มือเล็กถูไถหน้าจอโทรศัพท์เลื่อนดูไปเรื่อย ๆ กระทั่งเดซี่โทรมาจึงกดรับ
(สรุปมึงเอามาให้หรือเฮียเกมส์)
“ลืมส่งข้อความไปบอกเลยกูฝากเฮียเกมส์ไปแล้ว”
(กรี๊ด~ จะได้เจอคนหล่ออีกแล้ว) ตกใจเสียงกรี๊ดมันจนดึงโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน
“เบาได้เบานะคุณเพื่อน”
(มึงอยู่ไปได้ไงเป็นกูไม่เหลือแล้วหล่อขนาดนี้) ฉันได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับอาการคลั่งไคล้เฮียเกมส์ขึ้นสมองของเดซี่
“หล่อจริง แต่กินไม่ลงหรอกเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”
(ตามนั้น ว่าแต่มึงลองชุดนอนไม่ได้นอนยังอะ)
“ยังเลยว่ะ”
(กูอยากเห็น มึงใส่ให้ดูหน่อยดิ อยากรู้จะแซ่บเท่ากูไหม) ได้ยินคำพูดเดซี่ถึงกับเบะปากมองบนแล้วคนอย่างฉันมันยอมได้ที่ไหน
“งั้นรอดูความแซ่บของกูได้เลย”
(จัดมา) ฉันดันตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว คว้าถุงชุดนอนไม่ได้นอนที่พึ่งถอยมาเมื่อวานด้วยท่าทีตื่นเต้น
แต่เมื่อเปิดออกคิ้วสองข้างเป็นต้องขมวดเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน มันไม่ใช่ชุดของฉันแต่เป็นชุดของเดซี่ที่มันควรจะไปอยู่กับเฮียเกมส์แล้ว
“ฉิบหายล่ะ!”
(เป็นอะไรอุทานซะดังเลย)
“กูว่ากูหยิบถุงเสื้อผ้าไปให้เฮียเกมส์ผิดแน่เลยว่ะ”
(อ้าว ทำไงอะ)
“แป๊บ” รีบเดินออกไปที่ระเบียงหลังห้องดวงตามองเข้าไปในห้องเขาที่ตอนนี้ปิดไฟมืดสนิท
“เฮียเกมส์” ยกมือป้องปากตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ก็ไร้วี่แววคนด้านในจะออกมาจึงตะโกนเรียกไปอีกครั้ง
“เฮีย!”
“ไม่อยู่หรือไม่ได้ยินเลยวะ”
(หรือเฮียเกมส์จะกลับคอนโดแล้ววะ)
“แต่เขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้เที่ยงนะ” ดวงตาจ้องมองห้องนอนของเขาสักพักตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันเพราะเขาเงียบผิดปกติแถมในห้องยังปิดไฟมืดสนิทอีกด้วย
(เอาไงดีกูต้องใส่ชุดพรุ่งนี้นะ)
“อย่าว่าแต่ชุดมึง ถ้าเฮียเกมส์เห็นชุดกูไม่รู้จะต้องเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลยเนี่ย” ในหัวมันตีกันยุ่งเยิงไปหมดไม่รู้จะเอายังไงดี
(มึงก็เอาหน้าไว้ที่เดิม แต่ชุดกูยังไงมึงก็ต้องเอามาให้)
“มึงนี่จริง ๆ เลย”
(แต่จากที่กูเคยประเมิน ห้องมึงกับเฮียเกมส์กูว่ามันน่าจะปีนข้ามไปหากันได้ไม่ยากนะ)
“อย่าบอกมึงจะให้กูปีนต้นไม้ข้ามไปหาเฮียเกมส์” ฉันจ้องมองต้นไม้ใหญ่ที่กั้นกลางระหว่างห้องฉันกับห้องเฮียเกมส์ด้วยสีหน้าคิดไม่ตก
(ก็ถ้ามึงไม่อยากให้เฮียเกมส์เห็นชุดมึงก็ปีนข้ามไป)
“โอ๊ยทำไมสะเพร่าจังก็ไม่รู้” ยกมือขยุ้มผมตัวเองเมื่อคิดไม่ตก
(กูเอาใจช่วยนะ)
“เฮ้อ” จำต้องถอนหายใจออกมาแรง ๆ ยืนคิดอีกสักพักก่อนจะตัดสินใจได้
“ก็ได้วะ” เพราะถ้าเฮียเกมส์เห็นชุดนั้นแล้วรู้ว่าเป็นชุดของฉันคงล้อกันไม่หยุดแน่
(ไม่ต้องลากเฮียเกมส์ไปคุยถึงบนเตียงนะ สู้ๆ กูเป็นกำลังใจให้) พูดจบอีนางตัวดีก็กดวางสายไปทันที ฉันจึงโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงดวงตาจ้องมองต้นไม้อีกครั้งในเมื่อทำอะไรไม่ได้จำต้องยอมปีนข้ามไปหาเขา
ฉันเดินออกมานอกห้องยกมือไหว้พระอีกครั้งถึงมันจะไม่ได้น่ากลัวเพราะต้นไม้ค่อนข้างใหญ่แข็งแรงและระเบียงห้องเราสองคนใกล้กันชนิดแทบจะติดกันเลย
ฉันตั้งมั่นกระชับถุงเสื้อผ้าเดซี่เอื้อมมือจับราวระเบียงไว้แน่นจากนั้นก็ค่อย ๆ ปีนข้ามไปมือเอื้อมไปจับต้นไม้แล้วก้าวขาทีละข้างไปเหยียบ ฉันไม่กล้ามองลงไปข้างล่างเลยเพราะกลัวความสูงเหมือนกัน เมื่อขาสองข้างเหยียบบนต้นไม้สำเร็จก็จับระเบียงห้องเฮียเกมส์แล้วปีนข้ามไปทันที
“อึบ อ่า สำเร็จ” เมื่อข้ามสำเร็จฉันก็รีบเดินไปที่กระจกบานเลื่อน ในใจได้แต่อธิฐานขอให้เฮียไม่ล็อกและขอให้เขาอยู่ห้องไม่งั้นปีนมาเสียเที่ยวแน่
ฉันเดินย่องเอื้อมมือไปจับกระจกบานเลื่อนแล้วค่อย ๆ เปิดออกไม่รู้เพราะทำบุญมาเยอะโชคจึงเข้าข้างหรือเปล่า เมื่อเฮียเกมส์ไม่ได้ล็อกประตู
จึงไม่รอช้าถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องเฮียเกมส์ทันที
ในห้องตอนนี้มองแทบไม่เห็นอะไรเลยมันมืดไปหมด จึงเลือกเปิดกระจกบานเลื่อนไว้ให้แสงจากทางด้านนอกสาดส่องเข้ามาด้านใน ฉันกวาดดวงตามองไปรอบ ๆ ห้องเฮียเกมส์อีกครั้ง ในใจเริ่มเต้นสั่นระรัวไม่หยุดเมื่อไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง
“ไปไหนนะ” มองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งแต่เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงไฟจากห้องน้ำ ในใจมันก็โล่งขึ้นมาจึงเลือกเดินไปนั่งรอเฮียเกมส์ที่ปลายเตียง
ดวงตาจ้องมองประตูห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อกระทั่งประตูห้องน้ำค่อย ๆ เปิดออกพร้อมกับแสงไฟด้านในที่สาดส่องออกมาทำให้ฉันมองเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำชัดแจ๋ว
เราสองคนจ้องมองกันด้วยสีหน้าตกใจไม่น้อย ฉันมองร่างกำยำของเฮียเกมส์ตาไม่กะพริบในหัวพลางบอกให้หลับตาลงแต่ดวงตากลับไม่ยอมละไปไหนก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงเป็นต้องกรี๊ดออกมากับสิ่งที่เห็น
“กรี๊ด...อุบ!”
“เฮ้ย! มาได้ไงเนี่ย” เฮียเกมส์รีบเดินตรงมาที่ฉันเขายกมือขึ้นปิดปากฉันก่อนจะดันตัวฉันนอนลงบนเตียงโดยที่เขานั้นตามขึ้นมาคร่อมร่าง...