“เขาไม่ได้เรียกตัวกะเปี๊ยก เขาเรียกผู้หญิงไซส์เอสจ๊ะ”
เอามือเท้าสะเอวได้ก็เดินแบบให้พ่อเลี้ยงภูเมฆได้ดูไปหนึ่งรอบถ้วน เพื่ออวดเรือนร่างที่เรียกได้ว่าเล็กกะทัดรัดน่าพกพาแถมด้วยหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัว
หุ่นเธอดีขนาดนี้เรียกได้ว่าเป็นสาวเต็มตัวแบบที่ยายพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน มาเรียกเธอว่าตัวกะเปี๊ยกได้ยังไงกัน ช่างตาไม่ถึงเอาเสียเลย
“มันก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่”
เผลอมองทรวดทรงองค์เอวของเด็กสาวจนตาค้าง ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ ก่อนพ่นคำพูดไม่น่าฟังเพื่อดึงสติของตัวเองกลับมา ไม่หลงระเริงไปกับความสาวและสวยของเธอเด็กสาว
“ต่างสิ นมหนูใหญ่กว่าไอ้เปี๊ยกที่พ่อเลี้ยงพูดถึงตั้งหลายเท่า”
เธอยื่นหน้าอกที่อยู่ภายในเสื้อยืดบางๆเนื้อผ้าราคาถูกให้เขาได้ดูด้วยความสนิทสนมเพราะเธอก็มาหาพ่อเลี้ยงอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้นึกอายอะไรมากนัก
“อะแฮ่ม แล้วจะหาใครเป็นผัว หมายตาไว้หรือยัง ระวังสาวๆในตลาดเขาจะแย้งไปหมดล่ะ”
เขาถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อเห็นความอวบอั๋นเต็มสองตา เป้ากางเกงเริ่มพองตัวขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้
ฝ่ามือหนาถึงกับเข้าตะปบเป้ากางเกงของตัวเองเอาก่อนไว้อย่างแนบเนียน ก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้
“ยายบอกว่าจะไปทาบทามลูกเถ้าแก่เส็งร้านขายของตรงข้างวัดให้”
เด็กสาวเอ่ยปากตอบตามที่รู้ออกไป แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก ส่วนมากก็รู้ตามที่คนเป็นยายพูดให้ฟังทุกๆวันตั้งแต่เรียนจบมานั่นแหละ
มิหนำซ้ำคนที่ยายพูดถึงนั้นเธอเองก็ไม่เคยเห็นหน้าคาดตาอะไรเพราะเจ้าตัวเข้าไปเรียนในเมืองตั้งแต่ยังเด็ก ที่รู้จักก็มีเพียงเถ้าแก่เส็งกับเมียเท่านั้น
แต่ถ้าจะให้แต่งงานกันก็คงได้แหละ เพราะคงได้เงินมากพอมาส่งน้องชายลูกของน้าเรียนจนจบและปลูกบ้านใหม่ให้ยาย มันก็คุ้มอยู่
อีกอย่างชีวิตของเธอก็น่าจะสบายขึ้นตามคำพูดของยาย เพราะบ้านนั้นเขารวยมีเงินทองมากมายให้ใช้
ส่วนเรื่องความรักก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมันขึ้นมาหรอก ไม่เหมือนเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน เพราะเธอมันจนจนไม่มีใครเขาเหลียวมอง
“ทำไมถึงเป็นลูกเถ้าแก่เส็ง”