระองค์ได้ จิตใจที่ด้านชาของพระองค์ หม่อมฉันยอมแพ้แล้ว...”
ว่าแล้วอดีตพระชายาก็ปลิดชีพตัวเองต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้และบรรดาเหล่าราชวงศ์ทั้งหลาย เลือดของนางกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ดวงตาเบิกโพลงกว้าง ฉายแววของความคับแค้นใจ
สวรรค์...ข้าขอวิงวอน ข้าต้องมาตายด้วยความผิดที่ข้าไม่ได้ก่อ ขอสวรรค์เมตตาให้ข้าได้ล้างแค้นและทวงคืนความยุติธรรมให้สกุลฉางด้วย