“เธอกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอเพลงขวัญ!” เขารู้จักชื่อและเรียกฉันเต็มยศแบบนี้มาเป็นครั้งที่สองแสดงว่าไม่ใช่แค่ติ่งร่องนมซีแนมแบบธรรมดาแล้วล่ะค่ะ แบบนี้ผัวชัวร์ ๆ
“แล้วเรารู้จักกันเหรอคุณถึงได้กล้ากล่าวหาว่าฉันเป็นเด็กเสี่ย?” ฉันงงไปหมดแล้วว่าคนตรงหน้าฉันเขาเป็นผู้บริหารของบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ใหญ่ระดับประเทศจริง ๆ เหรอ นึกว่าเด็กมหาลัยที่เพิ่งก้าวข้ามการเตะบอลกับเพื่อนจนตัวเหม็นเหงื่อมาเป็นหนุ่มมหาลัยร้อนรักที่หัดมีเมียเป็นครั้งแรก นี่ถ้าเป็นเพื่อนกันจะเดินไปตบหัวแรง ๆ แล้วบอกว่า ...เฮ้ย! ไอ้ฟรังซ์เดี๋ยวนี้มึงติดหมีจนดูไม่ฉลาดแล้วนะเพื่อน! ฉันจะทำจริง ๆ นะถ้าสนิท แค่คำบอกเล่าจากซีแนมเขาก็กล้ามากล่าวหาฉัน ฉันเนี่ยนะเป็นเด็กเสี่ย ยิ่งเป็นเด็กคุณพอร์ชยิ่งไม่มีทางเพราะเคยเจอคุณพอร์ชไหมก็ไม่เคย แค่รู้จักเพราะเขาเป็นคนดัง แถมเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์ที่เป็นสายงานใกล้ชิดกับอาชีพของฉันก็เท่านั้น
“ถ้าไม่จริงทำไมคนที่ฉันบรีฟไว้ถึงโดนถอด? ลูกค้าระบุตัว MC ชัดเจนใครที่ไหนจะกล้าเปลี่ยนตัวถ้าคนที่มาเสียบแทนไม่ใช่คนพิเศษของเจ้าของบริษัท?” นี่โดนหมอเสน่ห์ที่ไหนมาคะคุณ อยากรู้ว่าซีแนมมันใช้น้ำมันพลายสำนักไหนทำไมถึงทำให้ผู้ชายโปรไฟร์ดีมาหาเรื่องกับศัตรูของตัวเองได้ขนาดนี้
“อันนี้คุณก็ต้องไปถามคนจัดงานนะคะฉันเป็นแค่พริตตี้ค่ะ รับจ้างเขามาอีกทอดเหมือนกัน เขาจ้างให้มาทำงานนี้ฉันก็มาเท่านั้น” ขออนุญาตแนะนำคุณฟรังซ์ให้ไปหาคำตอบที่อื่นก็แล้วกันค่ะเพราะตอนนี้ฉันเจ็บที่เท้ามาก ตรงที่โดนรองเท้ากัดหนังมันถลอกจนเปิดแล้วแน่นอน ถ้าโดนถามมากกว่านี้หรือแซะหนักกว่านี้เพลงขวัญอาจจะทนเจ็บไม่ไหวจนถึงขั้นถอดรองเท้าส้นสูงมาถือและเมื่อรองเท้าอยู่ในมือมันก็เปรียบเหมือนอาวุธ ปากแบบนี้ฉันกลัวแทนเขาค่ะ กลัวว่าเขาจะโดนรองเท้าฟาดปากได้ง่าย ๆ
“หึ! ฉันรับรองว่างานต่อไปของบริษัทฉันจะต้องไม่มีเธอแน่” เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย~ ใครสน? มีลูกค้าแบบนี้ต้องอ้อนวอนมาของานเหรอ ไม่ต้องหรอกค่ะคนเราก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
“ค่ะ บริษัทคุณก็ติดแบล็คลิสในสมองฉันแล้วเหมือนกันเพราะเจ้าของบริษัทงี่เง่างอแงขี้แยเอาแต่ใจ ลาแล้วนะคะสวัสดีค่ะ” ฉันไหว้ลาเขาเพราะเขาทำงานแล้วนั่นก็หมายควาว่าต้องเรียนจบและแก่กว่าฉัน ถึงแม้จะเป็นการแก่แบบกะโหลกกะลาก็ตามเถอะ มารยาทไทยสอนให้ไหว้คนที่อาวุโสกว่า จะน่านับถือหรือไม่น่านับถือก็ไหว้ ๆ ไป ทำแล้วดีกับตัวเราทั้งนั้นไม่ใช่ดีกับตัวใครที่ไหน
“เพลงขวัญ!” ฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันแบบสบถด้วยความเข่นเขี้ยวดังไล่หลัง แต่แล้วยังไงคะใครสนใจ คนเราถ้าไม่รู้จักกันส่วนมากก็เจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ
“ฟู่ว~” หลังจากเดินออกมาจากโชว์รูมสุดหรูที่มีเจ้าของซังกะบ๊วยนิสัยห่วยเพราะหลงเมียฉันก็แทบจะถอดรองเท้าแล้วคลานไปตามฟุตบาท ตอนแรกก็เจ็บแบบพอทนเดินได้แต่มันเริ่มจะทนเดินไม่ได้ก็ตอนที่เขากระชากไหล่ให้หันกลับไปจนเท้ามันเสียหลักพลิกนี่แหละ แผลมันไปโดนขอบส้นรองเท้าก็เลยหนังผลอกออกมาจนเลือดซึมนิด ๆ
“เฮ้อ! เจ็บฉิบเป๋งเลย กระชากได้ยังไงผู้หญิงทั้งคน” ตอนนี้ฉันทนฝืนยืนรอแท็กซี่แทบจะไม่ไหวแล้วเพราะรองเท้ามันโดนแผลหนักขึ้นเรื่อย ๆ ป้ายรถเมล์ก็ไม่มีให้นั่ง แท็กซี่ก็หายไปไหนหมดก็ไม่รู้
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...กาย
“ว่าไงจ้ะสุดหล่อ โทรมาหาเพลงขวัญทำไมคะมีอะไรให้รับใช้”
(เพลงอยู่ที่ไหน) ปลายสายไม่เล่นด้วยเลยสักนิดแต่กลับถามด้วยเสียงหล่อน่ารักตามแบบฉบับของเขา
“เพลงเหรอ อยู่ทองหล่อน่ะมาทำงานแต่เดี๋ยวจะกลับแล้ว”
(เดี๋ยวกายไปรับ)
“ไม่ต้อง ๆ นี่รอแท็กซี่อยู่”
(อยู่ที่ไหนเดี๋ยวไปรับรอแป๊บเดียว กายอยู่ทองหล่อพอดีห้ามปฏิเสธไม่งั้นจะบุกไปถึงหน้าคอนโด) เขาบอกกึ่งขู่มาแบบนี้ฉันก็เลยไม่อยากปฏิเสธเพื่อนสนิทที่เคยเป็นอดีตคนรัก เพราะเมื่อไหร่ที่เขาบอกว่าจะบุกถึงหน้าคอนโดก็คือบุกจริง ๆ แล้วก็จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ฉันจนต้องปวดหัวทุกครั้ง
“ที่...” ฉันบอกสถานที่ให้เขารู้หลังจากนั้นเขาก็วางสายพร้อมกับสำทับมาว่าห้านาทีถึงด้วยความมั่นใจ และก็เป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ รถสปอร์ตยี่ห้อดังพุ่งมาด้วยความเร็วแล้วก็จอดตรงหน้าฉันพอดีเป๊ะ
“มาถึงเร็วมากยิ่งกว่าเดอะฟาส” ฉันเข้าไปนั่งในรถแล้วก็หันไปยิ้มแซวเขาที่วันนี้ก็ยังแต่งตัวหล่อเท่ห์เหมือนเดิม
“ก็บอกแล้วว่าห้านาที อีกอย่างจะปล่อยให้เพลงยืนรออยู่ข้างทางคนเดียวแบบนี้นาน ๆ ได้ไง กายรีบมาเพราะเป็นห่วง” โคตรจี๊ด ฮ่า ๆๆ คำพูดกับแววตาที่แสดงความจริงใจของเขาในตอนนี้มันทำให้ฉันจี๊ดที่ใจเหลือเกิน ห่วงฉันมากแล้วทำไมตอนนั้นถึงทำเรื่องเลว ๆ กับฉันได้ลงคอ
“ขอบคุณค่ะสุดหล่อ ไปได้รึยังเดี๋ยวไปรับผลัดอื่นไม่ทันนะ” ฉันข่มความรู้สึกจี๊ดในใจเอาไว้แล้วก็เปลี่ยนเป็นแซวเขาขำ ๆ แทน เขาเป็นคนเดียวที่ฉันไม่เคยปากร้ายใส่อย่างที่ใจต้องการเลยสักครั้ง ทั้งที่ความจริงอยากจะตะโกนด่าเขาสักสามวันเจ็ดวันให้สาสมกับการกระทำแต่ก็ทำไม่ได้ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“ผลัดอื่นอะไรล่ะพูดไปเรื่อย” เขาหันมาดุเบา ๆ ก่อนที่จะออกรถเพื่อพาฉันไปส่งที่คอนโด
“วันไหนทำงานเลิกดึกก็โทรบอกกายสิเพลง อย่าโบกแท็กซี่กลับเองมันอันตรายเข้าใจไหม” เขาชวนคุยระหว่างทางแต่คนมันเป็นแค่เพื่อนกันจะให้ไปรบกวนได้ยังไงล่ะคะ
“ไม่เป็นไรหรอก เพลงก็กลับแท็กซี่คนเดียวบ่อย ๆ ชินแล้วสบายมาก” ฉันยิ้มให้แล้วก็ทำหน้าชิลออกมาเพื่อยืนยันให้รู้ว่าเรื่องแค่นี้สำหรับฉันมันสบายมาก
