Chapter 1: ว่าที่สามี
บ้านสองชั้นหลังใหญ่สไตล์คอนเทมโพรารี่ดูแล้วสบายตา ทั้งหลังทำจากไม้สักแท้และกระจก สีของไม้บวกความโปร่งของกระจกทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย แต่ดรัลพร หญิงสาวผู้เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้เป็นครั้งแรกกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวผมยาวตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ปากอิ่มสีชมพู จมูกเล็กมีปลายรั้น เป่าลมออกจากปากอย่างแรงทำให้ผมหน้าม้าซีทรูบาง ๆ ของเธอลอยขึ้นตามลม
“ฟู่! สู้ ๆ เว้ยไอ้ดื้อ!” เธอบอกตัวเองเสียงเบาก่อนจะกอดอกมองสภาพผู้ชายที่เธอต้องแต่งงานด้วยอย่างหนักใจ
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผิวขาวจนซีดเผือดนั่งคุดคู้อยู่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหน้ามุดเข้าไปในสองเข่า ตัวสั่นงันงกราวกับลูกนกตกน้ำ
จำเนียร แม่บ้านวัยชราร่างท้วม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นค่อย ๆ ก้มตัวลงลูบแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่สวมเสื้อยืดตัวใหญ่ยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก
“คุณธีร์คะ อย่ากลัวค่ะ นี่คุณดื้อค่ะ เขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณธีร์ เงยหน้าดูคุณดื้อหน่อยสิคะ คุณดื้อใจดีนะคะ สวยด้วย ทำกับข้าวเก่งด้วย ทำขนมก็ได้ ป้อนข้าว ป้อนน้ำก็เก่ง อีกหน่อยคุณดื้อจะเป็นคนดูแลคุณธีร์แทนป้านะคะ”
ดรัลพรเอียงหัวแล้วมองชายหนุ่มผู้ซึ่งอายุมากกว่าเธอถึงห้าปีแต่มีท่าทีเหมือนเด็กน้อยสามขวบก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยน
“คุณธีร์คะ ใกล้จะเที่ยงแล้ว คุณธีร์หิวไหมคะ? อยากทำอาหารกลางวันกับดื้อไหมเอ่ย? ไปทำอาหารกลางวันกันไหมคะ? คุณธีร์อยากกินอะไร? ดื้อจะได้เตรียมของให้”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งคุดคู้หลบหน้าอยู่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงหวานของดรัลพร และเมื่อดรัลพรเห็นหน้าว่าที่สามีอย่างเต็มตา เธอก็อดชื่นชมไม่ได้
เขามีหน้าตาหล่อแบบหวานหยดย้อย แบบที่คนเรียกกันว่า ‘ผู้ชายหน้าหวาน’ จมูกโด่งงาม ริมฝีปากบางสีอมชมพู ดวงตาสุกใสเรียวชี้ขึ้นตามแบบฉบับหนุ่มเชื้อสายจีน แม้เขาจะสวมแว่นอยู่ก็มิได้บดบังดวงตาคู่สวยเลย ดูโดยรวมเขาไม่เหมือนเจ้าสัวธนัยผู้เป็นพ่อเท่าไหร่นัก มีเพียงบางส่วนที่คล้าย เช่น คิ้วคมเข้มและผมหยักศกน้อย ๆ นั่น
หล่อมาก... แต่ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย
ดรัลพรคิดในใจแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มพร้อมกับย่อตัวลงนั่งก่อนจะส่งมือน้อย ๆ ของเธอไปสัมผัสไหล่กว้างที่สั่นเทาของเขาอย่างนิ่มนวล
ชายหนุ่มตกใจปัดมือของดรัลพรทิ้งทันที
“ออกไปนะ! อย่ามายุ่งกับธีร์!” เขาตวาดเธอเสียงดัง ดวงตาคู่คมนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ดรัลพรชักมือกลับ พยายามทำใจดีสู้เสือ หมายว่าจะส่งมือไปลูบเขาดูอีกสักครั้งแต่เสียงทุ้มทรงอำนาจของเจ้าสัวธนัยก็ดังขึ้นมาก่อน
“ไอ้ธีร์! นั่นว่าที่เมียของแก จับนิดจับหน่อยจะเป็นไรไป? หรือแกไม่พอใจผู้หญิงคนนี้?”
เจ้าสัวธนัย ลี้ทรัพย์กุล ชายชราวัย 60 ปี มีผมดำแซมสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางแข็งแรง สวมแว่นสายตา สวมเสื้อคอจีนสีแดงเลือดหมู เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมผู้ติดตามชายในสูทสีดำอีก 3-4 คน
ดรัลพรรีบยกมือขึ้นไหว้เขา
“สวัสดีค่ะท่านเจ้าสัว”
“สวัสดี เธอชื่อดรัลพรใช่ไหม? หนูดื้อ ลูกสาวของนายเดชดำรง ว่าแต่... พ่อของเธอไปไหนล่ะ? ทำไมมีแค่เธอ?”
ดรัลพรหลบสายตาท่านเจ้าสัว รู้ดีว่าคนจากทางบ้านของเธอไม่กล้าสู้หน้าท่านเจ้าสัว อีกทั้งเกรงความลับจะเปิดเผยจึงฉวยโอกาสที่ท่านเจ้าสัวยังเดินทางมาไม่ถึงบ้านของลูกชายท่านกลับไปก่อน เหมือนส่งเธอมาสังเวยซาตานแล้วทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว
“เออ... พ่อคงไม่คิดว่าท่านเจ้าสัวจะมาน่ะค่ะ คงคิดว่าแค่ส่งดื้อมาทำความรู้จักกับคุณธีร์แค่นั้นก็พอ” ดรัลพรแก้ตัวแทนพ่อ
“อะไรกันวะ? จะแค่ทำความรู้จักกันได้ยังไง? เมียก็ต้องเป็นตั้งแต่วันนี้ ฉันเสียเงินให้บ้านของเธอไปตั้งมากมาย จะมาทำความรู้จักเฉย ๆ ไม่ได้ ฉันต้องการทายาทของไอ้ธีร์ ไม่ได้ต้องการคนคบหาดูใจให้มัน” เจ้าสัวตะคอกเสียงดังด้วยอารมณ์ที่ดูฉุนเฉียวขึ้นจนดรัลพรใจเสีย
หญิงสาวก้มหน้ามองพื้น เถียงเจ้าสัวธนัยไม่ออกเพราะเธอรู้ดีว่าเขาเสียเงินให้บ้านเธอมากมายเพื่อชดใช้หนี้สินตามที่เขาว่า แล้วยิ่งมาเห็นลูกชายของตัวเองไม่พึงใจในตัวเธอนักเขาก็คงผิดหวังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินเธอพูดว่า ‘จะมาทำความรู้จักแค่นั้น’ เขาก็คงยิ่งโมโห
“หรือเธอว่ายังไง? คิดจะมาแค่ดูหน้าไอ้ธีร์ ดูว่าผัวของเธอมีปัญญาทำลูกไหมเหรอ? ฉันบอกไว้ก่อน ถึงลูกชายของฉันจะปัญญาอ่อนหรือสติไม่ดียังไง มันก็มีชื่อเป็นประธานกรรมการบริหารของ LTT มีศักดิ์มีศรียิ่งกว่าเจ้าของร้านเพชรที่ใกล้จะเจ๊งอย่างบ้านของเธอเยอะ” เจ้าสัวพูดเสียงดังแล้วชี้หน้าดรัลพรจนหญิงสาวต้องนิ่วหน้าด้วยความหวั่นใจ
มาถึงบ้านว่าที่สามีวันแรกก็โดนพ่อผัวเกลียดขี้หน้าเลย จะอยู่ต่อได้ไหมเนี่ย?
“ดื้อไม่ได้รังเกียจเรื่องปัญญาอ่อน หรือสติไม่ดีค่ะ ดื้อเป็นพยาบาลมาก่อน ดูแลคนไข้ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ทำได้หมด ดังนั้นดื้อไม่เคยรังเกียจคนป่วยค่ะ แต่ถ้าคุณธีร์ไม่ได้พิศวาสในตัวดื้อ จะทำลูกกันได้ยังไงก่อนคะท่านเจ้าสัว? ตอบดื้อที” ดรัลพรรวบรวมความกล้าแล้วถามกลับอย่างไม่กลัวเกรง ถึงเธอจะมีอำนาจไม่มากพอที่จะต่อกรกับท่านเจ้าสัว แต่อย่างน้อยเธอก็อยากแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้กลัวเขาจนหงอ
“ทำได้ไม่ได้ก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นฉันจะเสียเงินมากมายเอาตัวเธอมาทำไม ไอ้ธีร์! ลุกขึ้น! อย่าทำตัวปัญญาอ่อน!” ธนัยตะคอกลูกชายด้วยความโมโห
หนุ่มหล่อทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ดรัลพรหันไปมองเขาด้วยสายตาสงสารแกมสมเพช เขาก็เหมือนกับเธอ ต้องเชื่อฟังคำสั่งบุพการีโดยไม่มีข้อแม้
ดรัลพรพยุงร่างใหญ่ของว่าที่สามีให้ลุกขึ้นยืน เธอลูบหลังเขาเบา ๆ เหมือนอยากทำให้เขาผ่อนคลายก่อนที่จะหันไปเถียงเจ้าสัวใหญ่
“จะไม่ให้คุณธีร์ทำตัวแบบนี้ได้ยังไงคะ? เขาป่วยนะคะ ไม่ได้แกล้งทำเสียหน่อย จะได้สั่งห้ามไม่ให้ทำได้ ดื้อว่า เจ้าสัวกลับไปก่อนเถอะค่ะ ดื้อจะดูแลคุณธีร์เอง ขืนเจ้าสัวอยู่ด้วยแบบนี้แทนที่คุณธีร์จะยอมอยู่ใกล้ดื้อ กลับจะทำให้คุณธีร์เกลียดดื้อเพราะเป็นคนที่ทำให้ตัวเองโดนพ่อดุเปล่า ๆ”
ธนัยนิ่งคิดอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยปากออกมาด้วยเสียงที่อ่อนลง
“วันนี้ให้ถือเสียว่าเป็นวันเข้าหอของเธอ ถึงฉันจะยังไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โตให้เธอกับไอ้ธีร์ แต่ไม่ต้องห่วง มีสองทางที่เธอจะได้แต่งงานเข้าตระกูลลี้ทรัพย์กุลอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี ทางแรก เธอต้องมีทายาทให้ตระกูลของฉัน หรือไม่... ทางที่สอง เธอต้องรอให้ไอ้ธีร์กลับมาเป็นปกติและยอมรับเธอเป็นเมียเอง”
แม้ธนัยจะแสดงออกด้วยความเกรี้ยวกราดแต่ในใจของเจ้าสัวเฒ่าลึก ๆ ก็มีความสงสารหญิงสาวที่ต้องมาแต่งงานกับลูกชายสติไม่สมประกอบของเขาอยู่บ้าง เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ว่าการจะให้ดรัลพรกำเนิดทายาทของตระกูลลี้ทรัพย์กุล หรือทำให้ธีร์ ลี้ทรัพย์กุล ลูกชายของเขากลับมาเป็นปกติ ล้วนเป็นหนทางที่มีความเป็นไปได้ริบหรี่เหลือเกิน
ลูกชายคนโตของเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ประสานงากับสิบล้อ หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือนจนกลายเป็นเหมือนเด็กสามขวบ และแม้จะผ่านมาได้สามปีแล้วแต่อายุสมองของธีร์ก็ยังคงอยู่ที่สามขวบเช่นเดิม ธีร์ ลี้ทรัพย์กุล กลายเป็นเด็กน้อยอายุสามขวบในร่างของชายหนุ่มวัย 33 ปีที่สมบูรณ์แข็งแรงทุกประการ
และเมื่อสมบูรณ์แข็งแรงทุกประการ ก็ต้องผลิตหลานให้ฉันได้สิวะ!
เจ้าสัวธนัยคิดในใจแล้วจ้องมองดรัลพร ลูกสาวของเจ้าของร้านเพชรตกอับที่แม่สื่อแนะนำมาให้เป็นเจ้าสาวของลูกชายเขา แลกกับสินสอดจำนวนไม่น้อยที่จะช่วยพยุงกิจการร้านเพชรของเธอให้ดำรงอยู่ต่อไป
‘ต้องฉลาด หน้าตาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นคนอ่อนโยน ใจเย็น ชาติตระกูลไม่ต่ำต้อยถึงขั้นอนาถา ที่สำคัญต้องอยู่ในวัยเจริญพันธุ์และอยู่ในช่วงอายุที่มีลูกได้ง่ายที่สุด ขอสัก... ไม่เกิน 25 เผื่อเวลาให้ไอ้ธีร์มันทำความคุ้นเคย และอยากทำลูกด้วย’
นั่นคือคุณสมบัติที่ท่านเจ้าสัวสั่งออร์เดอร์เจ้าสาวไป และเท่าที่มอง ดรัลพรก็มีคุณสมบัติตามสั่งแทบจะทุกอย่าง
“เท่าที่ฉันดู เธอก็โอเค เหมือนที่ฉันสั่งแม่สื่อหามาให้ทุกอย่าง เสียอย่างเดียว เถียงฉันฉอด ๆ ดื้อเหมือนชื่อไม่มีผิด แต่ก็ความผิดฉันเอง ฉันไม่ได้สั่งให้แม่สื่อหาเจ้าสาวที่หัวอ่อนมาให้ไอ้ธีร์” เจ้าสัวพูดกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้แล้วยิ้มน้อย ๆ เหมือนพอใจในตัวของดรัลพรอยู่ไม่น้อย
“ถ้าเจ้าสัวพอใจก็ดีแล้วค่ะ ในเมื่อจ่ายเงินมากมายเพื่อให้ได้เมียของลูกชายมา และพอใจในสินค้า เจ้าสัวก็กลับไปเถอะค่ะ อย่าบอกนะคะว่าจะอยู่คุมลูกชายของตัวเองผลิตหลานให้ด้วย” ดรัลพรบอกเจ้าสัวแล้วผายมือเชิญเขาออกจากบ้าน
เจ้าสัวยิ้มอย่างพอใจก่อนจะสั่งทุกคนในบ้านด้วยเสียงเด็ดขาด
“ทุกคนออกจากบ้านหลังนี้เดี๋ยวนี้ ปล่อยให้ผัวเมียเขาทำลูกกัน ต่อไปนี้ให้มีแต่จำเนียรอยู่ที่ห้องแม่บ้านคอยรับใช้ ส่วนคนอื่นให้มาทำความสะอาด ดูแลความเรียบร้อยเฉพาะตอนกลางวัน ห้ามรบกวนเวลาไอ้ธีร์และหนูดื้อทำลูกกันเด็ดขาด ใครขัดขืนคำสั่งของฉัน ไล่ออกทุกคน!”