ผู้ใหญ่รังแกเด็ก

1739 Words
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พิสูจน์แล้วว่าหล่อนไม่เหมาะกับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็ก พรุ่งนี้คงต้องแบกหน้ากลับไปหาพุดตาน ด้วยไม่อยากเป็นภาระให้หนึ่งฤทัยลำบากใจ เด็กเล็กๆ กับหล่อนเป็นสิ่งไม่คู่กัน หากฝืนทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กต่อ ก็รังแต่สร้างปัญหา ลินจันทร์ก้าวไปยังลานสนามเด็กเล่น นั่งลงบนชิงช้าเหล็กเพื่อหย่อนใจ ยามบ่ายอากาศค่อนข้างเย็น หากยังมีแดดอ่อนๆ ช่วยขับไล่ความหนาวได้บ้าง ลินจันทร์แกว่งชิงช้าไม้ช้าๆ พลางทอดสายตาไปไกลจนเห็นร่างหนึ่งผุดลุกผุดนั่งตรงรั้วเหล็ก หล่อนมองจนเห็นว่าเป็นเด็กชายผิวขาวอมชมพูร่างจ้ำม่ำ น่ารักเชียวเพียงอึดใจ ‘นางยักษ์’ก็ตัดสินใจก้าวไปทักทายเด็กชายคนนั้น “สวัสดีครับ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”ลินจันทร์ทักทาย หล่อนถูกชะตาดวงหน้ากลมแก้มใสไม่น้อย ดวงตาเขาเอาเรื่อง จมูกก็เชิดรั้น ท่าทางเจ้าอารมณ์หน่อยๆ ดูไปก็คล้ายๆ หล่อนเหมือนกัน “อือ ฮึ”เขารับคำด้วยการเลียนเสียงแบบผู้ใหญ่ “หนูอยากเข้ามาข้างในไหม”ลินจันทร์มองตาก็รู้ใจ เขายิ้มกว้างอวดฟันด้านหน้าซึ่งเรียงเป็นสีสนิม หล่อนต้องรีบปิดปากกลัวเสียงหัวเราะจะทำร้ายจิตใจเจ้าหนู หน้าง้ำ ใจจริงแล้วหล่อนไม่ได้เกลียดเด็กอย่างคนอื่นเข้าใจ แค่รักษาระยะห่างเท่านั้น เพราะเด็กกับหล่อนมีนิสัยไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “ขนุนจะนั่งชิงช้า ชิงช้าตัวนั้นพ่อทำให้ขนุน”เสียงแหลมสูง แสดงอาการหวงของรักเต็มที่ หล่อนหน้าตึงนิดๆ เด็กสมัยนี้พูดจาให้เข้าหูสักหน่อยไม่ได้รึไง สงสัย ‘พ่อแม่’ ไม่ได้อบรมให้ดีกระมัง ถึงทำตัวแก่แดด แก่ลมเพียงนี้ ลินจันทร์หันไปมองตามที่เด็กชายอ้าง หล่อนเห็นหลักฐานว่าชิงช้าเป็นเขา ‘น้องขนุน’ ตรงเชือกชิงช้ามีป้ายไม้เล็กๆ ทาสีสวยงามเขียนชื่อเขาไว้ พอมองไกลไปอีกหน่อยก็เห็นชื่อนี้ ‘น้องขนุน’ เต็มไปหมดทั้งไม้กระดก สไลด์เดอร์ ไปจนต้นไม้สูงสล้างที่ปลูกตามแนวรั้ว เอ...เด็กคนนี้เป็นลูกเต้าใคร ถึงได้เขียนชื่อลูกชายไว้มุมนั้น มุมนี้เต็มไปหมด สงสัยรวยจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วกระมัง “งั้นเรามาเล่นด้วยกันนะ”หล่อนเอ่ยชวน แต่เด็กชายมีท่าทางหวาดๆ เหมือนกับกลัวบางสิ่ง “อ้าว...ทำไมละ ไม่กล้าเข้ามาเหรอ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่จะพาเข้ามาเอง”หญิงสาวเปิดประตูแล้วจูงแขนอวบๆ ชวนเข้ามาด้านใน พอจอด รถจักรยานไว้ข้างรั้วปุ๊บ ท่าทางเขาก็เปลี่ยนไป เด็กชายทำทีเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทุกอย่างจนหล่อนนึกขำ “หนู...เรียนที่นี่ใช่ไหม”หล่อนเอ่ยถาม มองเขาอย่างพินิจ “อือ ฮึ”เด็กชายตอบคำถามในแบบที่หล่อนนึกอยากจะบิดพุงหลามๆ สักครั้ง “แล้วทำไมหนูไม่มาโรงเรียนล่ะ”เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “พ่อไม่ให้มาเรียน ให้รดน้ำต้นไม้ ทำงานไม่เสร็จห้ามไปไหน เดี๋ยวเป็นเด็กไม่ดี พ่อจะไม่รัก”เขาทำเสียงขึงขัง ประหนึ่งเป็นเสียงของพ่อที่ออกคำสั่ง “ต๊าย นี่มันเข้าขั้นกักขังหน่วยเหนี่ยวเลยนะ คนสมัยนี้หัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรเด็กตัวเท่านี้ ใช้งานได้ลงคอ”หล่อนเนื้อเต้น เกลียดเรื่องพรรค์จับใจ “ไหนๆ เล่าให้พี่ฟังสิ พ่อให้ทำอะไรบ้าง...ผู้ใหญ่รักแกเด็กแบบนี้ต้องเจอพี่ลูกจันทร์”หล่อนตั้งตัวเป็นศาลเตี้ย พิพากษาพ่อเด็กชายทั้งที่ฟังความข้างเดียว ส่วนเจ้าขนุนนั้นได้ทีก็เล่าไม่หยุด “เมื่อวาน ขนุนเป็นไข้ พ่อให้รดน้ำต้นไม้ พอหนูไม่ทำพ่อก็ตีตรงขานี่แหละ เปรี๊ยๆ”เขาพูดซื่อๆ ได้ฟังดังนั้นคนซึ่งมีภูมิหลังคล้ายกันเลยเดือดจัด ถึงหล่อนเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ไม่ได้ความแต่หล่อนนี่แหละจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมให้เด็กตาดำๆ ลินจันทร์จะปกป้องเด็กคนนี้จากพ่อ ผู้ใจร้ายของเขา “เออ...น้องถูกตีทั้งที่เป็นไข้เหรอ โอ๊ย พี่ลูกจันทร์อยากจะเป็นลม”หล่อนสัมผัสเนื้อตัวเขาซึ่งอุ่นๆ อยู่ ดวงหน้ากลมใสก้มต่ำ ไม่รู้เพราะเขาน้อยใจพ่อหรือเพราะสาเหตุใดมิทราบได้ ขนุนโผเข้าไปกอดหญิงสาวสัมผัสจากเขาทำให้หล่อนใจอ่อนยวบ ถึงไม่ชอบเด็กหากต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หล่อนจึงต้องทำหน้าที่คนปลอบขวัญโดยปริยาย จู่ๆ เด็กชายก็ร้องไห้โฮ ลินจันทร์เองก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จากที่คิดว่าเรื่องของตนใหญ่หลวง จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ พอรับรู้ตากรรมเด็กชาย หล่อนจึงมองเห็นคนซึ่งเจ็บปวดมากกว่า โดยเฉพาะเขาเป็นเพียงเด็ก ที่เปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาด เหตุใดผู้ใหญ่ถึงทำให้ใจดวงน้อย ต้องเผชิญกับสิ่งซึ่งโหดร้ายได้ลงคอ สำหรับลินจันทร์ น้ำตาของเด็กๆ คือสิ่งที่ไม่ควรเสีย... หล่อนย้อนภาพไปถึง คืนวันเก่าๆ ในวันที่แม่จากไป ซึ่งหล่อนกับพี่สาวมีน้ำตาเป็นเพื่อนต่างหมอน “ขนุนอยากหาแม่ ฮือๆ พ่อใจร้ายพ่อไม่ให้หนูไปหาแม่”เขาละล่ำละลักบอก “โอ๋ นิ่งนะคะ เดี๋ยวพี่ นี่แหละจะช่วยหนูเอง”ปากว่าไปอย่างนั้น หากเอาเข้าจริงก็จนปัญญา ไม่รู้จะช่วยเขาอย่างไร แต่สำหรับขนุน เขาเห็นลินจันทร์ประหนึ่งเป็นหลักยึด เด็กชายเชื่อมั่นว่าหล่อนคือเพื่อน คือคนที่จะอยู่เคียงข้าง ด้วยขนุนสัมผัสได้ถึงเสียงของหัวใจที่หญิงสาวสื่อถึงตน “พี่จะช่วยหนูเหรอ”ครั้นถูกทวงสัญญา หล่อนเลยอึ้งไปแวบหนึ่ง ถึงเขาเป็นเพียงเด็กซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หากหล่อนถูกซะตานัก หญิงสาวจึงยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวกับเขา คนสองวัยหากหัวใจเดียวกันจึงยิ้มให้กันด้วยความสุขใจ “สัญญา พี่ลูกจันทร์สัญญาว่าจะช่วยน้องขนุน เต็มที่เลย”ลินจันทร์ให้คำมั่น เด็กชายรับคำนั้น ยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายพอดวงหน้ากลมใสระบายรอยยิ้ม หล่อนรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน เด็กชายหน้าตาราวกับใครบางคน ผิดแต่ผิวขาวใส กับความน่ารักนี่ละที่ทำให้เขาแตกต่าง ใครคนนั้น ! “แล้วน้องขนุนอยู่กับใครแม่ไม่อยู่ด้วยเหรอ” “มีแต่พ่อ... แล้วก็ยายสมหวังปากแดง”เขาบอกพร้อมกับทำหน้าเหม็นคนปากแดง เคี้ยวหมาก “แล้วแม่ละ...”หล่อนอ้อมแอ้มถาม “แม่...แม่”เด็กชายก้มหน้างุด อึดอัดที่จะเอ่ย “ว่าไงขนุน แม่อยู่ไหนคะ”ลินจันทร์คิดว่าเขาคงมีปมในใจ หล่อนจึงเงียบเสีย ไม่อยากถามให้มากความ แต่แล้วจู่ๆ ร่างเล็กร่างหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามา เด็กหญิงคนนั้นเท้าสะเอวหาเรื่องขนุนเต็มที่ “ขนุน! เข้ามาในโรงเรียนทำไม กลับบ้านไปเลย ชิ้วๆ เด็กไม่ดี! “เธอชี้หน้าต่อว่าเด็กชาย “เอ๊ะ! ทำไมไล่เพื่อนแบบนี้ละ ไม่น่ารักเลยนะคะ”ลินจันทร์แหวใส่ร่างเล็ก “ก็ขนุนเป็นเด็กนิสัยเสีย เด็กเกเร ครูแหม่มไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว มาทำไมล่ะ”เด็กหญิงต้นหอมค้อนประหลับประเหลือกใส่ขนุน “จริงหรือขนุน”หญิงสาวเข้าไปกอดเด็กชาย หล่อนห่วงความรู้สึกเขา ตัวแค่นี้ต้องเจอเรื่องร้าย ๆ ที่บ้านยังไม่พอ ยังถูกยายตัวจี๊ด เล่นงานที่โรงเรียนอีก “เอ่อ...