ดังนั้นเมื่อท่านบากหน้ามาไหว้วาน อบเชยเลยปฏิเสธไม่ได้
ทั้งๆ ที่ความตั้งใจของอบเชย คือการอยู่ห่างๆ ดีแลน
ที่แรกที่อบเชยแวะคือซูเปอร์มาร์เก็ต เธอเดินหาวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารมื้อค่ำของวันนี้
อบเชยไม่ชอบซื้อของสดทิ้งค้างไว้ในตู้เย็น ระหว่างบ้านดีแลนกับมหาวิทยาลัย’ ของเธอ มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลาง ดังนั้น ดีแลนเลยไม่เคยบ่นเรื่องกลิ่นรบกวน เพราะอบเชยซื้อของสดมาทำวันต่อวัน ปัญหาเรื่องกลิ่นจึงไม่เคยเกิดขึ้น
“ทำอะไรให้คุณดีทานดีน๊า!”
ความสุขของอบเชยคือการได้ปรุงอาหารไว้ให้ดีแลนรับประทานนั่นเอง
หญิงสาวลืมเรื่องที่เกิดขึ้นหมดแล้ว เธอสบายใจขึ้น เมื่อดีแลนยังเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเขาไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาสักนิด
เขาอาจจะเมาจนจำไม่ได้ หรือไม่อีกทาง...ดีแลนจงใจลืม
“เอ...ทำอะไรดีนะ?” หลังเดินวนหน้าชั้นของสด อบเชยตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าวันนี้เธอจะทำอะไรให้ดีแลนกิน
เวลาก็กระชั้น หากมัวโอ้เอ้ เธอคงทำความสะอาดบ้านไม่เสร็จ และอาจจะได้พบดีแลนตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน
“สตูว์แล้วกัน ง่ายสุดล่ะ ระหว่างทำความสะอาดบ้านก็เคี่ยวได้ที่พอดี”
เป็นเพราะอบเชยคุ้นกับการทำอาหาร เธอช่วยมารดาทำตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะทำอาหารเป็นหลายอย่าง เมื่อเธอมีพื้นฐานเรื่องทำกับข้าว ที่เหลือก็ค้นหาสูตรใน Google เอาก็ได้
ในที่สุดเครื่องปรุงก็สามารถควานหาได้จนครบ บัตรเครดิตที่ปรารถนามอบให้ไว้ สำหรับการจับจ่ายซื้อของกินให้ดีแลน อบเชยใช้จ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมด เธอกระโจนขึ้นรถประจำทางทัน ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกจากที่จอดพอดี หญิงสาวเลือกนั่งเบาะหลังสุด เธอวางถุงทั้งหมดไว้บนหน้าตัก หันหน้าให้ลมจากด้านนอกพัดใส่หน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน อบเชยเผลออมยิ้ม เมื่อเดาสีหน้าดีแลน ตอนที่เขาเห็นอาหารทุกมื้อที่เธอทำ
อบเชยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ดีกว่า...การเผชิญหน้ากับดีแลน เธอควรเลี่ยง หากยังอยากอยู่สบายๆ แบบนี้
ถุงหลายใบที่หิ้วมาจนไหล่ล้า อบเชยวางถุงไว้บนโต๊ะ เธอเปิดหน้าต่างครัว และจัดการทำสตูว์ เธอเสียเวลาไปไม่น้อยเลยสำหรับการปรุงอาหารมื้อนี้ สตูว์เริ่มส่งกลิ่นฟุ้ง เมื่ออบเชยยกหม้อใบใหญ่ตั้งไว้บนเตา...เธอเหลือเวลาไม่มากสำหรับทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เปิดประตูห้องเก็บของ ลากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องใหญ่ออกมา เธอต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะไม่อย่างนั้น เธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านไม่ได้
เขาตรงเวลาจนอบเชยไม่อยากเชื่อ
หนุ่มโสดที่หล่อสุดๆ แต่กลับไม่มีนัดกับสาวคนไหน
ดีแลนกลับถึงบ้านตามเวลาเดิมเป๊ะๆ เขาหอบงานมาทำงานต่อที่บ้าน แทนการนั่งอยู่ที่บริษัท
“ไม่คิดจะไปเที่ยวไหนบางเหรอคะ แปลกคน!” เสียงบ่นพึมพำตามเรื่องตามราว เมื่ออบเชยทำได้แค่บ่นลับหลังดีแลนนั่นแหละ ใครจะไปกล้าต่อว่าเขาหล่ะ เธอมีชนักปักหลัง ช่วงนี้ที่ควรทำ คือการเลี่ยงที่จะพบเจอดีแลนตัวเป็นๆ
“เอ...คุณดีทำไมไม่มีแฟนล่ะ?”
สมัยก่อน ตอนที่ดีแลนเรียนมหาวิทยาลัย’ เขาเป็นหนุ่มฮอตเชียวแหละ อบเชยจำได้ เธอแอบมองบรรดาสาวๆ ที่เดินเข้าเดินออกบ้านตระกูลหวัง แบบที่โบราณว่าไว้...หัวบันไดบ้านไม่แห้ง...สาวสวยตบเท้าเข้าหา ผลัดเปลี่ยนกันมาจนอบเชยจำหน้าได้ไม่หมดทุกคน เธอแค่นว่าดีแลน เขาทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ สะสมผู้หญิงสวยๆ ไว้ข้างตัวเพื่ออวดบารมี
“ช่างเถอะ เกี่ยวอะไรกับเธอล่ะยัยเชย”
สงสัยเอง พูดตัดบทเอง เพราะอบเชยก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบที่ไหนเหมือนกัน จะให้ไปง้างปากดีแลน คงได้แค่ฝัน คนคนนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่จะเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ เธอกลัวเกิดเหตุซ้ำรอยเดิม...
แม้จะรู้อยู่เต็มอก หากวันนั้นดีแลนไม่เมา...เธอคงไม่ได้รับโอกาสดีๆ นั้น
อบเชยทำความสะอาดเสร็จทันเวลา เหลือเวลาอีกนิดหน่อยสำหรับรดน้ำต้นไม้นอกบ้าน อบเชยเดินเข้าไปในครัว เธอจิปากเบาๆ เมื่อตัวเองดันลืม...เธอไม่ได้ซื้อขนมปังติดมาด้วย สตูว์จะกินให้อร่อยจะกินกับข้าวสวยก็กระไรอยู่ หญิงสาวชั่งใจ เธอรีบออกไปซื้อขนมปัง และกลับมาให้ทันก่อนดีแลนจะถึงบ้าน
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น...อบเชยจึงเดินไปดับไฟในเตา...ฉวยกระเป๋าใส่เศษสตางค์ พลางคิดถึงเส้นทาง เธอจะไปซื้อขนมปังดีๆ จากที่ไหนดี และใกล้ที่สุดด้วย
อาจจะเป็นเพราะอบเชยชอบสังเกต เธอจดจำเส้นทางสองข้างทางระหว่างเดินทางมาได้ดี มีร้านขนมปังเจ้าหนึ่ง ที่น่าจะพอแก้ขัดได้
เพราะอารามรีบร้อน อบเชยเลยลืมกระเป๋าสะพายไว้ เธอเร่งเดินทางแข่งกับเวลา และอาจจะเป็นเพราะความซวย...ดีแลนกลับจากทำงานก่อนเวลาเสียอีก...แต่เขามีแขกมาด้วย
ผมเส้นเล็กบนศีรษะกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง เพราะขากลับอบเชยใช้บริการมอเตอร์ไซน์รับจ้าง เพื่อให้กลับถึงบ้านทันเวลา และหายตัวไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมาถึง แต่...หลังจ่ายสตางค์ค่าโดยสาร อบเชยรีบเดินเข้าบ้าน เธอไม่ทันสังเกตว่าที่จอดรถยนต์ รถยนต์ของดีแลนจอดอยู่ที่นั้นแล้ว อบเชยเดินเข้าประตูหลัง เธอวางถุงใส่ขนมปัง เป่าปากดังพรวด แต่ก็ต้องตกใจจนเข่าแทบทรุด เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างผิดปกติ ดังมาจากห้องรับแขก
“รีบจนลืมปิดประตูเลยเหรอยัยเชย โจรขนของหมดเกลี้ยงบ้านแล้วมั้ง!”
มีใครบางคนอยู่ในห้องรับแขก ใครคนนั้นทำเสียงแปลกๆ มันดังกุกๆ กักๆ จนอบเชยต้องย่องไปแอบดู เธอลืมคิดถึงดีแลน เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน
อบเชยอ้าปากค้าง...บนโซฟาตัวใหญ่ หญิง-ชายคู่หนึ่งกำลังฟัดกันนัว ปากของคนทั้งคู่ประกบเข้าหากัน อบเชยไม่ได้คิดไปเอง เขาทั้งสองคนทำเหมือนกับอดอยาก จนต้องแลกน้ำลายระหว่างกันกินประทังความหิว อบเชยอยากจะถอยหนี แต่ขาของเธอก็แข็งทื่อจนต้องใช้สองมือช่วย แต่เพราะความตื่นตกใจ ประกอบกับความซุ่มซ่าม...ในที่สุดอบเชยก็พลาด เธอเซไปชนแจกันที่ตั้งอยู่ข้างประตู
“ว้าย!” หญิงสาวหวีดร้อง ถลาเข้าไปประคองแจกันยักษ์ที่ทำท่าจะล้มโครมลงมา
และหากแจกันแตก...อบเชยไม่กล้าคิด ดีแลนจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพียงใด
แต่นั่นเท่ากับว่าเธอส่งเสียงให้คนที่กำลังฟันตูกันรู้สึกตัว ดีแลนสบถด้วยความฉุนเฉียว เขาเหลียวมองหาต้นกำเนิดเสียงที่มาขัดจังหวะของเขา
“ใครคะ ดีแลน?” ปารตีปรือตามอง มือของเธอยังคล้องอยู่ที่หัวไหล่ของชายหนุ่ม
อบเชยกระโจนหลบ หลังผลักแจกันใบยักษ์ให้เข้าที่เหมือนเดิม เธอคลานเข่าหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ซุกหน้าซบกับหัวเข่า ตัวสั่นระริก ตายแน่ ตายแน่ๆ
“ไม่รู้สิ คงแม่บ้านที่ทำงานให้ผมมั้ง ผมไม่เคยเจอหล่อนเหมือนกัน”
ดีแลนไหวไหล่ เขาจับแขนของปารตีวางไว้ที่พนักเก้าอี้แทน ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดคราบลิปสติกที่ติดอยู่บนริมฝีปาก และนี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เขาคิดถึงคืนนั้น ผู้หญิงปริศนาคนนั้น ไม่ใช้เครื่องสำอาง และเท่าที่จำได้ กลิ่นตัวของหล่อนก็ชวนดม มากกว่าผู้หญิงที่นั่งตาปรอยอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณจะไปไหนคะดีแลน?”
ปารตีพยายามรั้งดีแลนไว้...หากพลาดจากเขาวันนี้ เธอคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ยิ่งนานวันการเข้าถึงดีแลนยิ่งทำได้ยาก เขาทำตัวห่างเหิน...จนเธอเริ่มท้อ...
“ผมหิวแล้ว...” ชายหนุ่มพูดแบบนั้น แล้วเขาก็เดินนำเธอเข้าไปในครัว
สาวโสภาเลยจำใจเดินตาม เธอยืนอิงกรอบประตูตั้งท่ายั่วดีแลนต่อ หลังจากมองจนแน่ใน ภายในครัวนี่ มีแค่เขากับเธอแค่นั้น
อบเชยยกมือทาบอก เธอเผ่นออกมาทันแบบหวุดหวิด เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเอง