“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำตัวเสียมารยาทจำชื่อลูกค้าไม่ได้ พอดี...ชื่อห่วยแถมหน้ายังโหลมากอีกต่างหาก”
“เพลงขวัญ!”
“พี่ว่าเราไปดูของต่อดีกว่าครับซีแนมจะได้รีบกลับไปพักผ่อน” ผมไม่อยากปล่อยให้ผู้หญิงสองคนนี้ยืนทะเลาะกันกลัวพวกเธอเองนั่นแหละที่จะอายคนเพราะฝีปากเพลงขวัญไม่ได้อยู่ในระดับเด็กมหาลัย ฝีปากเธอระดับแอดวานซ์เลยต่างหาก ขนาดเพิ่งรู้จักแค่ครึ่งวันผมยังสัมผัสมันได้เลย ส่วนความรู้สึกของผมถ้าถามว่าโกรธไหมที่เด็กคนนี้ว่าชื่อผมห่วยหน้าผมโหล ผมไม่โกรธหรอกครับแค่หงุดหงิดตะขิตตะขวงใจนิดหน่อย
“ยังค่ะพี่ฟรังซ์ ซีขอเคลียร์กับคนมารยาททรามก่อน” ซีแนมเธอร้ายครับ ร้ายตามประสาผู้หญิงนั่นแหละแต่ผมไม่ได้สนใจความร้ายกาจของเธอเท่าไหร่ คนครับไม่ใช่แม่ชีที่จะดีได้ตลอดเวลา
“จะเคลียร์ด้วยอะไรดีซีแนม อยากเคลียร์มากออกไปข้างนอกไหมจ้ะ ฉันกลัวข้าวของในนี้เสียหาย หรือถ้าผู้ชายของเธอยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายฉันก็โอเคนะถ้าจะเคลียร์ตรงนี้” เฮ้อ~สวยมากแต่แสบมากแบบนี้ใครจะอยากได้ไปเป็นแฟนวะ ผมเห็นหน้าเธอครั้งแรกเมื่อกลางวันก็แทบเคลิ้มกับความสวยแต่ก็ลบความรู้สึกแบบนั้นไปจนหมดเพราะเธอเป็นเด็กไอ้พอร์ช ยิ่งมาเห็นนิสัยของเธอแล้วผมโคตรสงสัยเลยว่าไอ้พอร์ชมันเปลี่ยนรสนิยมมาชอบแบบฝีปากจัดจ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วไหนมันบอกว่ามันเลิกเลี้ยงเด็กแล้ว กินเหล้าเศร้าใจพร่ำเพ้อเป็นประจำว่าโดนเมียทิ้ง แล้วมันกลับมาเลี้ยงเด็กอีกทำไม ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงทำให้ไอ้พอร์ชกลับมาเลี้ยงเด็กอีกครั้ง
“เธอมันไร้มารยาทที่สุดเลยเพลงขวัญ!”
“ก็พอกันนั่นแหละซีแนม เราสองคนมันศีลเสมอกัน หรือจะเถียงว่าไม่ใช่ไหม เถียงสิแต่บอกไว้ก่อนว่าฉันพร้อมขุด” อืม~ ถ้าให้ผมเปรียบเธอสองคนเป็นตัวละคร บอกตรง ๆ ว่าเป็นตัวร้ายทั้งสองคนนั่นล่ะ คนหนึ่งนางร้ายที่ร้ายแบบธรรมดาทั่วไป อีกคนร้ายโจ่งแจ้งแต่ก็ยังมีความแสบและมีความร้ายที่ลึกมากกว่าที่แสดงออกมาอยู่มากพอตัวเหมือนกัน
“หุบปากของเธอนะเพลงขวัญอย่าเที่ยวพูดอะไรพล่อย ๆ”
“ซีแนมครับพี่ว่าเราไปดีกว่านะ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย” ผมไม่ชอบเห็นผู้หญิงทะเลาะกัน มันไม่น่ารักเท่าไหร่
“แต่เพลงขวัญพูดจาแย่ใส่ซีนะคะพี่ฟรังซ์” ซีแนมเหวี่ยงใส่ผม ถึงผมจะหลงเธอเป็นพิเศษในช่วงนี้แต่ผมไม่ได้สมองเบาจนมองไม่ออกว่าซีแนมเป็นคนหาเรื่องเพลงขวัญก่อน
“เหรอ~” อ่าส์~ เสียงกวนประสาทมากครับผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้
“อย่ามากวนประสาทฉันนะเพลงขวัญ!”
“ไปเถอะซีแนม อย่าให้พี่พูดซ้ำ” ผมจับมือซีแนมเพื่อพาเดินไปทางอื่น พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ ผมไม่โง่จนเข้าข้างแต่คนของตัวเอง ซีแนมหาเรื่องเพลงขวัญก่อนเพราะฉะนั้นผมก็ควรพาซีแนทออกไปไม่ให้ไปรบกวนเธอมากกว่านี้
“แฟนคุณยังไม่อยากไปจะบังคับใจกันทำไมล่ะคะ” เพลงขวัญก็สุดโต่งเหมือนกันครับ สุดยิ่งกว่าซีแนมอีก
“เพลง กายไปหารองเท้า...” อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ท่าทางคงจะเป็นแฟนกันนั่นล่ะไม่งั้นคงไม่มาเดินซื้อของด้วยกันดึกดื่นแบบนี้หรอก
อ้าว! แล้วไอ้พอร์ชล่ะวะ?
“อ้าวกายมาแล้วเหรอ ดูสิว่าเพลงบังเอิญเจอใคร”
“เอ่อ...” ผมมองท่าทางของสามคนตรงหน้า ซีแนม เพลงขวัญ แล้วก็ผู้ชายที่มาใหม่ ท่าทางคงจะรู้จักกันและความสัมพันธ์ก็ไม่น่าจะธรรมดาซะด้วยสิเพราะผู้ชายคนนี้มองหน้าซีแนมแล้วก็ไม่พูดอะไรส่วนซีแนมก็เงียบไปเลย
“เนี่ยบังเอิญมากเลยที่เราสามคนมาเจอกัน อุ้ย! คุณ... อ้อ! คุณฟรังซ์อาจจะงงว่าพวกเราเป็นอะไรกัน อยากรู้ความสัมพันธ์ไหมคะ” หึ ๆๆ ไม่ต้องทำเป็นแกล้งถามผมก็ดูออก ความสัมพันธ์ผัว ๆ เมีย ๆ นั่นล่ะไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
“พี่ฟรังซ์คะซีว่าเราไปกันดีกว่าค่ะ อย่าอยู่ตรงนี้เลยซีเริ่มง่วงแล้ว”
“ครับ? จะไปแล้วเหรอ” ผมค่อนข้างงงนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ซีแนมก็ทำท่าจะถอยขึ้นมาง่าย ๆ
“นั่นน่ะสิจะไปแล้วเหรอ ฉันยังไม่ได้แนะนำ.../ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับเธอ ไปดีกว่าค่ะพี่ฟรังซ์” หลังจากนั้นผมก็โดนซีแนมลากแขนออกมาทันที ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกนะครับถ้าเพลงขวัญจะแนะนำว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์กินผู้ชายคนเดียวกัน แต่ซีแนมไม่อยากให้รู้ผมก็ไม่ได้สนใจอยากเซ้าซี้อะไรต่อ
#FRUNG END
#PLENGKWAN TALK
“เขาหาเรื่องเพลงเหรอ”
“เปล่าหรอก ไปดีกว่ากายดึกแล้วกายจะได้กลับไปพักผ่อน” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน หงุดหงิดยัยซีแนมอยู่ลึก ๆ
ติ๊ง!
ZEENAmmmm : กินของเก่าเหรอจ้ะ ^^
ZEENAmmmm : แซ่บเหมือนเดิมรึเปล่า?
ZEENAmmmm : แต่ท่าทางจะแซ่บกว่าเดิมนะไม่งั้นเธอไม่มากินต่อฉันอีกรอบหรอก
ZEENAmmmm : รับให้ไหว ๆ หน่อยนะเพลงขวัญ เพราะฉันจัดให้เขาหนักมาก อ่อน ๆ แบบเธอคงจะเพลีย
ZEENAmmmm : แต่ระวังรับไม่ไหวจนเขาไปหาของอร่อยที่อื่นอีกรอบนะจ้ะ
ZEENAmmmm : อีดอก!
ฉันนั่งอ่านไลน์ยัยอสรพิษอยู่ในห้อง อาบน้ำจะนอนแล้วแท้ ๆ แต่ดันมีคนมาหาเรื่องต่อ แล้วฉันทำอะไรผิด ฉันไปหาเรื่องเหรอวันนี้ ฉันไปแย่งงานยัยนั่นเหรอ ใช่ฉันพูดจาร้าย ๆ ใส่แต่ไม่ใช่เพราะยัยนั่นมาพูดจาแย่ ๆ กับฉันก่อนเหรอ แล้วฉันต้องทนนั่งบื้ออ่านข้อความที่ยัยบ้านั่นส่งมารบกวนจิตใจแถมด่าฉันส่งท้ายว่าอีดอกนี่นะ? อีดอกเลยนะ เกิดมาไม่เคยมีใครด่าฉันแบบนี้เลยสักครั้ง
ก๊อก ๆๆๆๆ
กริ่งมันมีค่ะ แต่ใช้นิ้วกดมันไม่สะใจเท่าเคาะประตู!
แอด~
“เพลงขวัญ” คนที่เปิดประตูห้องไม่ใช่ยัยเจ้าของห้องแต่เป็นผัวนางต่างหาก
“เมียคุณอยู่ที่ไหน!”
“เมีย?” หืม ยังกล้าทำหน้างงอีกนะ หรือว่าผสมพันธ์กันโดยที่ไม่มีสถานะ
“อยู่ที่ไหน” อารมณ์ฉันกำลังพุ่งสูงเพราะฉะนั้นแรงเหวี่ยงมันจะมีมากกว่าปกติ
“พี่ฟรังซ์คะ สั่งอาหารมาเหรอ”
“เปล่าหรอก ผู้ชายของเธอไม่ได้สั่ง แต่เธอส่งข้อความสั่งมาเองต่างหาก” ฉันเดินแทรกเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามาในห้องเห็นยัยซีแนมเดินออกมาด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพอดี ดีเลยแม่จะตบให้ผ้ากระจาย คงไม่อายอีตาคุณฟรังซ์นี่หรอกมั้งน่าจะกินกันจนเห็นยันใฝในใบหูแล้วล่ะ
“อะไรของเธอ?” หืม~ ตีหน้าอึนได้น่าตบ ไม่เข้าใจสินะว่าฉันหมายความว่าไง
“ไม่ขี้เกียจแสดงละครเหรอซีแนม ฉันขี้เกียจมากเลยนะ เลิกทำหน้าซื่อแล้วฟังให้ดี!” เวลาฉันอารมณ์ขึ้นสูงฉันไม่แอ๊บกวนประสาทใครทั้งนั้นล่ะค่ะ ฉันอยากจะเข้าไปกระทุ้งหัวมันอย่างเดียว
“อะไรของเธอเพลงขวัญ ออกไปจากห้องฉันได้แล้วนี่มันเวลาพักผ่อนหัดมีมารยาทบ้าง” หึ! ทำเป็นผู้หญิงมีสติ นี่จะแอ๊บเป็นคนดีต่อหน้าแฟนเหรอยะ สาบานว่าอีตาคุณฟรังซ์โง่จนดูไม่ออกว่าแฟนตัวเองไม่ใส
“จำไว้นะซีแนม อีดอก! คือคำสร้อย แต่อีตอแหล! คือคำด่า! เลิกตอแหลต่อหน้าผัวหล่อนเดี๋ยวนี้!”
เพี้ยะ!
“ว้าย! / เฮ้ย! หยุดนะเพลงขวัญ!”
“หยุด! ห้ามมาโดนตัวฉันทั้งผัวทั้งเมีย!” ฉันตบยัยซีแนมสุดแรงเกิดจนยัยบ้านี่ล้มไปกองที่พื้น ส่วนไอ้คนผู้ชายก็ทำท่าจะเดินเข้ามา ไม่รู้จะมาลากฉันออกจากห้องหรือมาจัดการฉันที่ทำร้ายแฟนของเขา ฉันก็เลยชี้หน้าขู่พร้อมกับหยิบมีดปอกผลไม้ที่บังเอิญวางอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีพอดีมาขู่ จังหวะมันได้จริง ๆ
“เธอทำบ้าอะไรเพลงขวัญ บุกมาตบคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง”
“เมียคุณบ้ากว่าฉันอีก อ้อ! บอกไปก็เท่านั้นแหละผัวเมียกันรู้สันดานกันดีอยู่แล้ว”
“เพลงขวัญ!”
“เรียกอะไรนักหนา คุณเพิ่งรู้จักชื่อฉันวันนี้คุณก็เรียกชื่อฉันจนฉันเริ่มรำคาญชื่อตัวเองแล้วนะ หรือว่าชอบชื่อฉันมากกว่าชื่อเมียตัวเอง ระวังเรียกมาก ๆ แล้วจะติดปากจนเผลอครางชื่อฉันตอนยัยนี่ขย่มอยู่บนตัวนะคะคุณฟรังซ์”