พี่ว่าคุณน้อง เข้าห้องเรียนดีกว่าไหม มาไล่เพื่อนแบบนี้ไม่น่ารักเลย เดี๋ยวขนุนพี่จะพาไปส่งบ้านเอง โอเคไหมคะ”ลินจันทร์กลางปีกปกป้องเด็กชาย ซึ่งน้ำตาไหลอาบแก้ม “ต้นหอมไปก็ได้ แต่ขนุนต้องออกไปจากโรงเรียนก่อน ห้ามเข้ามาอีก ชิ้วๆ”เด็กหญิงยื่นคำขาด “จ้ะๆ พี่เชื่อคุณน้องนะ เดี๋ยวพี่พาขนุนกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”หญิงสาวตัดบท ต้นหอมครุ่นคิดอยู่เกือบอึดใจ แล้วหวีดขึ้นว่า “โป้งกันร้อยปีไม่ต้องมาดีกันร้อยชาติ กิ้วๆ คนหน้าไม่อายขนุน ลูกไม่มีแม่!” ลินจันทร์ช็อคกับคำพูดต้นหอม หล่อนหน้าแดงก่ำให้ตายเถอะเด็กสมัยนี้สรรหาคำรุนแรงมาจากไหน หล่อนย่างสามขุมเข้าไปหาร่างเล็ก ตั้งใจจะขู่ให้ลดความก้าวร้าวลงบ้าง หล่อนจับไหล่เล็กๆ ของเธอ แล้วหมุนตัวให้เด็กหญิงเดินกลับเข้าห้องเรียนเสีย “ปล่อยนะ ก็เรื่องจริงอ่ะขนุนลูกไม่มีแม่...” “นี่คุณน้อง ขืนยังว่าเพื่อนอีก พี่จะตีนะกลัวไหม ตีจริงๆ ด้วย”ลินจันทร์ยกมือขึ้นแค่ขู่ หากเด็กหญิงกรี๊ดเสียงแปดหลอด ดังมากจนหญิงสาวตกใจ จากนั้นหนึ่งฤทัยก็เข้าสงบศึกด้วยตัวเอง เธอสั่งให้จิ๋วแยกต้นหอมออกไป ส่วนขนุนที่สะอื้นฮัก ๆ อยู่นั้นเธอก็เข้าไปลูบศีรษะ ก่อนจะบอกให้เขานิ่งเสีย “ไม่สบายแล้วขนุนออกมาข้างนอกทำไม ครูแหม่มบอกให้อยู่บ้านทำไมไม่ฟัง” “หนูอยากเจอครูแหม่ม”เด็กชายสะอื้น เงยหน้ามองครูสาวด้วยดวงตาแดงก่ำ “เดี๋ยวตอนเย็นครูแหม่มก็ไปหา ทำไมหมู่นี้เอาแต่ใจ ครูแหม่มบอกอะไรก็ไม่เชื่อ กลับบ้านนะเดี๋ยวครูแหม่มไปส่ง” “ไม่!”เพียงแค่นั้นเขาก็ไม่ฟังอะไรอีก ขนุนล้มตัวลงไปนอนบนพื้น เขาขุ่นเคืองใจ ไม่อยากกลับบ้าน พอแอบมาที่โรงเรียนครูแหม่มยังใจร้ายผลักไสให้ไปหาพ่ออีก ลินจันทร์ซึ่งมองดูเหตุการณ์อยู่ อดสงสารเด็กน้อยไม่ได้ หล่อนเข้าไปปล้ำขนุนนานพอควร ก่อนที่เด็กชายจะยอมลุกขึ้น “ลูกจันทร์เชื่อเอื้อยพูดดีด้วยคงไม่ได้แล้วละ ต้องใช้ไม้แข็งบ้างขืนเอาใจบ่อย ๆ มีแต่ได้ใจเมื่อเช้าที่ไปรับลูกจันทร์ไม่ได้เพราะพาขนุนไปหาหมอนี่แหละ พอไปถึงคลินิกรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น ขนุนแกล้งป่วย...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD