หลังจากที่ดื่มจนเมาฉันก็แยกย้ายกลับคอนโด ส่วนซินดี้ไม่รู้ว่าไปหว่านเสน่ห์ผู้อีท่าไหน นางถึงหิ้วโอมกลับคอนโดไปด้วยจนได้ ส่วนยัยบีลีฟแม้จะเห็นเต๊าะผู้ชายเก่งแบบนั้น แต่เธอก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก
กลับมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำล้างเครื่องสำอางอีกครั้งก่อนจะเข้านอน กว่าจะหลับตานอนได้ก็นานหลายนาที เพราะมัวแต่ขบคิดถึงเรื่องที่เจอพี่ปริญในคลับถึงสองวันติด ทำไมมันซวยจัง คนที่ไม่อยากเจอกลับได้เจอบ่อยอย่างกับฟ้าแกล้ง
ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน วันนี้เป็นวันเสาร์ฉันมีนัดกับพลอยใสที่ร้านเบเกอรี ไปจิบกาแฟ หาของหวานๆ กิน ฟังเพลงเบาๆ และถือโอกาสเอางานไปทำด้วยเลย
เราสองคนช่วยกันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วจดข้อมูลที่จะใช้ทำธีสิสเอาไว้ก่อน แล้วค่อยไปเรียบเรียงกันในภายหลังอีกที
“พีทยอมช่วยฉันแล้วนะ” ฉันเปิดประเด็นขึ้นมาเพราะเห็นว่าพวกเราเอาแต่ก้มหน้าจดจ้องโทรศัพท์ในมือจนแทบไม่มีบทสนทนาเลย
“จริงอะ คนอย่างพีทยอมทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ”
“คืนละหมื่นไง ทำไมจะไม่ทำล่ะ”
“ถามจริง?” พลอยใสพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ นายนั่นเห็นแก่เงินจะตายไป
“นี่ไงหลักฐาน ฉันพึ่งโอนให้เมื่อคืน” เปิดไลน์ที่ส่งสลิปโอนเงินเมื่อคืนให้พลอยใสดู เธอแค่หัวเราะเบาๆ เหมือนกับชอบใจ
“แกหัวเราะอะไร”
“ก็หัวเราะแกน่ะสิ อยู่ดีไม่ว่าดีก็อยากเสียเงิน” มันก็น่าหัวเราะเยาะจริงๆ นั่นแหละ
ไม่รู้ว่าหัวสมองของฉันมันคิดแผนบ้าบอนี้ขึ้นมาได้อย่างไร และฉันก็เป็นคนที่คิดแล้วทำเสียด้วยสิ ผลมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ไง คืนละหมื่น อยากจะบ้าตาย
“ก็ตอนนั้นแค่อยากแกล้งนายพีทเล่นๆ นี่นา และก็คิดว่าแค่ใช้บังหน้าตอนเจอพี่ปริญในคลับเฉยๆ ก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้บริการแบบรวดเร็วทันใจขนาดนี้”
“แต่ฉันว่าแกดูสนใจพีทนะ”
“บ้า ใครสนใจ” หลบสายตาก้มหน้าตักเค้กเข้าปาก ฉันไม่ได้สนใจนายนั่นสักหน่อย
“เหรอ ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน”
“ว่าแต่ เธอสนิทกับพีทขนาดไหนอะ”
“ก็ไม่ค่อยสนิทเท่าไร เจอหน้าก็ทักทายพูดคุยกันปกติ ส่วนมากจะเจอกันในห้องสมุด ว่าแต่แกถามทำไม”
“ปะ…เปล่า แค่อยากรู้เฉยๆ” แล้วฉันจะถามถึงเรื่องนายพีททำไมกัน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
พลอยใสกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าค้นหาข้อมูลในมือถือต่อ เราอยู่ในร้านเบเกอรีเกือบสามชั่วโมงเลย พอเช็กบิลเสร็จฉันก็ขับรถไปส่งพลอยใสที่บ้าน
“ขอบใจแกมากนะ”
“บายแก เจอกันวันจันทร์”
หลังจากไปส่งพลอยใสเสร็จก็กลับคอนโดเลย และวันนี้ก็ขอเลิกเที่ยวหนึ่งวัน
ฉันโทรไปบอกบีลีฟกับซินดี้ ตอนแรกทั้งคู่ดูจะแปลกใจมาก แต่พวกนางก็เข้าใจแหละว่าฉันแค่ไม่อยากเจอพี่ปริญ หยุดเที่ยวสักวันสองวัน เผื่อเขาไปแล้วไม่เจอจะได้เลิกไปที่นั่นอีก
เวลาที่ไม่ได้ดื่มมันก็เหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่าง มันเหมือนเหงา และนอนไม่หลับ นี่ฉันเสพติดการดื่มและเที่ยวมากขนาดนี้เลยเหรอ
กว่าจะข่มตาหลับได้ก็ปาไปเกือบค่อนคืน แทบไม่ต่างจากไปเที่ยวคลับเลย ออกจะหนักกว่าด้วยซ้ำ แล้วพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าด้วย จะตื่นไหวหรือเปล่าเถอะ
เช้าอีกวันฉันต้องฝืนร่างกายที่แทบจะหมดแรงเพราะนอนไม่พอ แล้วพาตัวเองตื่นขึ้นหลังจากที่กดเลื่อนนาฬิกาปลุกไปแล้วหลายรอบ ถ้ารอบนี้ยังไม่ตื่นอีกก็คงเข้าเรียนไม่ทันแล้วล่ะ
หลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบขับรถไปมหาวิทยาลัยทันที เช้านี้ฉันคงไม่กงไม่กินข้าวมันแล้วล่ะ มันง่วงมาก มากจนแทบไม่อยากจะทำอะไรเลย
เข้าห้องเรียนไปฉันก็ได้แต่หาวจนน้ำตาเล็ดไปหลายรอบ อาจารย์สอนอะไรไปมันก็ไม่ได้ซึมซับเข้าหัวสมองเลยวันนี้
หมดคาบแล้วฉันก็เอาหน้านอนหนุนแขนบนโต๊ะเรียนทันที ร่างกายของฉันตอนนี้ต้องการเวลาพักผ่อนเป็นอย่างมาก
“เมื่อคืนแกแอบไปเที่ยวเหรอยัยเฟย์” บีลีฟถามขึ้นมาทันทีที่อาจารย์ออกจากห้องไป
“แอบเอิบอะไรล่ะ พวกแกไม่ไปแล้วฉันจะไปกับใคร” ขณะที่พูดอยู่ก็ยังคงหาวไม่หยุด จนนางซินดี้เริ่มจะหาวตามกันไปอีกคน
“แต่แกเหมือนไม่ได้นอนเลยนะ ไหวเปล่าเนี่ย”
“ไหวสิ เมื่อคืนฉันแค่นอนไม่หลับน่ะ” ตอบพลอยใสไปพร้อมกับดวงตาที่มันแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ถ้าเพื่อนๆ ไม่พากันซักถาม ฉันคงจะหลับไปแล้วล่ะตอนนี้
“พวกแกหิวข้าวก็ไปก่อนเลยนะ ฉันขอเวลาสิบนาที”
“ไม่ไปจริงเหรอ” ซินดี้ถามฉันมาอีกครั้ง ง่วงขนาดนี้ไปไม่ไหวแล้วล่ะ
“อื้ม”
“งั้นเดี๋ยวพวกฉันรีบไปรีบมานะ”
“อื้ม” หลังจากตอบพวกเธอไปฉันก็ฟุบหลับไปและไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ช่วงนี้เป็นเวลาพักเที่ยง พวกนักศึกษาจะเข้ามาเรียนกันอีกทีก็ตอนบ่ายนู้น ยังพอมีเวลาให้ฉันได้พักสายตาสักหน่อย
ฉันไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย และดวงตาที่กำลังพยายามปรับสภาพให้สู้แสงสว่างก็เห็นใครอีกคนนั่งอยู่ภายในห้อง
เขานั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าที่อยู่ห่างจากที่ฉันนั่งไปเพียงแค่สามแถว และเขาก็กำลังอ่านหนังสือ พอมองดูดีๆ แผ่นหลังแบบนี้มันคุ้นตามาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“พีท” คนแรกที่นึกถึงและคิดว่าต้องใช่เขาแน่ ๆ เลยลองเรียกชื่อของเขาออกไป
“ถ้าจะกรนเสียงดังขนาดนี้ก็กลับไปนอนที่บ้านเถอะ”
“ใครกรน ฉันไม่เคยนอนกรนสักหน่อย” เหอะ ไอ้ผู้ชายปากเสีย มาหาว่าฉันกรน
“ว่าแต่นายเข้ามาได้ยังไง นี่มันพักเที่ยงไม่ใช่เหรอ” ฉันหันเก้าอี้ที่โต๊ะด้านหน้าของเขามานั่ง พร้อมกับวางแขนลงและเท้าคางบนโต๊ะของเขา ส่งสายตาคู่หวานมองคนตรงหน้าที่เอาแต่เมินผู้หญิงสวยๆ แบบฉันอยู่
“นี่มันห้องเรียน ก็มาเตรียมตัวเรียนน่ะสิ”
“เหรอ นึกว่ามาหาฉันซะอีก ในห้องนี้มีแค่ฉันที่อยู่ที่นี่นะ มาหาฉันก็บอกมาเถอะน่า ไม่เห็นต้องอายเลย” พูดไปก็ยกยิ้มโปรยเสน่ห์ไป คนอะไรน่าแกล้งจัง ดูคิ้วที่เริ่มจะขมวดเข้าหากันคู่นั้นสิ
“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่”
“อืม สบายใจจริงๆ ด้วยแฮะ สุดหล่อของฉัน” หยัดกายลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปจุ๊บที่แก้มเบาๆ แต่ก็ยังพอมีรอยลิปสติกที่วันนี้ฉันทาสีชมพูระเรื่อติดอยู่
“อุ้ย” ยกมือขึ้นทำท่าปิดปากพร้อมกับยกยิ้มพึงพอใจ “เผลอจูบแบบนี้นายจะคิดเงินมั้ยนะ ถ้าอยากคิดค่าจูบก็ทักไลน์มาได้เลยนะ ฉันขอไปหาเพื่อนๆ ก่อน เห็นหน้านายแล้วหิวเลยอะ” กระพริบตาถี่ ๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเดินออกจากห้อง อ้อ แล้วไม่ลืมที่จะโบกมือลาเขาด้วย
ดูหน้าคนที่ถูกฉันจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่สิ ดูอึ้งไปเลย พีททำได้แค่มองแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา วิญญาณคงจะหลุดออกจากร่างไปแล้วมั้ง แค่เห็นก็อดยิ้มไม่ได้ โดนขนาดนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างก็ให้มันรู้ไป