Chapter 9 ข้ามภพมาเป็นพระชายา

1055 Words
Chapter 9 ข้ามภพมาเป็นพระชายา “ดะ...ดีจัง เกิดมาเพิ่งเคยสวย สวยแบบนี้จะมีผัวกี่สิบคนก็ได้สินะ รับรองไม่มีทางนก หันไปทางไหนผู้ชายต้องคลั่ง โฮะ โฮะ โฮะ” บัวบูชาคิดสัปดนพลางยกมือป้องปากหัวเราะอย่างเสียจริต นางกำนัลได้แต่ยืนทำตาเลิ่กลั่ก ชักรู้สึกหวาดกลัวเซียนไป๋เหลียนขึ้นมาจับใจ “ว่าแต่...ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ” นางกำนัลคนเดิมยิ้ม ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดพระชายาถึงต้องมีคำลงท้ายว่า ‘คะ’ หรือ ‘ค่ะ’ แทบทุกประโยค ในเมื่อสตรีทั่วไปมักมีคำลงท้ายว่า ‘เจ้าคะ/เจ้าค่ะ’ หรือไม่ก็ ‘เพคะ’ หากพูดกับราชวงศ์สูงศักดิ์ จะว่าเป็นคำพูดของเหล่าเทพเซียนก็ไม่ใช่ แต่สงสัยไปใช่จะได้คำตอบ ยามนี้นางต้องตอบคำถามที่พระชายาถามอีกครั้งด้วยเข้าใจว่าผู้เป็นนายกำลังป่วย สมองกระทบกระเทือนจนสติฟั่นเฟือนไปชั่วขณะ จึงถามอะไรซ้ำๆ และทำท่าทางแปลกประหลาด “พวกเราเผ่าปีศาจอยู่ที่ ‘เทือกเขาฉิงลี่’ มีอีกชื่อว่า ‘ดินแดนปีศาจ’ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกใกล้กับหุบเขาหมื่นยอด อยู่ระหว่าง ‘แคว้นหาน’ และ ‘แคว้นหู่เฉียง’ เพคะพระชายา” “ฟังแล้วมึนมาก ที่นี่ประเทศอะไร” “ประเทศคืออะไรหรือเพคะ” “อ่า...สมัยไหน ราชวงศ์ไหน ราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์หมิง” บัวบูชาคิดว่าเธออาจกำลังย้อนเวลามาอยู่ในยุคจีนโบราณเหมือนที่เคยอ่านในนิยาย เธอแค่ต้องรู้ว่าเธอกำลังอยู่ในยุคสมัยไหนและต้องเจอกับอะไร ถึงแม้เธอจะไม่เก่งกาจเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ก็พอรู้คร่าวๆ ว่าใครทำอะไรที่ไหนในยุคใดบ้าง “หม่อมฉันไม่เข้าใจที่พระชายาตรัสเลยเพคะ สูงสุดของเผ่าเราคือราชาปีศาจ แต่หากสูงที่สุดเหนือหมู่มวลสรรพสัตว์ก็คือองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ แต่หากจะพูดถึงในดินแดนมนุษย์น่าจะปกครองด้วยฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสสวรรค์ มีราชวงศ์และเหล่าขุนนางมากมาย” นางกำนัลหยุดคิดเพียงครู่ก่อนจะพูดต่อไปว่า “หากจำไม่ผิดดินแดนมนุษย์แบ่งออกเป็น 5 แคว้น ได้แก่ แคว้นหาน แคว้นหู่เฉียง แคว้นไห่เหอ แคว้นเซี่ยโจว และแคว้นฮุยผิง หม่อมฉันเองก็ไม่เคยไปเยือนแดนมนุษย์เลยสักครั้ง จึงไม่อาจอธิบายรายละเอียดอย่างอื่นได้เพคะ” “มะ...ไม่รู้จักเลยสักที่ ไม่มีในประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมา ที่นี่มันที่ไหน โลกใบไหน หรือดาวดวงไหนกันเนี่ย” บัวบูชายกมือปิดหน้า อยากจะร้องไห้โวยวายกับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าน้ำตาไม่อาจช่วยให้เธอกลับไปยังที่ที่จากมาได้ ในเมื่อฟ้ากำหนดให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ ณ สถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เธอก็ต้องอยู่ให้ได้ ในเมื่อที่ที่จากมาเธอก็ไม่ได้มีตัวตนหรือความสลักสำคัญพอจะให้ใครจดจำ ดังนั้นคนอย่างเธออยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ว่าแต่นี่เธอไม่เหลือซากความทรงจำของเจ้าของร่างสักนิดเลยงั้นเหรอ ถ้าเธออาศัยร่างนี้ไปสักพักแล้วเจ้าของร่างมาทวงร่างคืน