ภายในร่างกายเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เริ่มผิดปกติไป ฉันเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมากะทันหัน เลยขอออกมาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเสียหน่อย เผื่อจะช่วยให้ดีขึ้น
ตอนที่เดินออกมาฉันยังพอครองสติได้อยู่บ้าง พยายามจะฝืนตัวเองเพื่อไปให้ถึงห้องน้ำ แต่ตอนนี้มันชักเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจะหลับเต็มทน เลยต้องพาตัวเองเกาะราวบันไดเพื่อขึ้นไปบนชั้นสองของคลับอย่างทุลักทุเลด้วยสภาพไม่เต็มร้อย
พอไปถึงหน้าห้องของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนปลอมๆ ฉันก็เปิดประตูเข้าไปทันทีโดยที่ไม่ได้เคาะเรียกให้เจ้าของห้องอนุญาตเหมือนทุกครั้ง
“ฉันง่วง ขอนอนหน่อยนะ” นี่คือประโยคสุดท้ายที่ฉันพูดออกไป ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนที่โซฟาแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย มาตื่นอีกทีก็ตอนนี้นี่แหละง
“ไอ้บ้านั่นวางยาฉันเหรอ” พอนึกขึ้นได้ก็หัวเสียขึ้นมาทันที เกิดมาไม่เคยโดนอะไรแบบนี้มาก่อนเลย สมัยนี้ยังมีคนวางยาในเหล้ากันอยู่อีกเหรอ
“รู้ตัวสักทีนะ”
“นายหลอกด่าว่าฉันโง่เหรอ” ส่งสายตามองค้อนไปให้คนที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้หรือไงว่าฉันก็ขวัญเสียเป็นนะ
“แล้วแต่จะคิด”
“ว่าแต่ ที่นี่คือที่ไหนอะ ห้องนายเหรอ”
“อืม”
“ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ แล้วเพื่อนฉันล่ะ”
“เมื่อคืนเรียกแล้วเธอไม่ตื่น เลยบอกให้สองคนนั้นกลับไปก่อน”
“เรียกแล้วไม่ตื่น นายเลยพาฉันมาที่นี่ แทนที่จะให้เพื่อนฉันพากลับ” อดสงสัยไม่ได้ก็เลยถาม แต่ถามด้วยความขัดข้องใจ
“หรือว่าอยากจะไปกับไอ้หมอนั่นแทนล่ะ”
“ปากเสีย หรือว่าที่นายไม่ให้เพื่อนฉันพากลับเพราะคิดอะไรกับฉันกันแน่” ว่าแล้วก็ลดผ้าห่มลงแล้วยื่นมือไปจับปลายคางของอีกคนให้หันมาสบตากัน ขณะที่ใบหน้าของฉันก็กำลังยกยิ้มให้กับเขาอยู่ แต่ดูเหมือนคนที่โดนแกล้งคิดจะชิ่งหนีเสียแล้วล่ะ
“ไปอาบน้ำก่อนนะ อ้อ สภาพแบบเมื่อคืนบอกตามตรงว่าไม่มีอารมณ์ทำ”
“เขินก็บอกสิ จะมาว่าให้ฉันกลบเกลื่อนทำไมล่ะ” แกล้งแซวตามหลังคนที่กำลังเดินหนีเข้าห้องน้ำไป
แต่สภาพฉันเมื่อคืนมันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรฉันจริงๆ ขนาดอยู่กันสองต่อสองทั้งคืน แต่เพื่อความสบายใจ ฉันจะคิดว่านายเป็นสุภาพบุรุษก็แล้วกัน
ฉันออกไปนั่งรอเขาที่ด้านนอกเพื่อบอกลาก่อนจะหาทางกลับคอนโด ระหว่างที่รอฉันก็ล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำด้านนอกไปพลางๆ แล้วมานั่งที่โซฟา
ในระหว่างที่รอเจ้าของห้องอาบน้ำแต่งตัว ฉันกวาดสายตามองไปรอบบริเวณห้องที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูแต่ดูดีมีระดับ คอนโดที่พีทอยู่ออกจะหรูหราอยู่มาก และก็เป็นคอนโดในเครืออัศวเดชเดชา ที่มีแต่คนมีฐานะค่อนข้างรวยหรือที่เรียกว่าพวกเศรษฐีนั่นแหละถึงจะซื้อที่นี่ได้ ดูแล้วพื้นฐานครอบครัวของเขาก็น่าจะมีฐานะอยู่มาก ทำไมถึงได้มารับจ้างเป็นคนดูแลบัญชีในคลับนั้นได้ล่ะ
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ ฉันจะกลับแล้วนะ” พีทออกจากห้องมาด้วยชุดนักศึกษา ฉันเลยรีบเอ่ยลาเพราะเดาว่าเขาน่าจะมีเรียน และอีกอย่างคือไม่อยากอยู่รบกวนเขานานไปมากกว่านี้
“ไม่เข้าไปอาบน้ำก่อนล่ะ”
“อยากให้ฉันอยู่?” ยิ้มกริ่มให้กับคนถาม แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนต่างหาก
“อยากกลับสภาพนี้ก็ตามใจ ว่าแต่จะเอาเรื่องมั้ย หลักฐานทางเรามีพร้อมนะถ้าเธอจะแจ้งความ”
“ไม่แจ้งดีกว่า เดี๋ยวคลับที่นายทำงานอาจจะโดนตรวจสอบไปด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ยังไงก็ขอบคุณนายมากนะที่ช่วย” ฉันหมายถึงทั้งเรื่องที่ช่วยพาฉันมานอนค้างที่นี่ และเรื่องที่เขาไม่ได้ล่วงเกินในขณะที่ฉันขาดสติ
และอีกอย่างถ้าแจ้งความเป็นคดีขึ้นมา ฉันก็ต้องเสียเวลาไปที่โรงพักอีก และคลับที่เกิดเรื่องก็อาจจะต้องให้ความร่วมมือในการให้ปากคำและส่งมอบหลักฐาน ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนไปด้วยเพราะความสับเพร่าของตัวฉันเอง
“อืม ตามใจ แล้วเธอจะกลับยังไง” นึกว่าจะไม่ถามเสียแล้ว
“โบกแท็กซี่ไป”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อืม ก็ได้ ขอบใจนะ” พีทอยากไปส่ง ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอก ถือว่าชดเชยที่จ่ายค่าจ้างเกินตัวไปเมื่อหลายวันก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่ครั้งนี้เขาจะไม่หยิบยกเรื่องนี้มาเรียกเก็บเงินจากฉันอีกใช่ไหมเนี่ย
พีทมาส่งฉันถึงคอนโดเขาก็ขอตัวไปมหาวิทยาลัย และฉันก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีเรียนเหมือนกัน และยัยพวกนั้นก็คงจะบ่นถึงฉันกันแล้วล่ะที่ยังไปไม่ถึงสักที ว่าแล้วก็รีบขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า
คอนโดที่ฉันอยู่ก็เป็นคอนโดในเครืออัศวเดชเดชาเหมือนกัน ต่างกันที่ห้องของเขามีแค่ห้องนอนเดียว ส่วนของฉันเป็นแบบสองห้องนอนและมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า
ฉันไปถึงมหาวิทยาลัยก็เกือบสิบเอ็ดโมง ตอนนี้คงเข้าเรียนไม่ทันแล้วล่ะ เลยเลือกที่จะไปนั่งรอทั้งสาวคนที่โรงอาหารแทน ระหว่างนักรอก็หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเปิดดูอะไรเรื่อยเปื่อยพอรอเวลาให้พวกนั้นเรียนเสร็จ
ตั้งแต่ตื่นจนกลับถึงคอนโดฉันก็ไม่ได้เปิดดูอะไรเลย และก็พบเบอร์ของทั้งสามคนที่โทรเข้ามาหาหลายสิบสาย พร้อมทั้งไลน์ที่กระหน่ำทักเข้ามาถามไถ่กันตั้งแต่เมื่อคืนอีกหลายข้อความ
“กว่าจะมาได้นะยัยเฟย์”
“เมื่อคืนแกไปไหนมา”
“นายพีทอะไรนั่นบอกให้พวกเรากลับก่อน มันยังไงกันแน่”
“แล้วแกทำไมไม่ลงมาบอกพวกเราเอง”
“แกไปนอนด้วยกันมาใช่มั้ย”
“หรือว่าแกกับพีทคบกันแล้ว”
“โอ๊ย พวกแก หยุดค่ะ หยุด ฉันปวดหัวกับคำถามพวกแกมากเลย สรุปจะให้ฉันตอบใครก่อนดี” ถึงกับต้องยกสองมือขึ้นเพื่อให้เพื่อนๆ หยุดตั้งคำถามกัน
ทั้งสามคนที่มาถึงก็เอาแต่ถาม ถาม และก็ถาม จนไม่มีใครได้นั่งลงประจำที่ จนกระทั่งฉันขอให้หยุดถามกันก่อนถึงได้ย้ายก้นของตัวเองมานั่งกันได้ และก็พร้อมใจกันจ้องมาทางฉันเป็นตาเดียว
ส่วนฉัน ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจพร้อมจะรับบทสัมภาษณ์แล้วเจ้าค่ะ
“ว่ามา ใครจะถามก่อน”
“เมื่อคืนแกไปไหนมา” ยัยบีลีฟถามขึ้นเป็นคนแรก
“ก็อย่างที่นายนั่นบอก เมื่อคืนฉันอยู่กับเค้า”
“แกไปนอนด้วยกัน?” และนี่ก็เป็นคำถามของนางซินดี้ พวกแกจะคิดดีๆ กับฉันบ้างไม่ได้เลยหรือไง แต่มันก็จริงนั่นแหละ
“อื้ม” พวกเราไปนอนด้วยกันมา อันนี้ฉันเสริมในใจ
“อร๊าย ยัยเฟย์ แกช่างร้ายนะยะ”
“ร้ายบ้าร้ายบออะไรของแก เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกแกคิด” ฮึ ฉันรีบดักคอซินดี้ ยัยหัวสมองที่มีแต่เรื่องบนเตียง
“สรุปแล้วยังไงอะเฟย์ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน รีบเล่ามาเร็วสิ” รอบนี้เป็นพลอยใสที่กำลังรอฟังคำตอบ รายนี้ดีหน่อยที่ยังพอให้ฉันได้เป็นคนอธิบาย
“เมื่อคืนฉันโดนวางยานอนหลับ พีทช่วยฉันไว้ก็แค่นั้น”
“วางยา”
“ใคร”
“อย่าบอกนะว่าภีมสุดหล่อของฉัน”
“เออ ไอ้หล่อแต่หน้าแต่จิตใจสกปรกของแกยังไงล่ะนางซินดี้ ถ้าเมื่อคืนขึ้นไปหาพีทไม่ทัน ฉันคงโดนลากไปกินถึงไหนต่อไหนแล้ว” แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ เกือบไปแล้วไหมล่ะความสาวของฉัน