“ว่าที่พระชายาโปรดไว้ชีวิตด้วย!!!”
นางกำนัลปากกล้าทั้งสองเข่าอ่อนทรุดตัวลงขอร้องต่อผู้อยู่เบื้องหน้า รอยฝ่ามือเล็กๆ ประทับที่ใบหน้าของพวกนางย้ำเตือนถึงสิ่งที่ได้กระทำผิด
“นินทาว่าร้ายข้า! คิดว่าเหรอจะได้รับการอภัย”
อวี้เม่ยกล่าวเสียงเยือกเย็น นางกำนัลหันมองหน้ากันตัวสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม “พวกหม่อมฉันผิดไปแล้ว โปรดอภัยด้วย”
อวี้เม่ยสูดหายใจลึก เรื่องนี้ไม่น่าจะมาจากปากของสาวใช้ทั่วไปแน่ ไม่มีมูลหมาไม่ขี้
“พวกเจ้าไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน”
แม้จะรักตัวกลัวตาย แต่หากพูดไปก็ใช่ว่าจะรอด ทั้งสองจึงเอาแต่เงียบ จนอวี้เม่ยต้องเค้นถามอีกครั้ง
“หากไม่พูด ข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้า!! ก่อนส่งไปกองซักล้าง!!!”
อ่า… ข้าดูโหดไปไหมเนี่ย
แต่เหมือนจะได้ผล เมื่อหนึ่งในพวกนางยอมปริปากบอกชื่อของผู้สร้างข่าวเท็จ อวี้เม่ยหรี่ตามอง ถามย้ำว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เมื่อได้รับคำยืนยัน อวี้เม่ยจึงสั่งให้ทั้งสองลุกขึ้น ก่อนจะเดินนำหน้าพวกนางไป
อวี้เม่ยยังคงอยู่ในอารมณ์เดือดดาล ขันทีที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าประตูวิ่งมาขวางหน้า ต่างพากันเลิ่กลั่ก เปิดทางโดยไม่กล้ากล่าวห้าม เมื่อก้าวขาเข้ามาในเขตการปกครองที่ไม่คุ้นเคย เสียงของสตรีบุญธรรมของเต๋อเฟยที่ยังไม่รู้ในชะตากรรมของตน กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับบรรดาหญิงรับใช้
“ข้ารู้จักนางมาตั้งแต่เด็ก นิสัยนางยิ่งกว่าที่ร่ำลือกันเสียอีก ชอบรังแกข้า แย่งความสนใจของพี่ห้าไป”
“น่าเห็นใจองค์หญิงหลิงเซียง เหตุใดนางถึงได้ร้ายนัก”
“คงอิจฉาข้า…” องค์หญิงหลิงเซียงตอบพลางทำหน้าเศร้า “แต่เรื่องนี้ห้ามพูดไปล่ะ เป็นความลับ หากรู้ถึงหูเสด็จพ่อ จะทำให้ท่านไม่สบายพระทัยเสียเปล่าๆ”
แม่คนดี ตีสองหน้าเก่งจริงนะ
ขณะองค์หญิงหลิงเซียงทำท่ากระซิกบีบน้ำตาอยู่นั้น อวี้เม่ยก็ไม่รอช้า ผลักนางกำนัลทั้งสองที่เดินตามมาเข้าไปนอนกองอยู่แทบเท้าสตรีจอมโป้ปด
“เจ้ากล้าดียังไง ถึงพูดจาใส่ความข้า!!!”
นางกำนัลที่เดิมนั่งประจบสอพลอทั้งหมดเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ก่อนรีบก้มหน้าฟุบไม่กล้าสบตา เว้นองค์หญิงหลิงเซียงที่แม้จะตกใจจนหน้าซีดก็ทำใจกล้าลุกขึ้นจ้องอวี้เม่ย “เจ้าพูดอะไร แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ไร้มารยาทเสียจริง”
“ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท ปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายข้า เจ้านี่มันเด็กนิสัยเสียขี้อิจฉา แกล้งข้ายังพอทน แต่ถึงขนาดแต่งเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ ทำให้ข้าเสียเกียรติ เป็นการกระทำที่ต่ำมาก ไม่สมกับที่เป็นเชื้อพระวงศ์เสียเลย”
ใบหน้าขององค์หญิงหลิงเซียงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกรีดร้องสุดเสียงก่อนชี้หน้าอวี้เม่ย “อวี้เม่ย เจ้ากล้าดีอย่างไรมาด่าข้า ข้าจะนำความทูลฟ้องเสด็จพ่อ”
“สุดแล้วแต่ใจเจ้า หากคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเจ้าก็ลองดู” อวี้เม่ยยิ้มไม่เกรงต่อคำขู่นั้น “จริงอยู่แม้ว่าข้าอาจจะยังมีฐานะต่ำกว่าเจ้า แต่ไม่นานหรอกหลิงเซียง ข้ารับรองว่าหากเจ้ายังไม่เลิกยุ่งกับข้า ยังหาเรื่องแกล้งข้าเช่นนี้ เจ้าจะได้รับบทเรียนที่สาสมแน่”
แค่เรื่องของหวงไท่จื่อและองค์ชายรองก็ทำข้าเหนื่อยจะแย่ ไหนจะเรื่องของซูลี่อีก ถ้ายังต้องมาปวดหัวกับเรื่องของเจ้าด้วย ข้าคงได้เป็นบ้าเข้าสักวัน
“คิดให้ดีนะว่าเจ้าอยากจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ หรือ ข้ากับเจ้าโตมาด้วยกัน รู้ตื้นลึกหนาบางของแต่ละคนไม่ใช่น้อย อีกทั้งหาเรื่องข้าไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เปลืองแรงตัวเองเปล่าๆ ที่ข้าเตือนเพราะข้าหวังดีนะ”
แม้จะกล่าวคำพูดแบบนั้นออกไป ก็ไม่อาจลดโทสะขององค์หญิงหลิงเซียงลงได้ นางเดินเข้ามาใกล้ยกมือหมายจะตบหน้าอวี้เม่ย แต่เสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ร้องดังห้ามไว้เสียก่อน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!”
สตรีผู้ดูงามสง่าและน่าเกรงขามเดินตรงเข้ามาก่อนถามถึงสาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด
อวี้เม่ยโค้งคำนับให้เต๋อเฟย ก่อนทูลเล่าถึงความอัปยศที่ลูกสาวบุญธรรมของนางได้ก่อ แม้จะเป็นเพียงข่าวลือหรือเรื่องที่พูดกันสนุกปาก ทว่ากับเกี่ยวพันไปถึงหวงไท่จื่อ องค์ชายรอง และองค์ชายห้าซึ่งเป็นบุตรชายสุดรักสุดภูมิใจ เต๋อเฟยเองก็จะคงจะยอมไม่ได้เช่นกัน
แม้จะรักและเอ็นดูหลิงเซียงมากแค่ไหน แต่มาแตะต้องลูกชายสุดที่รักของข้า เห็นทีคงจะปล่อยผ่านไม่ได้
“เสด็จแม่!! อวี้เม่ยใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ทำเช่นคำบอกของนาง ข้าจะทำอย่างนั้นไปทำไมกันเพคะ ข้ารักท่านแม่รักพี่ห้า ข้าไม่เคยคิดจะทำให้พี่ห้าต้องมีมลทิน” องค์หญิงหลิงเซียงพยายามแก้ตัว หากแต่เต๋อเฟยกลับได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ หันมองอวี้เม่ย ก่อนกล่าวขอโทษแทนคนในปกครองที่สร้างเรื่องเสื่อมเสีย
“อวี้เม่ยอย่าได้เอาความเลยนะ หลิงเซียงทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด ข้าจะลงโทษนางให้หนัก จะกำชับบ่าวไพร่ทุกคนไม่ให้นำความเท็จนี้ไปแพร่งพรายอีกเป็นเด็ดขาด”
อวี้เม่ยยิ้มรับ กล่าวขอบพระทัยที่เต๋อเฟยมีความยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างองค์หญิงหลิงเซียง “ขอบพระทัยที่เต๋อเฟยเข้าใจ หม่อมฉันเองหากเป็นเรื่องของตัวเองก็คงจะไม่โกรธเท่านี้ แต่นี่มันส่งผลเสียถึงหวงไท่จื่อ และองค์ชายห้า สหายคนสนิทของหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“ข้าเข้าใจ อย่าคิดมาก เจ้าทำถูกแล้ว” เต๋อเฟยกล่าวพลางเอื้อมมือมาแตะไหล่อวี้เม่ย ก่อนทั้งคู่จะยิ้มให้กันคล้ายกับว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยดี
ถัดออกไปไม่ไกล นางกำนัลของตำหนักข้างเคียงที่แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ขณะนั้น รีบวิ่งกลับไปรายงานนายของตนโดยไว
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละเพคะ อวี้เม่ยนางไม่ธรรมดาจริงๆ”
เสียนเฟยนั่งฟังเรื่องทั้งหมดอย่างสบายอารมณ์ ก่อนหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ทรงว่าพวกเราควรนำเรื่องนี้ไปเล่าให้กุ้ยเฟยฟังดีไหมเพคะ กุ้ยเฟยไม่ชอบอวี้เม่ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าทราบเรื่องที่นางไปอาละวาดองค์หญิงหลิงเซียง ต้องไม่พอพระทัยแน่”
แน่ละ กุ้ยเฟยผู้ถือตนว่ามีอำนาจใหญ่สุดในการปกครองวังหลัง กลัวการถูกมองข้ามและไร้ซึ่งเกียรติมากที่สุด ต้องนั่งไม่ติดเป็นแน่ คงคิดว่าอวี้เม่ยทำตามอำเภอใจข้ามหน้าข้ามตานาง
“ข้าคิดว่าไม่ดีกว่า” เสียนเฟยตอบพลางยกชาขึ้นจิบ
“ทำไมล่ะเพคะ ปล่อยไว้อย่างนี้ หากวันข้างหน้านางได้สมรส เป็นพระชายาของหวงไท่จื่อขึ้นมา นางจะไม่วางอำนาจไปทั่วหรือ”
“อวี้เม่ยไม่เหมือนกุ้ยเฟย นางไม่ได้มีนิสัยยกตนข่มท่านหรอก หากเราไม่ไปหาเรื่องนาง นางก็คงไม่ยุ่งกับเรา เว้นเสียแต่…” แววตาเล็กเรียวเปล่งประกาย “เว้นเสียแต่ข้าอยากจะสนับสนุนนาง”
นางกำนัลคนสนิททำหน้างง ก่อนกล่าวถามถึงข้อสงสัย “แต่หากทำเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าทรงประกาศเป็นศัตรูกับกุ้ยเฟยนะเพคะ”
“สำหรับข้า… กุ้ยเฟยไม่มีประโยชน์แล้วละ ทำได้แต่วางอำนาจ ปากดีไปวันๆ โอรสธิดาก็ไม่มี ภายภาคหน้าเห็นทีจะลำบาก ไม่พ้นคงแก่ตายที่สำนักชี”
แม้จะเข้าวังมาไม่ได้ไม่นาน แต่เสียนเฟยก็ไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออกว่าใครควรค่าต่อการคบหาสมาคมด้วย ซูเฟยดูจะเป็นคนควรหลีกหนีที่สุด นางเป็นสตรีที่น่าชิงชังของฮ่องเต้ ดูไร้ซึ่งอำนาจและมีชีวิตอยู่ด้วยการถูกตราหน้าว่าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ฮองเฮาต้องตาย เต๋อเฟยเองแม้จะเป็นที่น่าเคารพ มากล้นด้วยอำนาจแต่ก็เอาแต่ไหว้พระสวดมนต์ ไม่แสวงหาซึ่งความก้าวหน้า จะมีก็แต่กุ้ยเฟยที่สามารถผลักดันเสียนเฟยให้เติบโตในวังได้
แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป คนที่ดูแล้วจะพึ่งพาได้ในอนาคต เห็นทีจะไม่ใช่กุ้ยเฟยเสียแล้ว
เสียนเฟยหยิบขวดยาเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อด้านในขึ้นมาจ้องมอง ก่อนลูบไปที่หน้าท้องของตนอย่างแผ่วเบา “ข้าได้เเต่หวังว่ามันจะได้ผล”
“ได้ผลเเน่เพคะ หม่อมฉันกำชับให้ร้านยาจัดยาแรงที่สุดมาให้ อย่างไงเสียไม่นานเกินรอ พระองค์ต้องได้ตั้งครรภ์ตามใจปรารถนาแน่นอนเพคะ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีที่ได้ยินคำบอก “ดี!! แม้อวี้เม่ยเป็นทางเลือกหลักของข้า แต่อะไรก็ไม่แน่นอน หากนางเกิดเปลี่ยนใจ ปฏิเสธมิตรไมตรีของข้า ข้าจะได้มีทางเลือกสำรอง”
หากข้ามีโอรสให้ฝ่าบาทได้ ข้าคงรอดพ้นชะตากรรมที่ต้องถูกขับไล่ สตรีที่ให้กำเนิดทายาทล้วนมีอภิสิทธิ์ที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายต่อไปจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต อีกทั้งหากโอรสได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านอ๋องยิ่งจะเป็นการดีไปกันใหญ่
ขอแค่มีลูกได้ ชีวิตข้าจะได้สุขสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องอยู่ใต้อาณัติใคร ไม่ต้องเกรงกลัวต่อคำขู่ของกุ้ยเฟย ขอแค่มีสิ่งที่จะเป็นหลักประกันถึงความปลอดภัยของข้า ก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดให้ต้องประมือรบรากับใครอีก แค่ข้าได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ไปตลอด…ก็สมดั่งใจแล้ว