เหอชานที่ในทีแรกคิดจะหยุดการกระทำของหญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของเพื่อนของตน แต่เมื่อเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าแผลที่เป็นรอยดำคล้ำเริ่มลดลง เขาจึงยืนมองนิ่ง จนกระทั่งรอยดำคล้ำนั้นค่อยๆลดลงจนจางหายไป ทิ้งไว้เพียงรอยแผลธรรมดาที่เกิดจากการเฉี่ยวของลูกธนูเพียงเท่านั้น
“เฮ้อ..เรียบร้อยแล้ว” ร่างบางทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อนทั้งความเจ็บที่บาดแผลบนฝ่ามือก็เริ่มมีมากขึ้น นางจึงมองหาผ้าที่พอจะใช้พันแผลที่ฝ่ามือได้ แต่กลับมีมือหนายื่นผ้าสีขาวสะอาดมาตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นชายรูปงามที่เคยเอาดาบพาดคอของตนนั่นเองที่ยื่นมาผ้ามาให้ เมื่อเขาเห็นว่านางมองหน้าของเขานิ่งไม่ขยับกาย ชายหนุ่มจึงยัดผ้าใส่เมือเล็กก่อนจะหันไปสนใจเพื่อนของตนแทน
“เจ้าเป็นยังไงบ้างเช่อหลาง” มือที่เรียวงามจนน่าอิจฉาแตะลงบนข้อมือเพื่อจับชีพจรของร่างหนาที่ขยับกายขึ้นนั่ง สองตาของคนเจ็บยังคงจับจ้องไปยังร่างบางที่แปลกหน้าแต่กลับมีพระคุณช่วยชีวิตเขาที่กำลังพันมือของตน
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ใช่ พิษในร่างของเจ้าถูกขับออกมาหมดแล้ว มหัศจรรย์ยิ่งนัก เลือดของนางสามารถแก้พิษได้หรือนี่” เหอชานหันมามองยังร่างบางที่เดินไปรินน้ำชายกขึ้นดื่ม และราวกับรับรู้ถึงสายตาของทั้งสองหนุ่มที่พากันจับจ้องมายังนาง ว่านปิงจึงหันกลับมามองยังทั้งสองหนุ่มที่สามัคคีกันจับจ้องมายังนางด้วยสายตาสงสัย
“นี่!อย่ามองข้าอย่างนั้นนะ เลือดของข้าใช้ได้กับเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากเป็นคนอื่นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“หมายความว่ายังไงที่เลือดของเจ้าใช้รักษาได้แค่เพียงข้าเท่านั้น” เช่อหลางที่รู้สึกอุ่นวาบในอกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำกล่าวของร่างบางตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นมาด้วยแววตาที่อ่อนแสง จนเหอชานที่หันมาจับจ้องยังร่างหนาแทบจะยกมือขึ้นขยี้ตาของตน เมื่อเห็นเพื่อนผู้ที่รังเกียจหญิงสาวทุกนางที่เข้าใกล้ แต่ในยามนี้กำลังทอดสายตามองสตรีแปลกหน้าด้วยสายตาอันอ่อนโยน จนเขารู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“ถ้าข้าบอกไป ท่านจะเชื่อข้าหรือ” หญิงสาวที่กำลังขบคิดว่าจะทำเช่นไรให้เขายอมสละเลือดให้นาง และยอมเป็นพ่อของบุตรชายของตน เอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจ
“ก็ลองว่ามาดูสิ”
“คือ…”
“อาหลาง!อาชาน!เป็นยังไงบ้าง ย่าเข้าไปได้หรือไม่” เสียงของฮูหยินผู้เฒ่าที่ดังขัดขึ้นมา ทำให้ทั้งหมดหยุดบทสนทนาลงก่อนที่เหอชานจะเป็นคนที่เดินไปเปิดประตูให้ผู้ชรา
เมื่อประตูเปิดออกร่างชราที่ยังแข็งแรงก็เดินเข้ามา ด้วยการพยุงร่างด้วยไม้เท้าอันหนาที่มีส่วนหัวที่ทำด้วยทองคำเป็นรูปหงส์ บ่งบอกว่าไม้เท้าอันนี้มีที่มาที่ไม่ธรรมดา
“อาหลาง เจ้าเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายสุดรักของตนสามารถนั่งได้ด้วยตนเองทั้งยังมีสีหน้าที่ดีขึ้นราวกับคนละคนกับในยามที่ถูกหามเข้ามา หญิงชราก็แทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ มือเหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นลูบหัวของร่างหนาที่แย้มรอยยิ้มน้อยๆให้แก่ผู้เป็นย่า
“ดีขึ้นมากแล้วขอรับ หลานอกตัญญูแล้วที่ทำให้ท่านย่าต้องร้อนใจเช่นนี้”
”ไม่ลูก ไม่จริงเลย ขอเพียงเจ้าอยู่ดีปลอดภัย ก็เป็นการกตัญญูต่อย่าที่สุดแล้ว อาหลางของย่า” ราวกับมีน้ำทิพย์ที่มารินรดชโลมจิตใจของผู้ชราที่หลานผู้ที่เป็นตัวแทนของบุตรชายของตนยังสามารถยิ้มให้นางได้ และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ที่ช่วยชีวิตหลานชายของตนยืนมองอยู่ นางจึงหันไปมองยังร่างบางด้วยเเววตาซาบซึ้ง
“ขอบใจมากท่านหมอ ที่ช่วยชีวิตของอาหลางเอาไว้ เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทนขอให้จงเอ่ยปาก หากไม่ใช่เรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินแล้ว ข้าฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูลเช่อ ขอรับปากว่าจะมอบให้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย”
“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า สิ่งที่ข้าต้องการเป็นการตอบแทนนั้น ก็คือ..ข้าต้องการให้หลานชายของท่านแต่งข้าเป็นฮูหยินของเขาเจ้าค่ะ” เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่รับปากหนักแน่นอย่างคนที่เป็นผู้นำของหญิงชราตรงหน้า ทำให้หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยความต้องการของตนออกมา สองตาดำขลับจับจ้องไปยังร่างหนาที่นั่งฟังและจับจ้องมายังนางอย่างไม่วางตา คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินในสิ่งที่นางเอ่ย
“อะไรนะ!เอ่อ ท่านหมอ ใช่ว่าข้าจะผิดคำพูด แต่สิ่งที่ท่านขอนั้น คือ..” ฮูหยินผู้เฒ่าอึกอักอย่างเสียกิริยา หางตาแอบเหลือบมองไปยังร่างหนาของหลานชายของตนที่นางรู้ดีว่า ชายหนุ่มรังเกียจเหล่าหญิงสาวที่พยายามเสนอตัวมาให้ยิ่งนัก ดูท่าว่าครานี้หมอหญิงที่นางถูกชะตาด้วยผู้นี้คงจะต้องถูกพายุโทสะของชายหนุ่มเป็นแน่
ถึงแม้ว่านางอยากจะอุ้มเหลนตัวน้อยๆจากชายหนุ่มเพียงใด แต่นางก็ไม่อยากจะบังคับจิตใจของเขา สิ่งที่นางทำได้ก็เพียงคอยภาวนาให้ชายหนุ่มได้พบเจอสตรีที่ถูกใจและมีเหลนให้อุ้มก่อนที่นางจะลาจากโลกนี้ไป เมื่อมีเพียงความเงียบจากร่างหนาที่นั่งนิ่งอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่แทบจะถอดแบบมาจากบุตรชายของตนอย่างแปลกใจ
“เจ้ามีจุดประสงค์ใดที่ต้องการจะแต่งกับข้า บอกกล่าวให้ข้าฟังได้หรือไม่ หากเจ้ามีเหตุผลที่ดีพอ ข้าจะยอมแต่งด้วย” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมานั้นทำให้ผู้ชราและเพื่อนสนิทต่างก็พากันอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ที่นอกจากชายหนุ่มจะไม่มีโทสะเช่นในทุกครา ที่มีหญิงสาวจากตระกูลต่างๆมากหน้าหลายตาพยายามเข้าหาเพื่อเสนอตัวที่จะเข้ามาเป็นฮูหยินของเขาแล้ว กลับยังต้องการจะฟังเหตุผลจากหญิงตรงหน้าอีกด้วย