“เพลงเพิ่งชิน” เขามองหน้าแล้วก็พูดเสียงนิ่ง ใช่ค่ะเพิ่งชินเพราะเมื่อก่อนมีคนคอยรับส่ง เพิ่งจะชินเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา และตอนนี้ก็ชินมากแต่เขาก็พยายามจะเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกไม่ชินเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกครั้ง
“แต่เพลงจะชินกับมันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กาย” ฉันหันไปบอกและยืนยันคำพูดทำให้เขานิ่งแล้วก็หันไปสนใจกับการขับรถ ซึ่งมันก็ดีแล้วค่ะอย่ามาสนใจอะไรฉันเลยเพราะฉันไม่ต้องการความสนใจเอาใจใส่ที่มีให้ฉันอีกครั้งหลังจากที่โดนผู้หญิงคนอื่นทิ้งมา
“ส่งเพลงที่ซุปเปอร์ข้างหน้าก็ได้กายเดี๋ยวเพลงจะซื้อของใช้” ฉันพูดขึ้นหลังจากที่ภายในรถมันเงียบมาพักใหญ่จนตอนนี้ถึงปากซอยเข้าคอนโดของฉันแล้วฉันก็เลยขอลงตรงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่
“อื้ม เดี๋ยวกายรอ” เขาพยักหน้ารับแล้วเลี้ยวรถเข้าไปจอดด้านหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็ยังเดินตามฉันเข้าไปด้านในและตบท้ายด้วยการหยิบตะกร้ามาถือให้เสร็จสรรพ
“กายว่าเพลงเดินแปลก ๆ นะ” เดินปกติน่ะสิที่แปลก รองเท้ากัดขนาดนี้แต่ที่ต้องฝืนเข้าซุปเปอร์ก็เพราะจะมาหาซื้อของใช้กับอุปกรณ์ทำแผลนี่ล่ะค่ะ
“รองเท้ากัดน่ะ” ฉันก็บอกเขาตามปกตินั่นล่ะค่ะไม่ได้เรียกร้องคะแนนสงสารจากเขาหรอก แต่เขาพอได้ยินแบบนั้นก็เดินไปทางอื่น ไม่ต้องให้เดาก็รู้ค่ะว่าเขาเดินไปหารองเท้าที่มีขายในนี้มาเปลี่ยนให้ฉัน ฉันรู้นิสัยการเอาใจใส่ดูแลผู้หญิงของเขาดี
“เอาขนมไปกินเล่นดีกว่าค่ะ” เอ๊ะใครไหนใคร ทำไมเสียงเซ็กซี่คุ้น ๆ เสียงที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเซ็กซี่มาก แต่ถ้าอยู่หลังเวทีและได้กรี๊ดใส่เพื่อนพริตตี้ด้วยกันเมื่อไหร่ทุกคนจะรีบวิ่งหนีเหมือนได้ยินเสียงคนมาเป่านกหวีดสิบอันข้างหู
“พี่มีขนมชิ้นโตอยู่แล้วครับ” อี๋~ ฟังแล้วแปลไม่ออกเลยค่ะว่าขนมชิ้นโตที่ว่าคือขนมอะไร เค้กรสนมฮอกไกโดไซต์ภูเขาไฟฟูจิแต่งหน้าด้วยสตอเบอร์รี่แน่นอนไม่ต้องสงสัย แต่ที่สงสัยคือใครเป็นผู้ชายที่จะกินขนมเค้กรสนมฮอกไกโดไซต์ภูเขาไฟฟูจิแต่งหน้าด้วยสตอเบอร์รี่ในคืนนี้
บอกตรง ๆ ว่าเสียงที่ฉันได้ยินคือเสียงจากอีกด้านที่มีชั้นวางสินค้าขั้นระหว่างฉันกับสองคนนั้น แต่พูดกันดังมากจนได้ยินทุกประโยค ไม่อยากจะบอกให้รู้ว่าโลกมันกลมแค่ไหน มันกลมมากค่ะกลมชนิดที่ว่าซีแนมคนสวยอยู่คอนโดเดียวกันกับฉัน และกลมมากจนเรามาซื้อของที่เดียวกันเวลาเดียวกันในตอนนี้
ถึงแม้ว่าเพลงขวัญจะอยากเห็นหน้าผู้โชคดีที่จะได้กินขนมเค้กรสนมฮอกไกโดไซต์ภูเขาไฟฟูจิแต่งหน้าด้วยสตอเบอร์รี่แค่ไหนก็ตามแต่การหลีกเลี่ยงไม่ต้องพบปะกับซีแนมก่อนนอนคือเรื่องที่ดีที่สุด การไม่พบหน้ายัยนั่นจะทำให้ฉันหลับสบายไม่นอนฝันร้ายไปตลอดทั้งคืน
“อุ้ย!”
หึ! จะบอกว่าโลกมันกลม หรือโลกมันโคตรกลม หรือโลกมันโคตรของโคตรกลมเลยก็ได้ เพราะนอกจากกำลังจะหนีหน้าแล้วหนีไม่พ้นน้องเพลงยังได้พบกับโจทย์รายล่าสุด เมื่อกี้ไม่น่าสงสัยเลยเพลงขวัญว่าผู้ชายที่จะกินขนมชิ้นโตเป็นใคร เพิ่งโดนอิทธิ์ฤทธิ์ของติ่งร่องนมและคนติดหมีมาหยก ๆ มันก็ต้องเป็นเขาสิที่อยู่กับซีแนมจะเป็นใครไปได้ล่ะ
“อ้าวเพลงขวัญ” แหวะ! เสียงหวานมาก จะทำเสียงหวานใส่ฉันทำไมไม่เข้าใจ ฝันร้ายได้เดินทางมาหาเพลงขวัญแล้วล่ะค่ะ ฝันร้ายที่หวาดกลัวได้มาสแตนบายรอที่ห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
“จ้าเพื่อนซี มาช็อปปิ้งเหรอจ้ะ” ฉันทักทายซีแนมกลับแต่สำหรับติ่งของยัยนี่ฉันทำเป็นไม่สนใจดีกว่า ถ้าทำเป็นสนใจทั้งสองคนก็เหมือนฉันมีศัตรูสองคนและโดนรุมสองน่ะสิ ตอนนี้เหนื่อยมากขอฟาดแค่หนึ่งนะคะ เอาไว้หายเหนื่อยแล้วบังเอิญเจอกันพร้อมหน้าทั้งคู่อย่างวันนี้เมื่อไหร่ค่อยจัดหนักทั้งผัวทั้งเมีย
“อื้ม ซีมาซื้อของกับพี่ฟรังซ์น่ะ เพลงน่าจะรู้จักนี่เพราะพี่ฟรังซ์เป็นเจ้าของโชว์รูมที่เพลงไปทำงานวันนี้ งานที่แย่งซีไปน่ะ” หืม~ แม่นางร้ายเบอร์รอง คิดจะร้ายต้องอย่าใส่หมดแม็กสิจ้ะ ใส่หมดก็หมดมุกนะอีซีแนม
“อ้อ~ สวัสดีค่ะ คุณ...อะไรนะคะ ฉันจำชื่อไม่ได้เลย คุณแฟร็ง เอ้ย!คุณฟรังซ์ใช่ไหมคะ” ฉันก็แอ๊บแอ๊ทำตอแหลใส่ไปอย่างนั้นแหละค่ะ เราทั้งคู่หมายถึงฉันและอีตาคุณฟรังซ์อะไรนี่สบตากันก็จำได้แล้ว แถมตอนนี้เขาก็มองฉันเหมือนกำลังฟาดคำด่าใส่อยู่ตลอดเวลา
“ครับ” ทำเป็นเข้มนะคะกร้าวใจเหลือเกิน เกินจะทนมองนะ ฮ่า ๆๆ พยักหน้ารับพูดว่าครับแบบสุภาพแต่สายตาไร้มารยาทมากจริง ๆ เจอสายตาแบบนี้ฉันก็เลยมีอารมณ์อยากตอบโต้นิดหน่อยทั้งที่ตั้งใจจะฟาดแค่ยัยซีแนมคนเดียวแท้ ๆ เชียว
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำตัวเสียมารยาทจำชื่อลูกค้าไม่ได้ พอดี...ชื่อห่วยแถมหน้ายังโหลมากอีกต่างหาก” ^^