เธอฝากรอยจูบไว้ที่แก้มแล้วก็ทำหน้าทะเล้นเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ผมเป็นผู้ชายผมไม่ได้คิดมากอะไรอยู่แล้ว แต่เธอเป็นผู้หญิง และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน การที่เธอมาทำอะไรแบบนี้ในสถานที่เปิด ตัวเธอเองต่างหากที่จะเสียหายถ้ามีใครมาเห็นเข้า
“เฮ้ยไอ้พีท เมื่อกี้สาวที่ไหนวะ สวยโคตรว่ะ” นี่คือเสียงของนนท์เพื่อนของผมเอง มันถามขึ้นขณะที่เดินเข้ามาในห้องและก็สวนกับเฟย์ที่กำลังเดินออกไปพอดี
“คนรู้จัก”
“ไปรู้จักกันได้ยังไงวะ อยู่คณะไหน ปีอะไร ทำไมถึงเล็ดลอดสายตากูไปได้วะ”
“มึงอยากรู้ก็ไปถามเองดิ กูจะอ่านหนังสือ”
“ไอ้เชี่ย เอาหนังสือมาบังหน้า เมื่อกี้กูเห็นนะที่มึงจูบกันน่ะ” นนท์ชี้นิ้วมาที่แก้มของผม ลืมไปเสียสนิทเลยว่ายังไม่ได้เช็ดร่องรอยที่เธอทิ้งเอาไว้ก่อนออกไป
“กูไม่ได้จูบ” เอ่ยพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือเช็ดคราบลิปสติกของยัยตัวแสบ
“หลักฐานคาตา มึงยังกล้าปฏิเสธ”
“พูดมาก” ผมตัดบทก่อนที่นนท์จะถามอะไรไปมากกว่านี้
หลังจากเรียนเสร็จผมยังต้องเข้าไปช่วยดูแลคลับต่อ เดือนนี้ทั้งเดือนคงต้องทำหน้าที่แทนเฮียไปก่อน ดูท่าทางนั้นยังคงต้องแก้ปัญหากันอีกนาน แม้ว่าจะมีคนที่พ่อไว้ใจให้คอยจัดการดูแลแทน แต่อย่างน้อยผู้สืบทอดธุรกิจอย่างลูกชายคนโตก็ต้องเข้าไปดูแล และจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองถึงจะถูก
หลังจากที่เฮียเรียนจบและมาช่วยดูแลคลับ พ่อก็จะปล่อยให้เฮียจัดการด้วยตัวเองและอยู่เบื้องหลังคอยให้คำปรึกษามากกว่า และเฮียก็จัดการได้ดีมาโดยตลอด
พ่อผมยังไม่วางมือหรอกแต่ท่านจะคอยบริหารงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก นั่นก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวเรา ส่วนมากจะเน้นลงทุนกับการสร้างคอนโดหรูขายทอดตลาด
ส่วนผมเป็นลูกชายคนเล็ก ที่ทำได้ดีตอนนี้ก็คือเรียน และมาช่วยงานเฮียบ้างเป็นครั้งคราว
คราแรกที่ผมบอกไม่ชอบงานแบบนี้ เพราะผมเป็นคนที่ชอบความสงบและรักการอ่านหนังสือ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มานั่งทำงานก็จะติดอ่านหนังสือตลอด แม้เสียงดนตรีจะดังรบกวนขนาดไหนก็ไม่เป็นอุปสรรค
แต่ตอนนี้อุปสรรคของผมเริ่มเข้ามาแล้วล่ะ หลังจากเธอที่หายหน้าไปได้เพียงแค่สามวัน
“ฉันง่วง ขอนอนหน่อยนะ” หญิงสาวที่ไม่ได้รับเชิญเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้อง เมื่อประโยคบอกเล่าได้จบลงเธอก็ล้มตัวนอนบนโซฟาด้วยสภาพที่หมดท่า
“เฟย์ เฟย์ ตื่นก่อนสิ มานอนอะไรตรงนี้” ผมลุกออกจากโต๊ะเข้าไปเรียกเธอตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ และกลิ่นเหล้าก็ไม่ได้แรงมากเพราะนี่พึ่งจะสามทุ่ม เธอไม่น่าจะเมาได้ขนาดนี้
สภาพตอนที่เฟย์เดินเข้ามาเหมือนกับจะหมดแรง เดินสะเปะสะปะแทบจะล้มทั้งยืน แต่ก็ฝืนมาจนถึงตรงนี้ได้ ดูแล้วก็ไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด
ผมนั่งดูภาพที่ฉายจากกล้องวงจรปิดปรากฎภาพผู้ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอหนึ่งคน และตอนนี้เพื่อนของเธอก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว พอกดดูย้อนหลังก็พบว่าผู้ชายคนนั้นเหมือนจะใส่อะไรบางอย่างลงไปในแก้วเหล้าแล้วยื่นให้เธอดื่ม
เห็นดังนั้นผมจึงต่อสายหาพี่เก้าให้ไปหาเพื่อนของเธอที่โต๊ะและฝากบอกพวกเธอว่าเฟย์อยู่กับผม ให้สองคนนั้นกลับไปก่อนได้เลย
และให้พี่เก้านำกระเป๋าและเสื้อคลุมของเธอขึ้นมาให้ด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่ผมกำชับออกไปก็คือแก้วของเธอ เพื่อที่นำไปตรวจหาสารอะไรบางอย่างที่อาจจะปนเปื้อนอยู่ในเหล้าที่เธอดื่ม ผมคิดว่าเธอโดนวางยา
ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็น่าจะเป็นเช้าของอีกวัน แต่…
“พีท นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดวงตาเบิกโพลงทันทีที่เห็นเขานอนอยู่ข้างๆ และฉันก็กำลังนอนกอดเขาอยู่
ฉันขยับตัวขึ้นนั่งและพิงพนักหัวเตียง มือเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาจนปิดถึงคอ แม้ว่าชุดที่ใส่ออกมาเที่ยวเมื่อคืนมันจะยังอยู่ครบไม่หลุดหายไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และจ้องมองคนข้างๆ ที่นอนหลับได้อย่างสบายใจด้วยความรู้สึกสับสนมึนงง
“อือ ตื่นได้สักทีนะ” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“นายมาอยู่ในห้องนอนของฉันได้ยังไง”
“ยังเมาค้างอยู่เหรอ ดูดีๆ สิว่านี่คือที่ไหน” ฉันปรายตามองไปรอบๆ ก็พบว่านี่ไม่ใช่ห้องของฉัน แล้วฉันอยู่ที่ไหน จะว่าโรงแรมม่านรูดก็ไม่ใช่ หรือว่าห้องของเขาอย่างนั้นเหรอ
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
เมื่อคืนฉันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว และฉันก็ไม่ใช่คนที่จะเมาได้ง่ายๆ จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ แล้วบีลีฟกับนางซินดี้อยู่ที่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้ฉันมาอยู่กับพีทสองต่อสองได้ล่ะ
“เธอโดนวางยา”
“วางยา ยาอะไร”
“ยานอนหลับ ลองนึกดูดีๆ สิ ว่าเมื่อคืนเธอไปรับอะไรจากใครมากินรึเปล่า” พีทพูดเหมือนให้ฉันพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเอง
ฉันรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก พยายามหลับตานึกขึ้นมาว่าเรื่องทั้งหมดมันเกินขึ้นตอนไหน ฉันไปโดนวางยาได้อย่างไร ในเมื่อก็นั่งกินกับเพื่อนเหมือนทุกครั้ง และมันก็มีภาพความทรงจำของเมื่อคืนค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้นมา
20.00 น. ของเมื่อคืน
ฉันนัดกับบีลีฟและซินดี้มาเที่ยวคลับหลังจากหยุดเที่ยวไปสามวัน และครั้งนี้ฉันก็ทำอย่างเคยๆ คือเจอหนุ่มหล่อที่ลานจอดรถ พอเราทักทายกันและแน่ใจว่าเขามาคนเดียวก็เลยชวนมานั่งดื่มด้วยกัน
เราทั้งสี่คนเข้าไปนั่งที่โซนประจำ ฉันเลือกสั่งบรั่นดีราคาแพงที่เคยดื่มเป็นประจำมานั่งดื่มกัน ผู้ชายคนนั้นดูเป็นมิตรดีมาก พวกเราคุยกันได้ถูกคอ และเขาก็คอยบริการเสิร์ฟเหล้าให้กับพวกเราทั้งสามคนอย่างกับตัวเองเป็นเด็กเสิร์ฟ
“หนุ่มหล่อชื่ออะไรอะคะ” ซินดี้ถามขึ้นเป็นคนแรก เพราะคนที่ควงเข้ามาอย่างฉันเลือกที่จะไม่อยากรู้จักใครเลย ขอแค่มานั่งดื่มเป็นเพื่อนก็พอ เมาแล้วแยกย้าย
“ชื่อภีมครับ”
“ชื่อก็น่ารัก คนก็หล่อ ว่าแต่มีแฟนรึยังคะ สนใจสาวโสดคนนี้บ้างมั้ยคะ” ซินดี้ยังคงเล่นหูเล่นตากับหนุ่มหล่อข้างกายของฉันอยู่ สงสัยไม่ได้ออกมาล่าเหยื่อหลายวันแล้วหิว
ฉันนั่งดื่มไปก็คุยเล่นกับเพื่อนๆ ไป รวมถึงหนุ่มคนนั้นด้วยที่ก็ชวนคุยเก่ง แถมยังประเคนเหล้าให้ฉันไม่ขาดมืออีกต่างหาก
“เฟย์ มาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอครับ” ภีมถามขึ้นมา เขารู้จักชื่อฉันก็เพราะยัยสองคนนั้นเรียกน่ะ
“เรียกว่ามาประจำเลยดีกว่า”
“งั้นก็แปลว่าดื่มเก่ง”
“ก็พอตัวค่ะ” พูดแล้วก็ยกแก้วขึ้นชนกันสองคนแล้วกระดกลงคออย่างไม่รู้สึกขม
ตอนนี้ยัยเพื่อนทั้งสองทิ้งให้ฉันอยู่กับคนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกันสองต่อสองอีกแล้ว พวกนางออกไปนั่งดื่มกับหนุ่มหล่อที่อยู่ถัดจากโต๊ะของพวกเราไปเพียงไม่กี่โต๊ะ เห็นส่งสายตาเชิญชวนมาตั้งแต่พวกเราเริ่มเข้ามานั่งดื่มกันแล้วล่ะ และฉันก็คิดว่าคืนนี้นางซินดี้คงจะมีอาหารตกถึงท้องอีกแล้ว
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ ดูเฟย์น่าจะเมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันมา”
“ผมจะรอคุณนะเฟย์”