เอาข้าวสารเสกมาปาไล่ เอาไม้หวายมาหวดตี เอาน้ำมนต์มาสาดรัวๆ ถึงตอนนั้นเธอก็ต้องออกจากร่างนี้ กลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนหิวโหย จะไปขอส่วนบุญจากใครได้ ญาติพี่น้องจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ก็ไม่มีเสียด้วย “โฮกกกก ชีวิตอีบัวรันทดเหลือเกิน” คำว่า ‘จินตนาการ อยู่เหนือ ความรู้’ ใช้ได้กับบัวบูชาร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเรื่องยังไม่ทันเกิดเธอก็ฟูมฟายมโนแจ่มไปล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว รำพึงรำพันบ่นงึมงำคนเดียวจนสาแก่ใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นางกำนัลถึงกับผงะ อยากจะวิ่งหนีเจ้านายสาวไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดหน้าที่ต้องคอยรับใช้ ถ้าหนีไปองค์รัชทายาทคงคาดโทษหนัก จึงต้องจำใจอยู่ทั้งที่กลัวแสนกลัว กลัวว่าเซียนแสนสวยนางนี้จะลุกขึ้นมาบ้าคลั่งไล่ฆ่านางเข้าสักวัน “ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นใคร ชื่ออะไร พ่อแม่อยู่ที่ไหน และฉันมีนิสัยยังไง เล่ามาให้หมดเลยนะฉันอยากรู้” นางกำนัลได้ยินคำถามรัวเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ ก่อนจะมองหน้านางกำนัลอีกคน ราวกับส่งสัญญาณว่าควรจะบอกทุกอย่างไปตามความจริง หรือจะพูดเสริมเติมแต่งให้ดูดีกว่าที่ควรจะเป็น “พระชายามีพระนามว่า ‘ไป๋เหลียน’ มีอายุมากกว่าหนึ่งหมื่นปี เป็นพระราชนัดดา[1]ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ถูกหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทฉิงหยางตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเพิ่งเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมาเพคะ” “ชื่อไป๋เหลียนงั้นเหรอ...เพราะจัง แถมเป็นเซียนด้วยดูดี เท่สุดๆ แต่ว่า...แต่งงานแล้ว เอ...ใช่แต่งงานกับอีตาบ้ากามเมื่อเช้านี้หรือเปล่า” เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อนางกำนัลพยักหน้า เธอก็ถึงกับกุมขมับ หรือว่าคำอธิษฐานของเธอจะเป็นจริง ขอให้มี ‘สามี’ ก็มีทันทีทันใด แถมสามียังเป็นถึงองค์รัชทายาทปีศาจอีกด้วย ‘เวรกรรม นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย แต่ยังนับว่าดีที่อีตานั่นหล่อมาก พอให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ’ “จริงสินะตอนขอสามี ฉันไม่ได้ระบุว่ามนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งของ ได้ปีศาจมาก็ยังดีกว่าได้ท่อนไม้มา เฮ้อ...” บัวบูชาถอนหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่นางกำนัลพากันยืนงงด้วยไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายสาวเอื้อนเอ่ย โครกกกกกก! จู่ๆ เสียงกระเพาะครากของบัวบูชาก็ส่งเสียงร้องประท้วงดังลั่น นางกำนัลถึงกับรีบผินหน้าหนี กลั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสุดกำลัง แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน “อะ...อายจัง แต่ฉันหิวมากเลยค่ะ” “รอสักครู่นะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะรีบไปตระเตรียมอาหารเลิศรสมาถวาย” [1] หลาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD