เมื่อถูกส่งตัวถึงหมู่บ้านหนองใสดินงาม ลินจันทร์ก็ต้องนั่งสำรวมอยู่บนเรือนหลังใหญ่หล่อนแทบไม่ได้ขยับไปไหน ต้องคอยไหว้และตอบคำถามผู้ใหญ่ซึ่งแวะเวียนมาไม่ขาด กว่าจะเลี่ยงมาอยู่ในห้องส่วนตัว เวลาก็ล่วงผ่านเป็นบ่ายแก่ๆ ซึ่งตอนนั้นหนึ่งฤทัยกลับมาพอดี
“เล่าให้เอื้อยฟังได้หรือยัง มาหาปุบปับอย่างนี้มีเรื่องอะไร ก่อนปีใหม่บอกว่ากำลังจะหมั้นไม่ใช่เหรอ...”น้ำเสียงที่ราบเรียบนั้นสร้างแรงกดดันให้หล่อนมากทีเดียว แต่ให้ปิดปากเงียบยิ่งไม่ควรทำ เพราะหนึ่งฤทัยเป็นคนที่หล่อนเคารพรัก ลินจันทร์พ่นลมหายใจน้อยๆ ระบายความเครียดซึ่งค้างใจ
“...ลูกจันทร์ก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าตรงไหนดี ชีวิตวุ่นวายไปหมด เจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากหยุดชีวิตไว้แค่นี้...ถ้าลูกจันทร์ตายๆไปเสียเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคงจบตามไปด้วย”ดวงตาหล่อนหม่นเศร้าลง ขอบตาแดง
“ลูกจันทร์ทุกปัญหามีทางแก้ อย่าด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ยังไงก็มีเอื้อยคนหนึ่งที่พร้อมช่วยลูกจันทร์เสมอ เราเคยสาบานผูกแขนเป็นพี่น้องกันจำได้ไหม ตกทุกข์ได้ยากยังไงก็ต้องดูแลกัน”หนึ่งฤทัยไม่เคยเห็นลินจันทร์ปลงกับชีวิต แต่ไหนแต่ไรหล่อนแกร่ง เป็นสาวมั่น เกิดอะไรขึ้นหนอ น้องสาวคนนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบ
หนึ่งฤทัยเขยิบเข้าไปใกล้รุ่นน้อง จับมือหล่อนมากุมแล้วถ่ายทอดกำลังใจให้ลินจันทร์
“เอาละ...ถ้าไม่สบายใจเอื้อยก็จะไม่ถามให้มากความ ลูกจันทร์พักผ่อนเถอะ เอื้อยขอตัวไปดูเด็กที่โรงเรียนก่อน ถ้ามีอะไรก็โทรเข้ามือถือนะ”หนึ่งฤทัยว่าพลางขยับตัวลุกขึ้นยืน แต่ลินจันทร์รีบคว้ามือเธอไว้
“พี่แหม่มรอลูกจันทร์แป๊บนึงสิ อยู่บ้านไม่มีอะไรทำขอตามไปช่วยงานที่โรงเรียนดีกว่า ตั้งใจมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแล้ว...ลูกจันทร์ก็อยากไปเรียนรู้งานตั้งแต่วันนี้เลย”
“หือ...แน่ใจน้า”ครูสาวมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาหล่อนไม่ชอบ เด็ก คนแก่ และชาวต่างชาติ! เอ ตอนนี้คงรวมถึงผู้ชายด้วยกระมัง
“เตือนไว้ก่อนนะ ตอนบ่ายเด็กๆ พึ่งตื่นนอนงอแงไม่ใช่เล่นเลย ลูกจันทร์มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวจะหงุดหงิดเอา”เธอพูดเสียลินจันทร์เห็นภาพในหัว
“ลูกจันทร์อยากออกไปเดินยืดแข้งยืดขาสูดอากาศ สมองจะได้ปลอดโปร่ง อยู่คนเดียวแล้วเหงา ส่วนเรื่องเด็กๆ ไม่ใช่ปัญหาหรอก”
“มั่นใจน้า ว่าเด็กๆ ไม่ใช่ปัญหา”หนึ่งฤทัยหัวเราะเสียงใส มองหล่อนอย่างไม่เชื่อคำพูดนั้น
“…จริงๆ แล้วลูกจันทร์รักเด็กนะ แต่ไม่แสดงออก เชื่อมือลูกจันทร์เถอะมาสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ก็ต้องพี่เลี้ยงสิพี่แหม่ม เอาไว้ลูกจันทร์แปลงร่างเป็น ‘ซีอุย’ กินตับเด็กเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่แหม่มก็รู้เองแหละ”หล่อนวางสีหน้าสีตาเป็นจริงเป็นจัง
“สมแล้วที่เป็นลูกจันทร์...โรงเรียนเอื้อยมีแม่มดไว้ปราบเด็กจอมแก่นสักคนก็ดี ใช้ไม้แข็งบ้างเด็กดื้อจะได้กลัว”หนึ่งฤทัยยิ้มตรงมุมปาก
“ให้ลูกจันทร์เป็นแม่มดเลยหรือ ความจริงลูกจันทร์เป็นนางฟ้ารักเด็ก ม้ากมาก ต่างหากละ “ลินจันทร์ค้อนเล็กๆ
“จ้ะ นางฟ้าก็นางฟ้า”
“โห พี่แหม่มประชดกันเห็นๆ “ลินจันทร์หัวเราะร่วน นึกภาพตัวเองถือไม้เรียว ส่งเสียงแว้ดไล่ต้อน เด็กจอมทโมน “ลูกจันทร์เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว แค่เติมความน่ารักอีกหน่อยลูกศิษย์ของเอื้อยก็หลงแย่แล้วคิดดูมีพี่เลี้ยงที่ไหน สวยเท่าน้องสาวคนนี้อีก สงสัยผู้ปกครองหนุ่มๆ คงมาเฝ้าหน้ารั้วทุกวันแหงๆ”
“ขืนมีพวกเ*******ูมายุ่งกับลูกจันทร์นะ จะตัดฉับๆ ให้ดู “หล่อนทำนิ้วเป็นกรรไกรแสดงท่าประกอบเสียง‘ฉับ’ ซึ่งดูน่ากลัวจนหนึ่งฤทัยต้องตบอกตนเองเบาๆ “บ้าน่ะลูกจันทร์ ขอเตือนเลย ‘บ้านเด็กดี’ เป็นโรงเรียนเตรียมอนุบาล ลูกจันทร์ห้ามแผลงฤทธิ์รู้ไหม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือ ผู้ปกครองก็ตาม”
“โอ๊ย...พี่แหม่ม พูดให้ขำๆ คิดมากไปได้ ลูกจันทร์เป็นคนใหม่แล้ว สัญญาว่าจะสงบเสงี่ยมทำตัวเรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้...ไม่วีน ไม่เหวี่ยง ถ้าไม่จำเป็น”
“...ฟังนะเพราะรักเอื้อยถึงกล้าพูดตรงๆ แบบนี้”หนึ่งฤทัยวางสีหน้าลำบากใจ เธอบีบมือลินจันทร์เบาๆ
“พูดเถอะพี่แหม่ม ลูกจันทร์ไม่โกรธหรอก”หล่อนเม้มปากชิด เห็นหนึ่งฤทัยทำหน้าอย่างนั้นก็นึกหวั่น
“อย่างลูกจันทร์นะ อยู่ที่ไหนก็เป็นนางสิงห์วันยังค่ำ เปลี่ยนไม่ได้หรอกจ้ะ”
ลินจันทร์หลบสายตาหนึ่งฤทัยวูบหนึ่ง อพิโธ่...ในสายตาคนอื่นหล่อน‘ร้าย’ ขนาดนั้นเชียวหรือ
“...อยู่ที่นี่ลูกจันทร์ก็ทำงานให้เต็มที่ก็แล้วกัน ดูแลเอาใจใส่เด็กๆให้มากแค่นี้ทำได้ไหม”
“ได้สิพี่แหม่ม”ลินจันทร์รับปากไปอย่างนั้น เอาเข้าจริงๆ หล่อนไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นพี่เลี้ยงด้วยซ้ำ
“ดีแล้วตั้งใจทำงานให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน...แล้วอย่าให้เอื้อยรู้ทีหลังนะว่าที่ตั้งใจมาหาเอื้อยน่ะ เพราะอยากหลบหน้า หลบตาใคร!”หนึ่งฤทัยพูดราวกับมีตาทิพย์ “ปละ เปล่าเลย ลูกจันทร์อยากมาทำงานที่นี่จริงๆ”หล่อนปฏิเสธเสียงแข็ง “โอเค...ตอนนี้เอื้อยเชื่อเรานะ แต่อนาคตไม่แน่...”หนึ่งฤทัยหัวเราะอย่างคนรู้ทัน ลินจันทร์นั้นถึงกลับหน้าถอดสีทีเดียว
‘บ้านเด็กดี’คืนสถานที่ซึ่งลินจันทร์ไม่ควรเหยียบย่างจริงๆ นอกจากจะเป็นส่วนเกินแล้วหญิงสาวยังทำตัวให้เกิดปัญหาไม่หยุดหย่อน และที่ทำให้ลินจันทร์ปรี๊ดแตกจนอยู่ในห้องเรียนไม่ได้ ก็คือเหตุการณ์ซึ่งเกิดจากเด็กหญิงวัยไม่ถึงสามขวบดี
หลังจากนักเรียนตื่นนอนในตอนบ่าย ลินจันทร์ได้เข้าไปช่วยดูแลลูกศิษย์ของหนึ่งฤทัย แรกๆ หล่อนนั้นทำหน้าระอาส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ครั้นมีสายตาดุเอาเรื่องของครูสาวจับจ้องมานั่นแหละหล่อนจึงจำใจ ทำตามอย่างเซ็งๆ แต่ไม่รู้เพราะคราวซวยหรือเพราะเด็กน้อยตกใจกลัวคนแปลกหน้า แม่หนูลูกครึ่งแก้มแดงจึงปัสสาวะรดหล่อนจนเปียกไปครึ่งค่อนตัว
“ลูกจันทร์อย่าไปโกรธน้องเขาเลย เด็กพึ่งตื่นก็เป็นแบบนี้ละ สงสัยจะรักลูกจันทร์มากดูสิบอกรักตั้งแต่เห็นหน้าเลย ”หนึ่งฤทัยปลอบลินจันทร์ที่กำลังเนื้อเต้น
“ไม่ใช่แล้วล่ะ อย่างงี้เขาเรียกแกล้งกันเห็นๆ โอ๊ยคุณน้องปวดฉี่ทำไมไม่บอก ดูสิทั้งเปียก ทั้งเหม็น ยี้”หล่อนอยากหวีดเสียงแหลมอีกสักนิด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะแม่หนูน้อยเบ้ปากดวงตามีน้ำใสกลบตา
“เอ๊ะ นิ่งสิทำผิดยังจะร้องอีกไม่น่ารักเลย”ลินจันทร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ นางฟ้ากลายร่างเป็นแม่มดในบัดดล
“พอเลยลูกจันทร์ น้องกลัวไปหมดแล้ว...เอื้อยคิดผิดแล้วละให้ลูกจันทร์มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างนี้”เจอคำพูดนี้ลินจันทร์ถึงกับหน้าถอดสี “พี่แหม่ม เด็กฉี่รดขนาดนี้ ไม่ดุก็เกินไปล่ะ”ลินจันทร์ถอนหายใจแรงๆ
“เด็กพึ่งตื่นก็ใจเสียเป็นธรรมดา ลูกจันทร์จะเอาอะไร เราก็อุ้มโยนไปมาเอง รู้ไหมบางวันเอื้อยเจออึเต็มกางเกงก็มี แค่นี้ถือว่าเรื่องเล็กมาก”เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยจัด
“ขนาดนั้นก็ไม่ไหวละ เฮ้อ...ลูกจันทร์ออกไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่า ขอตัวค่ะ”
เอ่ยจบลินจันทร์ก็ไหวไหล่น้อยๆ แต่ก่อนจะสืบเท้าจากไป หล่อนยังมิวายแกล้งขู่คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดหนึ่งฤทัยด้วยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
ลินจันทร์เดินออกมาหยุดใต้ต้นก้ามปู ระเบิดเสียงกรี๊ดยาวๆ ระบายความเครียดในใจ
หล่อนรู้ตัวดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย สาเหตุนั้นมาจากการถูกทำร้ายจิตใจเมื่อครั้งยังเล็ก ครอบครัวที่ล่มสลายส่งผลให้หล่อนมีอารมณ์ซับซ้อนจนคนรอบข้างระอา หากใครไม่รู้จักดี คงคิดว่าลินจันทร์เป็นผู้หญิงน่าเบื่อ ไร้เหตุผล