ทำให้คนรอบตัวเข้าใจแบบนั้น แสดงท่าทางไม่พอใจ และมันได้ผล อบเชยขยาดการอยู่ใกล้ๆ เขา หล่อนถอยไปหลบอยู่ห่างๆ หากณ. ที่นั่นมีเขาอยู่ร่วมด้วย แววตาของหล่อนวูบไหว หากเขาชำเรืองมอง ดีแลนต้องปรามตัวเอง...เด็กนั่นยังเป็นเด็ก ในขณะที่เขาเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่ควรสร้างเรื่องให้มารดาปวดหัว เพราะเรื่องชู้-สาว มันน่าอาย หากเกิดขึ้นกับเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ดีแลนตัดสินใจลากเก้าอี้มานั่ง เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองบานหน้าต่างห้องนอนที่รู้ดีว่าตรงนั้นมีใครอยู่
ในที่สุดสิ่งที่ดีแลนรอคอยก็มาถึง เขาเห็นเงาดำๆ วูบไป วูบมา อบเชยคงกลับมาบ้านแล้ว หล่อนกำลังเตรียมตัวนอน เขาเห็นเงานั่นกำลังถอด...เสื้อ
มือแข็งแรงยกขึ้นตะปบใต้จมูก มีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากตรงนั้น น้ำเหนียวหนืดและมีกลิ่นคาวจัด
ชายหนุ่มโครงศีรษะ แค่เห็นเงาของอบเชย เขาถึงกับกำเดาไหล อาการหนักแล้วมึงไอ้ดีแลน!!
ดีแลนควานมือหากระดาษทิชชู เขาเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจนหมด พอดีกับที่เงาของอบเชยหายไปจากสายตาเสียแล้ว ไฟฟ้าในห้องของหล่อนก็ดับมืดลง แต่ดีแลนก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานพอดู
ไม่ใช่แค่ดีแลนหรอกที่แอบมองอบเชย สาวใสวัยสิบเก้าปีเองก็แอบมองดีแลนมาตลอด เพราะความเจียมตัว และคนในบ้านหลังใหญ่มีพระคุณล้นเหลือ อบเชยเลยไม่กล้าที่จะแสดงออกเปิดเผย ที่เดียวที่เธอเป็นตัวของตัวเอง คือห้องนอนนั่นเอง ทันทีที่ไฟฟ้าในห้องดับสนิท อบเชยเลยเพิ่งมองเห็น ไฟฟ้าในห้องของดีแลนเองก็เปิดสว่าง หญิงสาวอ้าปากเหวอ เมื่อแน่ใจว่า ดีแลนกลับมานอนที่บ้านของเขา
ความตื้นตันกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา อบเชยก้มมองรอยสีน้ำตาลไหม้กลางอก...รอย ‘จูบ’ ที่ค่อยๆ จางหายไปตามเวลา รอยที่ดีแลนฝากไว้ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก เพราะหากชายผู้นั้นรู้ตัว เขาคงไม่นิ่งเฉยแบบนี้ ดีแลนคงจะรีบแล่นมาหาเธอ และสั่งให้เธอ ‘ปิดปาก’ มันเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเขาแน่ๆ ที่ดันเผลอตัวมาเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำแบบเธอ
“ไอ้เชยเอ๋ย...แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว”
อบเชยพึมพำ แหงนมองห้องนอนของดีแลนด้วยแววตาเศร้าๆ
เป็นเพราะผ้าม่านหนาทึบแถมยังเป็นสีน้ำเงินเข้ม อบเชยเลยมองไม่เห็นที่หลังม่านนั่น มีใครบางคนนั่งมองเธออยู่เช่นเดียวกัน...
อบเชยทอดตัวลงนอน สายตาไม่ได้คลาดไปจากบานหน้าต่างห้องนอนดีแลนเลย น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาจากหางตา และหยดลงบนหมอนนุ่มเป็นดวงๆ จนหมอนใบใหญ่เริ่มเปียกเพราะคราบน้ำตาของตนเอง อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดคราบน้ำตา เผลอตัวสะอื้น แต่ก็พยายามกลั้นเสียงไว้ เธอไม่อยากให้มารดาได้ยิน
“เชย...รักคุณดี เชยไม่เคยเสียใจเลย...ฮือๆ”
เปลือกตาหลุบลง แพขนตาเปียกชุ่ม อบเชยไม่ได้เสียใจที่เสียตัว เธอเสียใจที่ระหว่างตนเองกับดีแลน...เป็นได้แค่ความหลัง ที่ไม่มีวันเป็นจริง...
บทที่4.แม่บ้านคนใหม่
ดีแลนไม่ได้รู้สึกไปเอง บ้านของเขาสะอาดเอี่ยม มีกับข้าวของโปรดของเขาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทุกวัน เท่าที่รู้มา มารดาหาแม่บ้านคนใหม่มาให้ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี่ เขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อน ช่วงเวลางานของหล่อนคงสวนทางกับเขา ในขณะที่เขากลับเข้าบ้าน ก็เป็นเวลาเลิกงานของหล่อนพอดี แต่ดีแลนก็ชอบใจ เขาไม่ใคร่ชอบให้คนนอกมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว
มือข้างหนึ่งปลดเนคไทที่คอ มืออีกข้างเอื้อมจับฝาชีที่คลุมจานอาหารไว้
“อุ้ย...น่าอร่อย...” ดีแลนคราง...วันนี้เขาเหนื่อยหนัก เหนื่อยแบบอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายคลายความเมื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กว่าหนึ่งเดือนมานี่ สิ่งแรกที่ดีแลนทำ คือเดินตามกลิ่นอาหาร และอดไม่ได้ที่จะแวะชิม รสมือแม่บ้านคนใหม่ที่มารดาจัดหามาให้นั้น มีรสมือถูกปาก ทำกับข้าวอร่อยเสียจนดีแลนน้ำหนักขึ้น เขาเจริญอาหารมากขึ้น จนเอวกางเกงคับทุกตัว “ขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาจัดการ”
มันน่าจะเป็นปลาช่อนผัดขึ้นช่าย ทั้งหน้าตาผ่าน กลิ่นผ่าน และรสชาติของมันคงถูกปากเหมือนเดิม
ดีแลนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน แม่บ้านคนใหม่คงเพิ่งจะกลับไป เขาไม่เคยเห็นหล่อน แต่ชอบใจที่คนที่มารดาจัดการให้ ทำงานได้เป็นระเบียบเรียบร้อย เสื้อผ้าที่ดีแลนเคยเอาไปทิ้งไว้ร้านซักรีด นับตั้งแต่คนของมารดาเข้ามาทำงาน หล่อนจัดการให้ จนเขาไม่ต้องปวดหัวตอนเช้า สาเหตุเพราะ ไม่มีชุดใส่ไปทำงาน
หล่อนทั้งซัก ทั้งรีด จัดเก็บมองแล้วสบายตา
และที่สำคัญ หล่อนเคร่งครัดมาก อะไรที่เขาห้ามไว้ หล่อนไม่เคยแตะต้อง
แม่บ้านคนใหม่ทำเอาดีแลนเคยตัว...และหากหล่อนลาออก ชายหนุ่มยังไม่แน่ใจว่าจะหาคนทำงานแทนดีเท่าที่หล่อนทำให้ได้หรือเปล่า?
ชายหนุ่มถอดกางเกงโยนใส่ตระกร้าหน้าห้องน้ำ ตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงชั้นใน
ดีแลนเดินตัวเปล่าเข้าไปยืนใต้ฝักบัว เขาเปิดน้ำอุ่น เงยหน้าขึ้นรับหยดน้ำ จากที่ตั้งใจไว้ ดีแลนจะนอนแช่น้ำในอ่าง แต่เมื่อเห็นอาหารจานโปรด ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจดื้อๆ
อาหารอร่อยต้องกินตอนที่มันร้อนๆ หากมัวแต่นอนแช่น้ำ กว่าจะออกไป อาหารจานนั้นก็เย็นชืดพอดี
หลังอาบน้ำจนพอใจ ดีแลนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ เดินไปเปิดตู้เย็น ฉวยเบียร์เย็นเฉียบติดมือมาด้วย เขาดึงเก้าอี้ออกมา และหย่อนก้นลงนั่ง จัดการรินเบียร์ใส่แก้ว ใช้ช้อนตักปลาช่อนชิ้นโตๆ ใส่ปาก หลับตาครางงึมงำ เพราะรสชาติที่กระจายในอุ้งปาก อร่อยจนลืมแม้แต่รสมือมารดา
“กินแบบนี้อีกสักเดือนลงพุงแน่ไอ้ดี”
ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยังขยันตักกับข้าวในจานส่งใส่ปากตัวเองไม่หยุด
อบเชยเหลือบมองเวลา ใกล้เวลาเลิกเรียน เธอเก็บหนังสือใส่กระเป๋าสะพาย พอดีกับที่อาจารย์ประจำวิชา บอกเลิกคลาสพอดี
“หนูอบ จะรีบไปไหน?” เจนจิราเพื่อนสาวคนสนิทส่งเสียงเรียก
อบเชยหมุนตัวกลับมามอง เธอชูนาฬิกาให้เพื่อนดู “เชยต้องรีบไปทำงาน เดี๋ยวเจ้าของบ้านกลับมาจะบ่นเอาได้”
ใช่เลย...แม่บ้านคนใหม่ที่ทำงานเป็นที่ถูกใจดีแลนคืออบเชยนั่นเอง
วันหนึ่งหลังจากไม่ได้ไปทำงานที่คลับ อบเชยตื่นมาช่วยเทียนขายขนมตอนเช้า ปรารถนาเดินมาซื้อขนมใส่บาตรพอดี นางเลยยื่นข้อเสนอให้ งานง่ายๆ รายได้ดี และอบเชยปฏิเสธไม่ลง แถมยังได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ ดีแลน แบบที่เขาไม่รู้ตัวด้วย อบเชยเลยรับไว้ เพราะเธอแน่ใจ...ดีแลนไม่รู้ว่า ระหว่างเขากับเธอ มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูๆ ชีวิตแม่คนนี้ ทำงานจนเงินจะทับตัวตาย” เจนจิราบ่นตามหลัง
นับตั้งแต่รู้จักอบเชยมา เพื่อนของเธอมีเวลาจำกัด เวลาส่วนใหญ่ของอบเชยคือการทำงานพาร์ทไทม์ เจนจิราไม่แน่ใจ วันหนึ่งๆ อบเชยได้นอนวันละกี่ชั่วโม เพราะเท่าที่ฟังคร่าวๆ ตารางงานของอบเชยแน่นเสียจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ จบจากที่นี่ อบเชยก็กระโดดไปทำอีกที่ ช่วงเวลานอนนั่นแหละ ถึงจะมีเวลาหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่าน แต่เจนจิราก็ไม่เห็นว่าผลการเรียนของอบเชยจะตกลงไปสักที
“ยัยหนูอบน่ะ เขามีแต่แม่...เขาไม่อยากให้แม่ทำงานหนัก เลยอาสาทำเสียเอง”
อบเชยเป็นคนขยัน เพราะเธอมีแค่เทียนเท่านั้น มารดาแก่ตัวลงไปทุกวัน อบเชยเลยอยากช่วยแบ่งเบาภาระ เธอต้องการให้มารดาสบายบ้าง เพราะนับตั้งแต่จำความได้ อบเชยเห็นมารดาทำงานหนักมาตลอด และโชคดีที่เทียนมีเจ้านายใจดี ทั้งเดวิด และปรารถนา เกื้อกูลสองแม่-ลูก แม้ไม่ได้ทำงานเป็นคนงานในบ้านหลังนั้นแล้ว ขนาดที่ซุกหัวนอน เทียนยังได้รับความเมตตาจากปรารถนา ท่านมอบเงินให้ก้อนหนึ่ง แบ่งที่ให้ปลูกบ้าน โดยใช้คนงานในบ้านนั่นแหละช่วยคนละไม้ละมือ บุญคุณที่ครอบครัวของปรารถนามอบให้ อบเชยจึงไม่เคยลืม เธอหวังว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสชดใช้กลับคืนบ้าง