บุตรสาวเทียนเดินแกมวิ่ง เธอกระโจนขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซน์รับจ้าง ทันเวลาก่อนที่ดีแลนจะออกมาชะเง้อมอง เจ้าของบ้านสุดหล่อมองเห็นแค่เพียงด้านหลังอบเชย เขากัดริมฝีปากล่าง รู้สึกคุ้นตากับแผ่นหลังของลูกจ้างคนใหม่แบบบอกไม่ถูก
“มองอะไรคะดีแลน?”
ปารตีเดินมากระแซะ เธอเบียดเรือนร่างกับด้านหลังของดีแลนเพื่อปลุกไฟอารมณ์ที่เพิ่งมอดดับไปให้ลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณกลับไปเถอะปารตี” ดีแลนหมดอารมณ์ดื้อๆ เขาหยิบเช็คที่เขียนไว้ ยื่นส่งให้ปารตี เป็นค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ หากค่ำคืนนี้เขาใช้เวลากับหล่อน แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจู่ๆ ก็เหือดหายไปดื้อๆ
“อะไรกันคะ ตียังไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลย”
สาวโสภาไม่ได้พิศวาสอาหารมื้อเย็นที่แอบเห็นบนเตานั่นหรอก ที่เธอต้องการคือเจ้าของบ้านสุดหล่อตรงหน้านี่ต่างหาก แต่เมื่อเขาออกปากเสือกไส เธอก็ต้องหาทางยื้อไว้ก่อน บางทีดีแลนอาจจะเปลี่ยนใจ
“ผมเหนื่อย!” ดีแลนวางเช็คไว้บนโต๊ะ เขาเดินเลี่ยงปารตี “คงไม่น่าเกลียดนะ หากผมจะขอให้คุณกลับเองด้วย” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านใน ตัดความหวังของปารตีดังฉับ
สาวสวยสะบัดหน้าให้ประตูคอแทบเคล็ด เธอหยิบกระดาษชิ้นน้อยๆ ขึ้นมามอง ก่อนจะพอยิ้มออก ค่าเสียเวลาของเธอมากโขเชียวล่ะ
“ตีกลับก่อนนะคะ หากคุณเหงา คุณโทร. หาตีได้ตลอดนะคะดีแลน”
เธอส่งเสียงบอกเจ้าของบ้าน เดินเชิดหน้าออกไปด้านนอก มองหารถรับจ้างที่จะอาศัยนั่งกลับที่พำนัก
พออาบน้ำจนใจหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง...ดีแลนก็เริ่มหิว เขาเดินออกจากห้องเข้าครัว สูดลมหายใจแรงๆ เพื่อสูดกลิ่นหอมฟุ้งของอาหารมื้อเย็นที่อยู่ในหม้อ คงเป็นเพราะหล่อนตกใจกับฉากเลิฟซีนแบบถึงพริกถึงขิงระหว่างเขากับปารตี แม่บ้านคนใหม่เลยยังไม่ได้จัดสำรับให้เขา อาหารมื้อเย็นยังคงอยู่ในหม้อ ขนมปังแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแต่ก็ยังอยู่ในถุงใบใหญ่ หล่อนคงออกไปซื้อขนมปังนี่มา แล้วไม่ทันเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ดีแลนเดินไปฉวยถุงขนมปังขึ้นมาจากพื้น เขาบิขนมปังชิมรส รสชาติใช้ได้ หากไม่คิดถึงความกระด้าง เขาหิวจัดจนไม่สนใจที่จะอุ่นสตูว์ ดีแลนหยิบถ้วยจากตู้ติดผนัง...เขาตักสตูว์ใส่ถ้วยที่ถือไว้ หนีบขนมปังแข็งๆ ไว้ที่รักแร้ เดินไปนั่งบนเก้าอี้ และเขาก็เห็น...
กระเป๋าสะพายที่อบเชยลืมไว้...
กระเป๋าใบนั้นห้อยอยู่ที่พนักเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง...
ดีแลนยัดขนมปังที่จุ่มสตูว์จนชุ่มใส่ปาก เขาเอื้อมมือหยิบกระเป๋าใบนั้นมาดูใกล้ๆ
“เหมือนเคยเห็นที่ไหน?” ชายหนุ่มรำพึง เขาเคยเห็นกระเป๋าใบนี้มาก่อนแน่ๆ ขณะที่กำลังคิด ดีแลนก็รับประทานอาหารมื้อนั้นต่อด้วยความเอร็ดอร่อย ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมเสียมายาท เขาอยากรู้จักแม่บ้านสาวคนใหม่ และแก้ข้อสงสัยเกี่ยวกับแม่สาวคนนั้น กระเป๋าใบนั้นจึงถูกดีแลนรื้อ เขาค้นทุกซอกทุกมุม และแล้วเขาก็เจอ...กระเป๋าสตางค์เก่าๆ ที่แอบอยู่ในช่องกระเป๋าด้านในอีกที หากไม่พิจารณาดีๆ จะไม่มีทางหาเจอ
ขนมปังค้างอยู่ในช่องปาก ดีแลนตกใจจนลืมเคี้ยว เมื่อเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กออกมาแล้วเจอ...
บัตรประชาชนของ อบเชย
“ยัยป้าแม่บ้านคือ...ยัยเด็กเชยงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มครางในลำคอเบาๆ มือหยิบขนมปังออกจากปาก ความหิวเหือดหายไปดื้อๆ เขาพลิกบัตรประชาชนใบนั้นกลับไปกลับมาหลายรอบ แต่รูปที่มองเห็นก็ยังเป็นของคนหน้าเดิม...
ใบหน้าบ้องแบ๊วของอบเชย แววตาสุกใสเป็นประกายนั่นอีก นี่บัตรประชาชนของอบเชย ตั้งแต่สมัยหล่อนทำบัตรครั้งแรก ใบหน้ากลมๆ ฉ่ำๆ แบบนี่แหละที่เกือบทำให้เขาคลั่ง!!
ดีแลนยกมือคลึงใต้ปลายคาง ระหว่างใช้ความคิด เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้อบเชยทำงานต่อไป หรือว่า...
มันคงสนุกไม่น้อย แม้อนาคตจะถูกคนรอบตัวกระเซ้า เกมไล่ต้อนเด็กเข้ามาอยู่ใต้อาณัติเริ่มขึ้นแล้ว และที่นับนิ้วคร่าวๆ อีกไม่กี่เดือนอบเชยก็จะครบยี่สิบปีเต็ม เขารอดข้อหาพรากผู้เยาว์หวุดหวิด
“ฮ่าๆ”
ชายหนุ่มเงยหน้าหัวเราะลั่นบ้าน
ไอ้ความงุ่นง่านที่วิ่งพล่านอยู่ในเส้นเลือดสงบลงแบบเหลือเชื่อ
และดีแลนก็เจริญอาหารมื้อนี้ที่สุด เขาบิขนมปังจุ่มสตูว์จนหมดเกลี้ยงจาน หากไม่น่าเกลียดเกินไป ชายหนุ่มแน่ใจ เขาจะเลียจานกินสตูว์จนหยดสุดท้ายทีเดียว ดีแลนลุกขึ้นยืน เขาเดินไปเปิดเครื่องเสียง เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงออกมาเบาๆ ชายหนุ่มซอยเท้าหมุนตัวเป็นวงกลม เขาเต้นรำคนเดียว อารมณ์ดีจนอยากโห่ร้อง หากไม่กลัวว่าเพื่อนบ้านจะโทร. แจ้งตำรวจ ดีแลนคงจะตะโกนสุดเสียงไปแล้ว...
“แม่ขาขอสตางค์100นึงค่ะ” อบเชยยืนหน้ามุ่ยที่หน้าร้านขายขนมไทยของเทียน เธอรีบจนลืมกระเป๋าสตางค์ ลืมทิ้งไว้ที่บ้านของดีแลนนั่นแหละ
เทียนหยิบแบงค์ร้อยเก่าๆ ยื่นส่งให้บุตรสาว “ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ”
นางรู้ดีว่าบุตรสาวรับทำงานทุกอย่าง กว่าอบเชยจะกลับถึงบ้านก็ค่อนข้างดึกพอสมควร เทียนเป็นห่วงลูกตามประสาคนเป็นแม่ แต่เรื่องอื่นๆ นางไว้ใจอบเชย นางเลี้ยงลูกมากับมือ รู้นิสัยใจคอดี อบเชยไม่มีวันทำให้เธอเสียใจแน่
“เจ้าของบ้านกลับเร็วค่ะ เชยเลยได้กลับก่อนเวลา” หญิงสาวกล่าวเสียงแผ่ว ทรุดนั่งด้านข้าง และยิ้มรับเมื่อลูกค้าของมารดาเดินมาหยุดหน้าร้านขนมไทย “รับขนมอะไรดีคะ ออกจากเตามาร้อนๆ เลยค่ะ”
อบเชยคุ้นเคยกับการขาย เธอไม่เคยอายที่ต้องช่วยมารดาทำมาหากิน
“ลูกสาวแม่เทียนคนนี้ขยันจังเลยนะ ฉันเห็นวิ่งลอกทำงานไม่ได้หยุดเลยนี่” ลูกค้าหน้าคุ้นกล่าวชม หยิบขนมใส่ไส้สี่ห่อส่งให้อบเชย “เอานี่แหละ ลูกชายป้าชอบ”
“เชยก็ชอบค่ะ ขนมแม่ทำ อร่อยทุกอย่าง”
หญิงสาวกล่าวสนับสนุน เธอโตมากับขนมไทยหลายอย่าง ฝีมือเทียนไม่เคยตก ร้านขนมของเทียนจึงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
“ฝากร้านด้วยนะเชย แม่จะไปตลาดสักหน่อย”
เทียนฉวยกระเป๋าสตางค์ นางต้องไปซื้อวัตถุดิบสำหรับทำขนมตอนเช้า ขนมที่ทำมาใหม่ยังขายไม่หมด หากทิ้งร้านไปก็เกรงว่าขนมจะเหลือ พอดีที่อบเชยกลับก่อนเวลา คืนนี้คงไม่ดึกนัก จะได้มีเวลานอนมากกว่าทุกวัน
“คะแม่...หมดนี่เชยปิดร้านได้เลยใช่ไหมคะ?” อบเชยถามตามหลัง
“อืม...ในซึ้งมีใส่ไส้อีกยี่สิบกว่าห่อ หมดแล้ว ก็ปิดร้านได้เลย”
เทียนตอบ เปิดประตูด้านข้าง เดินไปตลาดที่อยู่ไม่ไกล ปล่อยให้อบเชยนั่งขายขนมคนเดียว
“เทียนไม่อยู่เหรออบเชย?” เสียงทุ้มอ่อนโยนของปรารถนาดังขึ้น อบเชยเงยหน้ายิ้มให้ เธอรีบยกมือทำความเคารพตามความเคยชิน
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
“คุณท่านอะไรกันอบเชย...ฉันห้ามไว้ไม่เคยจำเลยนะ” ปรารถนาดุด้วยความเอ็นดู อบเชยเรียกเธอแบบยกย่อง จนระอาที่จะปราม
“เชยสบายใจแบบนี้ค่ะ อย่าถือเชยเลยนะคะ”
หญิงสาวแก้ตัวเสียงออดแอด
“ตามใจ ว่าแต่เทียนไปไหนล่ะ” สาวใหญ่โบกมือ นางถามหามารดาของเด็กสาว
“แม่ไปตลาดค่ะ คุณท่านมีอะไรจะใช้ให้แม่ทำเหรอคะ?” อบเชยถามกลับ
“ฉันจะมาจองขนมหน่ะ พรุ่งนี้จะไปบ้านเด็กกำพร้า...เอาทุกอย่างเลยนะ เด็กๆ ชอบ”
ปรารถนามาอุดหนุนขนมที่ร้านมารดาอบเชยเป็นประจำ เทียนจะไม่รับเงิน ท่านก็ไม่ยอม
“ขอเชยไปด้วยได้ไหมคะ” อบเชยยิ้มแป้น เธอจำได้สมัยเด็กๆ ชอบตามปรารถนาไปบ้านเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหวังอุปถัมภ์ไว้
“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนสินะ ได้สิ...อ้อ...เป็นไง งานหนักไหม ลูกชายฉันบ่นอะไรหรือเปล่า?”
สาวใหญ่ถามถึงบุตรชาย เขาเป็นคนเคร่งครัด ระเบียบจัด นางเกรงว่าจะทำให้อบเชยแบกภาระมากเกินไป
“งานสบายๆ ค่ะ ไม่หนักเลย เชยยังไม่เจอคุณดีเลยค่ะ เธอเลยยังไม่บ่น”
หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ เธอเลี่ยงการเผชิญกับหน้าดีแลน เขาเลยยังไม่ไล่ตะเพิดให้เธอลาออกจากตำแหน่งงานที่อบเชยทำอยู่นั่นเอง
“คงถูกใจอยู่หรอก ขานั้นถ้าไม่พอใจคงโวยมาแล้วล่ะ”