ธีร์มองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยแววตาใสซื่อ เขาซ่อนอยู่หลังเธอ จับเสื้อยืดด้านหลังของเธอแน่น ชายหนุ่มมองตามหลังผู้เป็นพ่อที่เดินออกจากบ้านไปจนสุดตาก่อนจะถอนหายใจแล้วปล่อยมือจากเสื้อยืดตัวเล็กของดรัลพร
“เฮ้อ! ทำไมวันนี้ป๊าดุจังฮะ ป้าจำเนียร?” ธีร์หันไปถามจำเนียร แม่บ้านวัยชราผู้เคยเป็นพี่เลี้ยงของเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะ
จำเนียรมองคุณธีร์ของเธอด้วยสายตาเศร้าสร้อย ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะเข้าไปโอบกอดเขาแล้วลูบหน้าลูบหลัง
“เจ้าสัวแค่อยากเห็นคุณธีร์มีคนดูแลและมีความสุขค่ะ คุณธีร์อย่าโกรธท่านเลยนะคะ” จำเนียรปลอบคุณธีร์ของเธอก่อนที่จะจับมือของคุณธีร์ยื่นส่งให้ดรัลพร
“เจ้าสัวสั่งเอาไว้แล้ว ป้าฝากคุณธีร์ไว้กับคุณดื้อนะคะ จะได้ทำความรู้จักกัน แล้วก็... เออ... ทุกอย่างที่จำเป็น ป้าเตรียมเอาไว้ในห้องนอนของคุณดื้อที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของคุณธีร์ที่ชั้นสองแล้ว เจ้าสัวสั่งว่าวันนี้ให้คุณธีร์กับคุณดื้ออยู่แต่ในบ้าน ห้ามใครรบกวนดังนั้นป้าคงต้องขอตัวก่อนนะคะ” จำเนียรพูดเสร็จแล้วรีบหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกไป ปล่อยให้ดรัลพรยืนกุมมือใหญ่ของธีร์ที่เธอแทบจะกุมไม่มิดแบบงง ๆ
“ธีร์หิว” เสียงธีร์พูดขึ้นมาสั้น ๆ ทำให้ดรัลพรต้องหันไปเงยหน้ามองพ่อหนุ่มรูปหล่อที่อายุสมองเพียงสามขวบ
หญิงสาวยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา เธอลูบมือเขาอย่างแผ่วเบาแล้วเอ่ยปากถาม
“ห้องครัวอยู่ทางไหนคะ? ดื้อจะทำอาหารให้คุณธีร์เอง”
“ไม่ได้หิวข้าว... ธีร์หิวนม” เขาขยับแว่น ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ปริ่มออกมาตอนที่โดนพ่อตวาดแล้วบอกเธอเสียงอ่อย
ดรัลพรเอียงศีรษะแล้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาพร้อมกับคิดในใจ
เฮ้อ! นี่คงคิดว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยจริง ๆ ถึงหิวนมได้ มิน่า แม่เดือนไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับคุณธีร์ ทั้งที่ชื่อของคุณธีร์เป็นถึงประธานกรรมการบริหาร LTT
หญิงสาวยังคงจำได้ในวันที่ดุจเดือน เมียหลวงของพ่อมาเยี่ยมชญาพร แม่ของเธอผู้ซึ่งเป็นเมียบ่าวในบ้านถึงโรงพยาบาลแล้วดึงตัวเธอออกไปคุยพร้อมยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานแลกกับค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งของเธอ
‘ทางเจ้าสัวเขาไม่ขออะไรมาก ขอแค่เป็นลูกของพ่อเธอ อายุไม่เกิน 25 หน้าตาพอดูได้ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ก็พอ’ ดุจเดือนร่ายคุณสมบัติที่เธอต้องการให้ดรัลพรรับฟังในวันนั้น
‘แต่ดื้อ 28 แล้วนะคะ เกินมาตั้งสามปี’ ดรัลพรท้วงเมียหลวงของพ่อ
‘ก็แค่ 3 ปี ถ้าเธอไม่พูดใครจะรู้ อีกอย่างเธอมันลูกเมียน้อย ถ้าเจ้าสัวรู้เข้าคงไม่โอเค เขาต้องการคนที่ชาติตระกูลดีด้วย ดังนั้นอย่าบอกใครว่าเธอเป็นลูกนังพร ให้บอกว่าเป็นลูกสาวของฉัน และอายุแค่ 25 เข้าใจไหม?’ ดุจเดือนสั่งย้ำอีกครั้ง
‘แต่... ถ้าเจ้าสัวจับได้ จะทำยังไงคะ?’ ดรัลพรลองท้วงดูอีกครั้ง
‘โอ๊ย! กลัวอะไรไม่เข้าท่า เขาแค่อยากได้เด็กสาวอายุไม่เกิน 25 เพราะอยากให้สภาพร่างกายพร้อมมีหลานให้เขาแค่นั้น ถ้าแกแต่งเข้าบ้านนั้นแล้วหลับตาเอา ๆ กับลูกชายเขาไปก็จบ พอท้องขึ้นมา เจ้าสัวเขาก็ไม่สนใจเรื่องอายุหรือชาติตระกูลแล้ว’ ดุจเดือนพูดด้วยความหงุดหงิด
‘แต่... คุณธีร์ ลูกชายเขาเป็นประธานกรรมการบริหาร LTT บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีธุรกิจเครื่องมือการแพทย์และโรงงานผลิตยาไม่ใช่เหรอคะ? แม่เดือนไม่อยากให้ดาวหรือเดียร์แต่งกับเขาเหรอคะ? ทำไมต้องให้ดื้อไปแทน?’
