บุตรชายของเรา

1155 Words
“ท่านย่า เหอชาน ข้าขอคุยกับนางแค่สองคนก่อนจะได้มั้ยขอรับ” เมื่อเห็นว่าเหอชานประคองผู้เป็นย่าของตนออกไปจากห้องและทำการปิดประตูให้เรียบร้อย ชายหนุ่มจึงหันมามองยังร่างบางที่ทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้และหันหน้ามาทางเขาอย่างคนที่เตรียมพร้อมที่จะเจรจา ”ว่ามาสิ” “ที่ข้าต้องการให้ท่านแต่งข้าเป็นฮูหยินนั้นเหตุผลก็คือ อาจจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ท่านจะเชื่อหรือไม่ว่า ท่านคือบิดาของบุตรชายที่ข้าตามหา” หญิงสาวเอ่ยออกมาตามตรงอย่างไม่รู้ว่าจะอ้อมค้อมเช่นไร ก่อนที่สองตาดำขลับของนางจะกระพริบถี่อย่างแปลกใจนึกว่าตนกำลังตาฝาดไป เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมีริ้วสีแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสิ้นคำเอ่ยของนาง และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มอาจจะกำลังเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อผิดไป นางเบิกสองตากว้างขึ้นก่อนจะรีบเอ่ยอธิบายออกมาอย่างร้อนรน “เอ่อ ข้าหมายถึงว่าท่านเป็นบิดาของอาซู่บุตรชายของข้า” “หมายความว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่อย่างนั้นหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเมื่อเริ่มเข้าใจว่า สตรีตรงหน้าอาจจะกำลังตั้งครรภ์กับชายอื่นอยู่ และคิดจะฉวยโอกาสนี้ให้เขารับเป็นบิดาแทน ความผิดหวังอันแปลกประหลาดจู่โจมขึ้นมาในความรู้สึก จนชายหนุ่มเผลอปล่อยแรงกดดันออกมา “ไม่ใช่! ข้าไม่ได้ตั้งครรภ์ ข้าจะอธิบายยังไงดี อ้อ คืออย่างนี้นะ ข้ากำลังตามหาชายที่มีธาตุหยางลึกล้ำและท่านก็คือคนผู้นั้น เพราะบุตรชายของข้าจำเป็นที่จะต้องใช้เลือดของบิดาที่มีธาตุหยางลึกล้ำมาผสมกันกับเลือดของข้าที่มีธาตุหยินเต็มเปี่ยม เขาจึงจะสามารถมาถือกำเนิดในครรภ์ของข้าได้ในวันที่จะเกิดพระจันทร์สีเลือดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ข้าจึงจำเป็นที่จะต้องแต่งกับท่าน เพราะหากท่านไม่ยอมรับข้าเป็นคู่ผูกผมอย่างถูกต้อง มีฟ้าดินรับรู้เลือดของท่านก็จะไม่สามารถใช้ได้ ท่านเข้าใจหรือไม่ ท่าน!” หญิงสาวเอ่ยถามย้ำเมื่อเห็นคนตรงหน้านั่งจ้องหน้านางนิ่งโดยที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำใดออกมา “เรียกข้าว่าพี่หลาง” “ฮะ! ท่านว่าอะไรนะ” หญิงสาวรู้สึกงงกับคำกล่าวของเขาที่เอ่ยออกมาคนละเรื่องกับสิ่งที่นางกำลังบอกเล่าให้เขาฟัง “หากจะแต่งงานกัน เจ้าก็จะต้องเริ่มเรียกข้าว่าพี่หลาง และเราจะต้องบอกกับคนอื่นๆว่า เจ้าเป็นคนรักของข้าที่พึ่งจะแสดงตัวออกมา จะได้ไม่มีใครสงสัย ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร” “เอ่อ ว่านถิง” ถึงจะยังงงๆอยู่แต่นางก็ตอบคำถามของเขา “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเรียกเจ้าว่า ว่านว่าน ตกลงตามนี้” “หมายความว่าท่านจะยอมแต่งงานกับข้าอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างยินดีที่ชายหนุ่มตรงหน้ายอมเข้าใจสิ่งที่นางบอกไปอย่างว่าง่าย จึงคิดจะตอบแทนเขาด้วยการอธิบายรายละเอียดของแผนการที่ตนคิดเอาไว้ “ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ หลังจากคืนพระจันทร์สีเลือดไปแล้ว เราแค่จะต้องหยดเลือดรวมกันในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงอีกแค่สามครั้งเท่านั้น อาซู่ก็จะได้รับพลังเต็มเปี่ยมจนสามารถมาจุติในครรภ์ของข้า หลังจากนั้นข้าก็จะหย่าให้ท่านๆจะได้เป็นอิสระ ข้าให้คำสัตย์ว่าจะไม่เรียกร้องสิ่งใดจากท่านเด็ดขาด ส่วนเรื่องงานแต่ง ขอแค่ได้ไหว้ฟ้าดินให้เบื้องบนเป็นพยานและรับรู้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องให้ใครรู้เรื่องของเราก็ได้ เพราะหากท่านมีคนรัก ข้าคิดว่าท่านก็คงจะไม่อยากที่จะให้นางได้รับรู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่” หญิงสาวกล่าวทุกอย่างที่ได้คิดวางแผนเอาไว้ให้คนตรงหน้าฟัง โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ายามนี้ชายหนุ่มเริ่มมีสีหน้าที่มืดคล้ำเพียงใด เช่อหลางนั่งฟังร่างบางที่เอ่ยแผนการของนางออกมาอย่างยินดีด้วยใบหน้าอย่างคนที่กำลังมีโทสะ ‘!ดูเอาเถิด ยังไม่ทันได้แต่งกันเลย นางกลับวางแผนที่จะหย่าขาดและไปจากเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไหนจะเรื่องบุตรชายที่นางเอ่ยถึงอีก นางคิดที่จะพาบุตรชายของเขาจากไปโดยที่ไม่คิดที่จะนึกถึงผู้เป็นบิดาเช่นเขาเลยหรือไงกัน!!’ “ข้ายังไม่มีคนรัก! อีกอย่างเจ้าคิดที่จะจากข้าไปในยามที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่คิดหรือว่าเจ้าอาจจะพาบุตรของข้าไปลำบาก” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกล่าวออกมา นางจึงเข้าใจไปว่าชายหนุ่มคงจะเป็นห่วงบุตรชายที่มีสายเลือดของเขาอีกครึ่งนึงเป็นแน่ หญิงสาวจึงรู้สึกชื่นชมในตัวของคนตรงหน้ายิ่งนัก เขาช่างเหมาะสมที่จะเป็นบิดาของอาซู่จริงๆ “ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่พาลูกไปลำบากอย่างแน่นอน เพราะอันที่จริงข้าก็พอจะมีกิจการเป็นของตัวเองที่เมืองที่เป็นบ้านเกิดอยู่ เพราะฉะนั้นข้าสามารถเลี้ยงดูเขาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ใด ท่านอย่าได้เป็นห่วง” “เอาอย่างนี้เถิด หลังจากที่ทุกอย่างสำเร็จและอา..ซู่ ได้มาจุติได้แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีดีหรือไม่” ว่านถิงยิ้มอย่างยินดีที่ชายหนุ่มจำชื่อบุตรของตนได้ นางจึงเลิกใส่ใจคำกล่าวของชายหนุ่ม เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงนางก็ต้องจากไปในทันทีที่บุตรชายสามารถลงมาจุติได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนตรงหน้ากำลังครุ่นคิดแผนการที่จะขัดขวางไม่ให้นางจากเขาไป “ว่าแต่เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่า’เรา’จะมีบุตรชายมิใช่บุตรสาว” เช่อหลางกล่าวอย่างสงสัยในความมั่นใจของร่างบางที่เอ่ยถึงบุตรชายตลอดเวลา “โธ่ ต้องเป็นบุตรชายสิเจ้าคะ เอ ข้าไม่แน่ใจว่าท่านจะเห็นเขาหรือไม่ ลองดูก็แล้วกัน” หญิงสาวไม่ได้เอะใจในคำกล่าวของเขาที่เน้นคำว่า’บุตรชายของเรา’ เพราะมัวแต่ครุ่นคิดว่าเขาจะสามารถมองเห็นอาซู่ของนางหรือไม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD