“ถ้ามึงไม่เอาก็โยนมาให้กู กูพร้อมอ้าขารับ”
“เอาไปดิ”
“กูพูดเล่นไปงั้นแหละไม่เอาหรอกไม่ชอบเป็นเหยื่อชอบเป็นผู้ล่ามากกว่า มันดูเร้าใจดี”
“อารมณ์แบบแม่เสือสาวงี้”
“ใช่” เข้าใจที่เพื่อนมันพูดแหละเพราะถ้าเป็นเฮียเกมส์มันคงได้เป็นเหยื่อแน่ ๆ เพราะเขาเสือผู้หญิงขนาดนั้น
เราสองคนนั่งพูดคุยดื่มกันไปเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มได้ที่เดซี่ก็ลุกไปเปิดเพลงเพื่อให้บรรยากาศมันสนุกมากขึ้น ส่วนใหญ่ถ้าเราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวผับก็จะนั่งดื่มกันที่ห้องแบบนี้ตามประสาเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันแล้วมันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ก็เท่านั้น
เราสองคนยังคงนั่งดื่มพูดคุยกันไปเรื่อยและไม่รู้ว่าดื่มเพลินไปหน่อยไหมทำให้ตอนนี้แอลกอฮอล์เล่นงาน ร่างกายร้อนรุ่มกระสับส่ายนั่งอยู่นิ่งไม่ได้
“เป็นห่าอะไรยุกยิกไม่หยุด?”
“เหมือนจะเมาแล้วว่ะ”
“แล้วใครให้มึงกินเยอะล่ะ”
“เสียดายของถ้ากินไม่หมด” ทั้งที่จริงหากเหลือไว้กินวันอื่นมันก็ไม่ได้บูด แต่เพราะติดลมมากกว่าจึงหยุดดื่มไม่ได้
“ข้ออ้างมึงอะ”
“…” ฉันไม่ตอบยกเบียร์ดื่มไม่พักทั้งที่หูตาเริ่มเยิ้มลืมไม่ขึ้นแล้วก็ตาม
“เงี่ย*ว่ะ” มันรู้สึกแบบนี้จริง ๆ จึงพูดออกไปแบบไม่คิดจะปิด
“คันก็ต้องเกา เงี่ย*ก็ต้องเอา”
“ไหนล่ะคนให้เอา”
“เอาไหมเดี๋ยวกูนัดให้”
“เรื่องแบบนี้สนับสนุนกูจังเลย ห้ามบ้างก็ได้” ถึงในใจลึก ๆ จะอยากให้เพื่อนมันดีลมาให้ก็เถอะแต่ก็พยายามยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ให้ได้ แม้จะอยากลองแค่ไหนก็ตามแต่คนแรกก็อยากให้เป็นคนที่ตัวเองชอบและรู้สึกดีไม่ใช่กับใครก็ได้…
“เอ้าก็เห็นมึงบอกเงี่ย*กูก็ต้องช่วยมึงดิ”
“มันก็แค่อารมณ์ในตอนเมาไม่ได้อยากเอาจริง ๆ สักหน่อย”
“ไม่ต้องเอาแอลกอฮอล์มาอ้างหรอกแท้จริงมึงก็อยากลองมากกว่า” ฉันยักไหล่ขึ้นไม่ได้ตอบอะไรออกไป ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มเข้าไปอึกใหญ่อีกครั้ง
เราสองคนยังนั่งดื่มกันต่อกระทั่งโทรศัพท์ฉันดังขึ้น ดวงตาจ้องมองหน้าจอเป็นต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
“ป้าแก้วตาโทรมาทำไมวะ?”
“กูจะรู้ไหม”
“กูไม่ได้ถามแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ” ฉันรีบตั้งสติก่อนจะกดรับสายทันที
#บทสนทนา
“ค่ะป้าแก้วตา” พยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่มันยากจะทำได้
(หนูพริ้งอยู่คอนโดไหมลูก?)
“อยู่ค่ะ”
(ป้ารบกวนหนูพริ้งไปดูเกมส์ให้ป้าหน่อยว่าอยู่ห้องไหมพอดีป้าโทรไปไม่รับ)
“ตอนนี้เหรอคะ?” ตอนนี้สมองมันมึนงงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แต่ก็พยายามเรียบเรียงคำถามของป้าแก้วตาให้ได้มากที่สุด
(ใช่ เมื่อกี้บอกป้ากำลังขึ้นห้องแต่พอป้าโทรไปอีกครั้งก็ไม่ยอมรับสายป้าเลย)
“อ่อ ได้ค่ะ” เพราะความใจดีแต่ไม่ดูสังขารตัวเองจึงตอบกลับไปแบบไม่คิด
(ขอบใจมากจ้ะลูก)
“ไม่เป็นไรค่ะเรื่องแค่นี้เอง”
“มีอะไรวะ?” หลังวางสายเดซี่ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยเต็มประดา ฉันปรือตามองมันแป๊บหนึ่งก่อนจะตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
“ป้าแก้วตาให้กูไปดูเฮียเกมส์ว่าอยู่ห้องไหม”
“ก็ไปดิแม่ยายมึงขอร้องขนาดนั้นแล้ว”
“แม่ยายห่าอะไร ไปให้กูหน่อยดิ ตอนนี้ไม่อยากลุกไปไหนเลยว่ะ” ยกมือขึ้นกุมขมับแล้วนวดเบา ๆ แค่อยากหาข้ออ้างเพราะไม่อยากไปเจอเฮียเกมส์ในตอนนี้เพราะกลัวเขาจะหาเรื่องกวนประสาทกันอีก
“กลัวความเงี่ย*ครอบงำแล้วจับเฮียเกมส์กดลงเตียงหรือไง”
“ไม่ใช่โว๊ย” แต่ในสมองเพื่อนมันคงมีแต่เรื่องสิบแปดบวกแหละมั้งถึงคิดอะไรดี ๆ อย่างคนอื่นไม่เป็น
“ฮ่า ๆ กูหยอกเล่นไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ แต่มึงไปแหละดีแล้ว ให้กูไปเฮียเกมส์คงยืนงงเป็นไก่ตาแตกแน่” เดซี่ตอบปัดก่อนมันจะลุกขึ้นเดินสะบัดก้นเข้าไปในห้องน้ำทันที ปล่อยให้ฉันนั่งงุนงงกับชีวิตว่าจะเอายังไงต่อดี
“ไม่น่าปากไวรับปากไปเลย” สะบัดหัวแรง ๆ จำต้องดันตัวลุกขึ้นเมื่อเลือกไม่ได้ ฉันเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นออกมาดื่มจากนั้นก็เปิดประตูห้องเดินออกไปทันที
เมื่อเดินมาถึงห้องเฮียเกมส์ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับห้องฉันแต่คนละฝั่ง ก็ไม่รอช้าเคาะประตูห้องเขารัว ๆ บอกเสร็จจะได้รีบกลับ ฉันเคาะเพียงไม่กี่ครั้งประตูบานใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มจากคนด้านในเอ่ยถามแม้จะยังไม่เห็นหน้าของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเลยก็ตาม
“มาแล้วเหรอคะ?” ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะคิดว่าเฮียน่าจะรอใครบางคนอยู่ซึ่งไม่ใช่ฉันแน่นอนไม่งั้นเขาคงไม่เอ่ยถามแบบนั้นและเปิดประตูให้เร็วขนาดนี้หรอก
แต่มันก็เรื่องของเขาฉันไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้สนใจเพียงแต่ตัวเองเท่านั้นจะทำยังไงให้ยืนตรง ๆ เหมือนคนปกติได้
“อ้าวไอ้เด็กดื้อเองเหรอ” เมื่อประตูบานใหญ่เปิดออกกว้างเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นฉัน
“มีอะไรเหรอ” ฉันในตอนนี้ไม่สนใจคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียวเพราะสติสัมปชัญญะทั้งหมดตกอยู่ที่กล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ ของคนด้านหน้าหมดแล้ว
ก่อนจะเผลอกลืนน้ำลายลงคอซ้ำ ๆ ฉันไม่อาจละสายตาจากเฮียเกมส์ได้เลย ถามจริงใครมันจะไปละสายตาได้ก็เล่นนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนกอดพิงประตูยกยิ้มที่มุมปากมองหน้ากันแบบนี้...