อย่าเล่นกับไฟ 1
“พริ้งว่างไหมลูก”
“ว่างค่ะ” ฉันเอ่ยตอบแม่เมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้าย
“เอาขนมบัวลอยไปให้ป้าแก้วตาหน่อย”
“ได้ค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดก่อนจะเดินถือขนมบัวลอยไปบ้านป้าแก้วตา ที่อยู่ข้างบ้านฉัน...
“วันนี้เฮียเกมส์จะกลับมาบ้านไหมนะ?” ตั้งแต่เฮียเกมส์เรียนมหา’ ลัยเขาก็ไม่ค่อยกลับบ้านจึงเป็นเรื่องยากที่จะเจอเขาที่นี่ส่วนใหญ่ฉันจะเจอเฮียเกมส์ที่คอนโดมากกว่าเพราะเราอยู่คอนโดเดียวกันส่วนบ้านฉันจะกลับอาทิตย์ละครั้ง
แต่ที่ถามถึงไม่ได้รู้สึกพิศวาสเขาหรอกนะเพียงแต่จะฝากของไปให้เดซี่เพื่อนสนิทของฉันที่พักอยู่คอนโดด้วยกันก็เท่านั้นเอง...
เมื่อถึงหน้าบ้านป้าแก้วตาฉันก็รีบเกาะประตูรั้ว ดวงตามองเข้าไปด้านในบ้านส่องดูว่ามีรถเฮียเกมส์จอดไหมแต่ก็ต้องสิ้นหวัง...
“กลับบ้านเป็นบ้างไหมเนี่ย!” พูดด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินถือบัวลอยเข้าไปในบ้านป้าแก้วตา ถ้ามันไม่ติดวันหยุดฉันจะไม่ง้อเขาเลยแต่นี้มันติดวันหยุด เพราะถ้าเฮียเกมส์ไม่กลับบ้านฉันก็คงต้องขับรถเอาของไปให้เดซี่ที่คอนโด ซึ่งมันขี้เกียจวันหยุดทั้งทีก็อยากนอนอยู่บ้าน
เพราะสนิทกันฉันจึงเดินเข้าไปในบ้านเฮียเกมส์แบบไร้มารยาทประหนึ่งว่าเป็นบ้านตัวเอง เมื่อเข้ามาในตัวบ้านดวงตาก็กวาดมองหาป้าแก้วตา ก่อนจะเห็นท่านกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่กับป้าแม่บ้านสองคน ฉันจึงเดินยิ้มหน้าแป้นแล้นเข้าไปหา
“อ้าวหนูพริ้งถืออะไรมาน่ะลูก?”
“บัวลอยที่อร่อยที่สุดในสามโลกค่ะ” ฉันยื่นบัวลอยให้ป้าแก้วตา ก่อนที่ท่านจะรับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนอย่างเคย
“ป้าต้องน้ำหนักขึ้นแน่เลย แม่หนูทำของหวานมาให้ทุกวันแบบนี้”
“ไม่อ้วนหรอกค่ะแค่นี้เอง ถึงอ้วนป้าแก้วตาก็สวยเหมือนเดิม”
“ปากหวานอีกแล้ว” ป้าแก้วตาพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันเหมือนเอ็นดูกัน
ยืนคุยกับป้าแก้วตาสักพักและคิดว่าควรจะกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่กำลังจะเอ่ยบอกป้าแก้วตาเสียงทุ้มจากด้านหลังก็ดังขึ้นมาก่อน
“มาแล้วครับคนสวย” แค่ได้ยินเสียงแม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าก็รู้เลยว่าเป็นใคร และไม่คิดให้ปวดหัวรีบหันไปมองเขาคนนั้นทันที
“วันนี้ฝนตกแน่ ลูกชายแม่กลับบ้านตรงเวลาตามที่บอก” ฉันยืนมองร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าปั้นแต่ง แต่สีหน้าท่าทีกลับกวนประสาทที่หนึ่ง ขายาว ๆ ก้าวเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับส่งยิ้มให้แม่ของเขา ก่อนจะหันมองฉันยักคิ้วให้กวน ๆ
“มาเร็วก็บ่น มาช้าก็บ่น คนสวยจะเอายังไงครับ” เฮียเกมส์พูดกับป้าแก้วตาแต่ดวงตากลับมองฉันไม่กะพริบ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างกัน
“มาทำไร?”
“เอาบัวลอยมาให้ป้าแก้วตา”
“แล้วของเฮียไม่มีเหรอ?”
“แม่ให้มาแค่นี้” ฉันกวาดดวงตามองทั่วกรอบหน้าเฮียเกมส์มองชนิดว่าไม่เกรงใจเขาเลย
ก็ใครมันจะไปละสายตาได้โคตรหล่อขนาดนั้น...
“ใจร้ายจัง” เฮียเกมส์เอื้อมมือมาจับหัวฉันแล้วโยกเบา ๆ เพราะเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กทำให้สนิทกันจึงไม่แปลกที่จะทำแบบนี้
“อย่าจับ เดี๋ยวผมหนูยุ่งหมด”
“กลัวผมยุ่งเหรอ หืม” ไม่พูดเปล่าขยี้ผมฉันหนักกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบคอแล้วขยับหน้ามาใกล้ ขยิบตาให้ด้วยสีหน้ากวน ๆ ยอมรับว่าถึงจะมันไส้ตอนเฮียชอบแกล้งกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขาในระยะประชิดนี้ทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะได้เหมือนกัน
ฉันทำอะไรไม่ถูกกับความใกล้ของใบหน้าเราสองคน จึงเผลอกลั้นหายไปชั่วขณะ...
“เกมส์อย่ารุ่มราม น้องโตเป็นสาวแล้วนะ”
“โตยังไงตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง” ไม่ผิดที่เฮียจะมองว่าฉันเด็กเพราะเราอายุห่างกันตั้งห้าปี…
“ไม่โตยังไงน้องขึ้นมหา’ ลัยแล้วนะ” ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกันอยู่ ฉันจึงอาศัยจังหวะนี้จับแขนเฮียเกมส์ออกจากรอบคอแล้วรีบกอบโกยลมหายใจเข้าปอด
“เด็กอยู่ดีนั่นแหละ”
“เฮียมากกว่าที่แก่”
“เถียงเก่ง” ฉันสบตากับเฮียเกมส์ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าจะฝากของเฮียเกมส์เอาไปให้เดซี่ที่คอนโด ทว่าก็ยังไม่ได้อ้าปากพูดออกไปเสียงโทรศัพท์เฮียเกมส์ก็ดังขึ้นก่อน...
“ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” เฮียเกมส์ชูโทรศัพท์ในมือขึ้นทำให้ฉันเห็นเบอร์ผู้หญิงที่แสดงอยู่หน้าจอโทรศัพท์เขา จากนั้นเฮียเกมส์ก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านไม่ได้หันกลับมามองฉันเลยสักนิด จะเรียกก็ไม่ทันแล้ว…