เหยียนน่าเอ่ยถามผู้เป็นน้าของตนอย่างไม่พอใจ นางหรืออุตส่าห์เร่งรีบมาที่นี่ทันทีที่ได้รับข่าว ที่น้าสาวของตนให้คนไปส่งว่าเช่อหลางได้รับบาดเจ็บหนักเป็นตายเท่ากันและถูกนำตัวกลับมาที่จวน แต่เมื่อมาถึงกลับพบเพียงน้าของตนที่กำลังอาละวาดใส่พวกบ่าวไพร่อยู่ จึงได้รับรู้ถึงเรื่องที่ชายหนุ่มที่ตนหมายปองมาหลายปีกำลังจะตบแต่งกับหญิงสาวแปลกหน้า ราวกับถูกมีดกรีดลงกลางใจ นางจึงรีบมาดูหน้าของนังหญิงที่มันใจกล้าหน้าด้านที่คิดจะมาแย่งคนของตน ทั้งๆที่นางเฝ้าวนเวียนอยู่รอบกายมาตั้งหลายปีเพื่อให้ชายหนุ่มหลงรักและยอมแต่งนางเป็นฮูหยิน แต่อยู่ดีๆกลับมีคนคิดจะมาหยิบเอาชิ้นปลามันไป หากจะยอมง่ายๆมันก็ไม่ใช่คนเช่นนางแล้ว
“อย่าชะล่าใจไปนะเหยียนน่า ไม่แน่ว่านางอาจจะมีมนต์ตราใดที่ทำให้เช่อหลางลุ่มหลงก็เป็นได้ มิเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะยอมออกปากมาเองเลยว่าจะแต่งกับนาง ทั้งๆที่เขาก็ยังรักกันกับเจ้าอยู่แท้ๆ” เหยียนน่าทำท่าจะเอ่ยขัดคำพูดของผู้เป็นน้า แต่กลับเห็นอาการขยิบตาส่งมาให้ ทำให้นางรีบเก็บถ้อยคำคัดค้านของตนปล่อยให้ผู้เป็นน้าเอ่ยคำพลิกดำเป็นขาวต่อไป บ่าวที่กำลังจะปลีกกายออกไปเพื่อไปแจ้งให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องที่เกิดขึ้น กลับต้องชะงักค้างอยู่กับที่เมื่อเห็นสายตาอำมหิตกดดันที่เหยียนเชียนส่งมาหา
“ข้าว่าหากพวกท่านไม่พอใจในงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ก็ควรจะไปถามไถ่เอากับพี่หลางหรือฮูหยินผู้เฒ่าจะดีกว่า เพราะหากคิดจะมาคาดคั้นเอากับข้ามันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะไม่ว่ายังไงงานแต่งครั้งนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนแม่นาง ข้าขอให้ท่านเก็บเอาเงินทองของท่านไปซื้อคนอื่นเถิด เพราะข้าไม่ได้ต้องการเงินทองพวกนี้ สิ่งที่ข้าต้องการก็คือได้แต่งงานกับเขา” ว่านถิงเอ่ยขึ้นมาตามตรง เพราะดูแล้วสองน้าหลานคู่นี้คงเพียงต้องการจะมาป่วนนางเฉยๆเท่านั้น เพราะคงจะไม่กล้าที่จะไปป่วนผู้อื่นเป็นแน่ แต่ก็น่าเสียดายที่นางเองก็หาใช่คนที่จะยอมให้ผู้ใดมาข่มเหงกันได้ง่ายๆเช่นกัน
“นัง!นังหน้าด้าน! นี่แกกล้าพูดขนาดนี้เลยหรือ ถ้าไม่เจ็บตัวแกก็คงจะไม่ยอมไปดีๆใช่มั้ย” ร่างบางในชุดกระโปรงสีสดพุ่งเข้าไปหาหญิงสาวในทันที
เหยียนน่านางเป็นผู้ฝึกวรยุทธคนหนึ่ง ซึ่งมีหญิงสาวจำนวนไม่มากที่จะสามารถได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้ เช่นเดียวกันกับหมอหญิงที่หาได้ยากนักในแผ่นดิน แต่ว่านถิงเองนางก็หาใช่คนไร้เขี้ยวเล็บ หาไม่แล้วมีหรือที่นางจะกล้าแรมรอนมาตามหาบิดาให้บุตรของตนเพียงลำพังเช่นนี้ ร่างบางขยับกายหลบกรงเล็บที่หมายมาดมายังลำคอของนาง ทำให้เหยียนน่ายิ่งมีโทสะ นางจึงวาดมืออีกข้างฟาดลงไปแต่ก็พลาดเป้าอีกครา คราวนี้นางจึงฉวยเอากระบี่อ่อนที่ซ่อนอยู่ตรงเอวของตนออกมาและเริ่มลงมือฟาดฟันไปยังร่างบางทันที
ว่านถิงเบี่ยงกายหลบและตัดสินใจกระซิบบอกให้อาซู่ไปตามผู้เป็นบิดา จุดประสงค์ก็เพื่อให้เขามาหยุดยั้งหญิงงามที่เป็นคนรักของตนให้เลิกหาเรื่องนางเสียที จากนั้นจึงฉวยเอาคันร่มที่วางอยู่ขึ้นมารับคมดาบของเหยียนน่า
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงตวาดดังขึ้นมาพร้อมกับมีดสั้นที่ถูกขว้างเข้ามาขวางทางดาบอ่อน ที่กำลังฟาดฟันลงมายังว่านถิงที่เสียหลักล้มลง แรงปะทะของมีดสั้นที่ขว้างมาด้วยกำลังภายในที่รุนแรง ทำให้ดาบอ่อนหลุดออกจากมือของเหยียนน่าทันที ทั้งหมดจึงหันไปมองยังที่มาของมีดและเสียงตวาดนั้น
“พี่หลาง” เมื่อถูกสายตาคมกริบนั้นจับจ้องมา เหยียนน่าที่เคยคิดว่าอยากจะมีตัวตนอยู่ในสายตาของชายหนุ่มเพียงสักครั้งกลับต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นความอำมหิตพาดผ่านแววตาที่เคยเฉยชาคู่นั้น
“ว่านว่าน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เช่อหลางเดินเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนที่มือหนาจะประคองร่างบางขึ้นมามองสำรวจอย่างเป็นกังวล ก่อนจะหันไปใช้สายตาคมกริบของตนจับจ้องไปยังสองน้าหลานที่ยืนมองอยู่อย่างหวาดระแวง
“ฮูหยินรอง คุณหนูเหยียนน่า ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีคำอธิบายที่ดีมากพอ ว่ามาทำอะไรกันที่เรือนพักของว่าที่ฮูหยินของข้า” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างกดดันจนทั้งคู่แทบจะร่ำไห้ออกมา
ฝ่ายเหยียนน่าที่ยิ่งได้เห็นการกระทำอันอ่อนโยนที่ชายหนุ่มแสดงออกมาต่อสตรีตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงนำมาซึ่งความอิจฉาริษยาที่พุ่งสูงขึ้นอยู่ในอกจนแทบจะกระอักเลือดออกมา นางจึงไม่คิดที่จะสงวนกิริยาอีกต่อไป แม้ว่าจะถูกผู้เป็นน้าคอยยื้อยุดอยู่ก็ตาม
“พี่หลาง!ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงได้คิดจะตบแต่งกับหญิงผู้นี้ ทั้งที่นางก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่พิเศษหรือดีมากกว่าข้าสักนิด มิใช่ว่าท่านจะต้องมนต์เสน่ห์ของนางเข้าหรอกหรือ”
“เหยียนน่า จะพูดจาสิ่งใดก็ช่วยให้เกียรติฐานะของนางด้วย เจ้าคิดหรือว่าคนเช่นข้าจะถูกผู้ใดร่ายมนต์ใส่ได้ง่ายๆ!” เมื่อถูกสายตาที่มองมาอย่างเชือดเฉือนนั้นทำให้นางต้องชะงักคำกล่าวของตน ด้วยความผิดแต่หนหลังที่ยังคงเป็นชนักติดหลังอยู่
‘ใช่!’
คนอย่างเช่อหลางนั้น หากเขาไม่เต็มใจมีหรือที่จะยอมให้หญิงใดเข้าใกล้ได้ แต่ยามนี้หากดูจากอากัปกิริยาที่เกาะกุมจนแทบจะโอบกอดหญิงผู้นั้น ก็พอที่จะบ่งบอกได้ถึงความสำคัญของนางในใจของเขาได้ดีกว่าคำกล่าวใดๆ
“ท่าน! ทำไมกัน ทั้งๆที่ข้ามาก่อนแต่ทำไมท่านถึงไม่เหลียวแลข้าบ้าง ทำไม” หญิงงามน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บใจ ในสมองมีแต่คำถาม
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ว่าข้าไม่เคยมีใจให้เจ้า ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือในอนาคต” เสียงทุ้มที่กล่าวขึ้นมาแทรกซ้อนกับเสียงลอยตามลมมาเข้าสู่โสตประสาทของเหยียนน่า ราวกับว่าชายหนุ่มเคยบอกกล่าวกับนางเช่นนี้มานับร้อยนับพันปีแล้ว