‘แล้วเรื่องอะไรฉันถึงต้องให้ลูกสาวแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน วงในเขารู้กันทั้งนั้นว่าลูกเมียหลวงของเจ้าสัวธนัยโดนรถชนจนสติไม่ดี เจ้าสัวแค่ตัดใจเอาชื่อลูกชายคนโตออกจากการเป็นประธานกรรมการบริหารไม่ได้ คนที่บริหารงานจริงคือคนอื่นทั้งนั้น ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวสิถึงจะน่าจับแต่งกับยัยดาว และยัยเดียร์ เสียดายเป็นแค่ลูกเมียน้อย แต่ถ้าลูกเมียหลวงปัญญาอ่อนตลอดชีวิต สมบัติก็ต้องตกเป็นของลูกเมียน้อยอยู่ดีแหละ คงไม่ตกไปถึงลูกเมียหลวงหรอก อีกอย่าง หลังจากเมียหลวงเจ้าสัวตาย เขาก็ยกเมียน้อยให้ขึ้นมาเป็นหลวงออกหน้าออกตาแล้ว รอจับลูกชายคนเล็กดีกว่าเยอะ’ ดุจเดือนพูดแล้วเบะปาก
‘แต่ถ้าเมียของคุณธีร์ตั้งท้องจริง ลูกที่ออกมาก็ต้องเป็นทายาทของท่านเจ้าสัวหรือเปล่าคะ? สมบัติก็จะเป็นของลูก ถ้าอย่างนั้นให้ดาวหรือเดียร์แต่งไปตามข้อตกลงน่าจะดีกว่าไหมคะ?’ ดรัลพรพูดขึ้น หวังให้ดุจเดือนคิดได้และล้มเลิกแผนการย้อมแมวขายให้เจ้าสัวธนัย
‘อย่ามาพูดชักแม่น้ำทั้งห้า ตอนนี้บ้านเรากำลังแย่ พ่อของแกติดหนี้เป็นสิบ ๆ ล้าน เงินมารักษาแม่แกก็ไม่มีหรอกนะ ถ้าแกไม่แต่งงานกับคุณธีร์ ก็อย่าหวังว่าแม่ของแกจะได้เข้ารับการบำบัดมะเร็งเซลล์ปอดที่เป็นอยู่เลย แล้วอย่าคิดให้น้องสาวของแกไปแต่งงานกับไอ้ปัญญาอ่อนนั่นด้วย เรื่องมีลูกน่ะ... แกคิดว่าแกจะมีลูกกับคุณธีร์ได้จริง ๆ เหรอ? เขาลือกันว่าตอนนี้ลูกชายเจ้าสัวทำตัวเหมือนเด็กสามขวบ เด็กสามขวบที่ไหนจะทำแบบผู้ใหญ่เขาทำกันได้? ฝันหวานไปเถอะว่าจะท้อง’
ที่มาที่ไปอันเป็นเหตุทำให้ดรัลพรต้องมายืนกุมมือชายหนุ่มหน้าหล่อที่สติปัญญาเทียบเท่าเด็กสามขวบก็มีแค่นี้
“พี่จ๋า ธีร์หิวนม” ธีร์เขย่ามือใหญ่ที่อยู่ในมือน้อยนุ่มนิ่มของดรัลพรเบา ๆ แล้วพูดประโยคเดิมอีกครั้งเพราะเห็นหญิงสาวนิ่งอึ้งอยู่นาน
ดรัลพรหันมามองหน้าชายหนุ่ม พอเห็นแววตาใสซื่อของเขาหญิงสาวก็อดยิ้มไม่ได้
“ดื้ออ่อนกว่าคุณธีร์ตั้งหลายปี อย่าเรียกดื้อว่าพี่ เรียกแค่ชื่อก็พอค่ะ” เธอบอกเขาเสียงหวานก่อนที่เขาจะยิ้มแฉ่งแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส
“พี่ดื้อ พี่ดื้ออายุเท่าไหร่? ธีร์ตั้งสามขวบแล้ว”
ดรัลพรกลั้นขำไม่อยู่ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาพูดจาฉะฉาน ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนเด็กสามขวบ แต่ลักษณะประโยค คำพูดคำจาล้วนเหมือนเด็กน้อย แถมยังทู่ซี้จะเรียกเธอว่า ‘พี่’ อีกต่างหาก
“ถ้าพี่บอกอายุคุณธีร์ คุณธีร์ห้ามไปบอกคนอื่นนะคะ สัญญาก่อน” ดรัลพรยกนิ้วก้อยขึ้นมาแล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ได้ฮะ ธีร์สัญญา” ชายหนุ่มหน้าหล่อฉีกยิ้มแล้วเกี่ยวก้อยสัญญาทันที
“พี่ดื้ออายุ 28 แล้วค่ะ ดังนั้นพี่ดื้อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คุณธีร์ต้องเชื่อฟังพี่ดื้อนะ โอเคไหม?” ดรัลพรได้ที รีบตั้งตัวเป็นผู้นำทันที
อย่างน้อยหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ธีร์ก็คือผัวของเธอ แม้จะเป็นแค่ในนาม แต่การที่จะญาติดีกับเขาเสียหน่อยก็คงไม่เสียหลาย
“ได้ฮะ พี่ดื้อจะให้ธีร์ทำอะไร ธีร์จะเป็นเด็กดี ทำตามทุกอย่างเลย พี่ดื้ออยากไปดูรอบ ๆ บ้านก่อนไหมอะ? ธีร์พาไปดูได้” ชายหนุ่มพูดด้วยความกระตือรือร้น
“ได้ค่ะ เมื่อกี้คุณธีร์บ่นหิวนม คุณธีร์พาพี่ไปดูห้องครัวก่อนดีไหมคะ? พี่จะได้หานมให้คุณธีร์ดื่ม ปกติคุณธีร์ดื่มนมสดหรือนมผงคะ?” เธอถามเขาเสียงหวาน
ธีร์ยิ้มบริสุทธิ์ก่อนจะตอบเธอ
“นมสดฮะ”
“คุณธีร์ไม่แพ้อะไรใช่ไหมคะ? เช่น นมวัว กลูเต้น หรือพวกถั่ว?” ดรัลพรถามต่อเพื่อเก็บข้อมูลตามประสาคนเคยเป็นพยาบาลที่ต้องรู้ข้อมูลผู้ป่วย เพราะต่อไปนี้เธอต้องดูแลธีร์เสมือนดูแลผู้ป่วยคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ไม่แพ้อะไรทั้งนั้นฮะ” เขาตอบทันที
“งั้น... ไปห้องครัวกันค่ะ”
สิ้นคำบอกจากปากของดรัลพร ธีร์ก็เอียงหัวมองเธออย่างฉงนสงสัยแล้วถามขึ้น
“จะกินนมแล้วต้องไปห้องครัวทำไมฮะ? กินตรงนี้ก็ได้”
“อ้าว! ที่บ้านนี้ไม่ได้เก็บนมสดไว้ในตู้เย็นที่ห้องครัวเหรอคะ? หรือคุณธีร์มีตู้เย็นเก็บนมในห้องนี้?” ดรัลพรถามแล้วเหลียวซ้ายแลขวา มองหาตู้เย็นในห้องรับแขก
หญิงสาวยังมองหาตู้เย็นไม่เจอแต่ก็ต้องมีอันหยุดชะงักกึกเมื่อจู่ ๆ หนุ่มหล่อ อายุสมองแค่สามขวบก็ถกเสื้อยืดที่เธอใส่อยู่ขึ้นแล้วลูบเต้าอวบอิ่มของเธอผ่านบราเซียตัวจิ๋วสีชมพูหวาน
ดรัลพรตกใจและตกตะลึง เธอตัวแข็งขยับไม่ได้ ถึงจะคิดตะโกนให้คนช่วยก็คงไม่มีใครมาช่วยเธอในตอนนี้
“คุณธีร์... ทำอะไรคะ?” เธอควบคุมสติอารมณ์แล้วถามเขา เกรงว่าถ้าปัดมือเขาออกแล้วโวยวาย ผู้ป่วยที่มีสมองผิดปกติอย่างธีร์อาจอาละวาดและทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงได้
“ก็ธีร์หิวนม ธีร์อยากกินนมจากเต้า ธีร์เคยเห็นในทีวี เวลาแม่ให้นมน้อง เขาก็ให้นมจากเต้ากันทั้งนั้นแหละ ในเมื่อพี่ดื้อจะมาดูแลธีร์ ก็ต้องป้อนนมจากเต้าให้ธีร์ด้วย” เขาตอบแล้วยิ้มอย่างซื่อบริสุทธิ์
ดรัลพรเสียวสันหลังวาบ ตัวแข็งทื่อเหมือนโดนแช่แข็ง ยิ่งมือใหญ่ของคุณธีร์เกาะกุมเต้าของเธอแล้วบีบเฟ้นไปมาเธอยิ่งตื่นตระหนก
โอ๊ย! ที่บ้านนี้เขาเปิดทีวีช่องไหนให้เด็กสามขวบดูกันเนี่ย เด็กถึงอยากกินนมจากเต้าได้ ดื้ออยากจะบ้าตายวันละสามหน!