“ต้องขออภัยท่านแม่ใหญ่แทนนางด้วยนะขอรับ เช่อหลางลุงต้องขอโทษเจ้าแทนป้ารองของเจ้าด้วยนะ อย่าถือสานางเลย ที่นางกล่าวมาก็ด้วยความหวังดีต่อตัวเจ้าทั้งนั้นนะอาหลาง”
“เอาเถิด วันนี้ถือว่าเป็นวันดี เราอย่ามัวใส่ใจกับเรื่องไร้สาระอยู่เลย ว่าแต่ยามนี้เจ้าพักอยู่ที่ใดหรือว่านเอ๋อร์” หญิงชราเอ่ยถามว่าที่หลานสะใภ้ของตนอย่างมีเมตตา
ยามนี้ในสายตาของผู้ชรามีแต่ความยินดีอย่างปิดไม่มิด หลานสะใภ้ที่นางรอคอยมานานมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ความเมตตาเอ็นดูที่มีให้หลายชายคนโปรดอย่างมากล้นอยู่เสมอๆก็เลยแบ่งปันมาให้แก่ร่างบางตรงหน้าอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ เพราะนางถือคติที่ว่า หากอาหลางของนางรักใครนางก็ย่อมรักคนๆนั้นด้วย อีกทั้งนางยังเชื่อถือในสายตาและเคารพในการตัดสินใจของหลานชายของตนอยู่เสมอ ว่าเขาจะต้องตาถึงและย่อมจะต้องคว้าคนดีมาเป็นหลานสะใภ้ให้แก่นางอย่างแน่นอน
“ข้าพึ่งมาถึงจึงยังไม่มีที่พักเจ้าค่ะ เป็นเพราะข้ารอนแรมมาเพื่อช่วยรักษาเอ่อ..พี่หลาง” ยามเอ่ยเรียกคนข้างกายเช่นที่เขากำชับไว้ ในใจก็กระตุกอย่างขัดเขิน นางจึงกล่าวอย่างติดขัดอยู่บ้างเล็กน้อย
“ยามนี้ในเมื่อเขาดีขึ้นแล้ว ข้าจึงคิดว่าจะออกไปหาเช่าโรงเตี๊ยมเพื่อพักอาศัยอยู่ชั่วคราวเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พักอยู่เสียที่จวนของเราเถิด ห้องหับที่นี่ก็มีตั้งมากมาย จะออกไปเสียเงินเสียทองให้สิ้นเปลืองทำไมกัน แล้วในวันแต่งเจ้าคิดว่าจะแจ้งให้บิดามารดาของเจ้าทราบเช่นไร” สิ้นเสียงคำถามของหญิงชราใบหน้าหวานก็ปรากฎแววสลดวูบลงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาคู่คมที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลาของชายหนุ่ม
“ข้า..ไม่มีทั้งพ่อและแม่เจ้าค่ะ“ เสียงหวานมีร่องรอยแห่งความเศร้ากล่าวออกมา จนฮูหยินผู้เฒ่าให้นึกสงสาร
“โธ่! จริงหรือนี่ เอาเถิดในเมื่อเจ้ากำลังจะแต่งเข้าสกุลเช่อของเราแล้ว ข้าก็จะขอให้เจ้าถือเสียว่าที่นี่เป็นบ้านใหม่ของเจ้าเสียก็แล้วกันนะ นับแต่นี้เจ้าก็คือลูกหลานของจวนนี้ คือหลานของข้าอีกคน เข้าใจหรือไม่” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองหญิงชราตรงหน้าอย่างตกตะลึง ที่นอกจากนางจะไม่รังเกียจแล้ว นางยังจะยอมรับหญิงที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนางเข้าสกุลอีกหรือ ถึงแม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นการแต่งเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นใจในความเมตตาของหญิงชราตรงหน้ายิ่งนัก ร่างบางจึงโขกศรีษะลงตรงปลายเท้าของผู้ชราก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากนะเจ้าคะ ขอบคุณในความเมตตาที่มีให้แก่ข้าน้อยเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด“ หลังจากนั้นนางก็สั่งให้บ่าวไพร่ช่วยกันจัดแจงที่พักให้แก่หญิงสาว ซึ่งเป็นเรือนเล็กที่ใช้รับแขกที่อยู่เยื้องกันกับเรือนของชายหนุ่ม
เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายทุกคนจึงพากันแยกย้ายกลับเรือนใครเรือนมัน เหลือเพียงสองย่าหลานที่ยังนั่งคุยกันอยู่
“เจ้ามีอะไรก็บอกย่ามาเถิดอาหลาง”
“ขอรับ” ชายหนุ่มที่ไม่เคยมีเรื่องใดปิดบังต่อผู้เป็นย่าจึงค่อยๆเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นางฟัง หญิงชราเมื่อรับรู้ถึงเรื่องราวทุกอย่างก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลดปลง นางหลงอุตส่าห์ดีใจคิดไปว่าตนคงจะได้อุ้มเหลนสมใจแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะสลับซับซ้อนเช่นนี้
“แล้วเจ้าจะยอมให้นางอุ้มท้องบุตรของเจ้าจากไปอย่างนั้นหรืออาหลาง” เมื่อถามออกไปก็พลันได้เห็นแววตาที่เป็นประกายแข็งกล้าชนิดหนึ่งของหลานชายของตน ทำให้รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นบนใบหน้าที่มีริ้วรอยตามกาลเวลานั้นทันที
“ดี!ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลเช่อ ถ้าอย่างนั้นย่าจะช่วยเจ้าอีกแรง หลานสะใภ้และเหลนของข้าจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป” สองย่าหลานมองสบตาอย่างเข้าใจกัน ต่างคนต่างรับรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ต้องเอ่ยแม้แต่คำเดียว หากมีผู้ใดได้มาเห็นย่อมจะต้องคิดว่า ช่างสมแล้วที่ทั้งสองได้เกิดมาเป็นย่าหลานกัน!
ส่วนทางด้านของว่านถิงที่ยามนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คุกรุ่น เมื่อมีหญิงงามนางหนึ่งได้เข้ามาถึงในห้องพักที่บ่าวไพร่ช่วยกันจัดให้เป็นที่พักของนางด้วยโทสะ
“นี่น่ะหรือ หญิงงามเมืองที่ท่านน้าบอกว่าคิดที่จะจับพี่หลาง ที่แท้หน้าตาก็ธรรมดาเช่นหญิงชาวบ้านทั่วไปเช่นนี้ กลับกล้าที่จะใฝ่สูงเกินตัว รีบบอกข้ามาว่าเจ้าต้องการเงินทองเท่าไหร่ ข้าจะมอบให้แล้วรีบไสหัวของเจ้าไปจากที่นี่ซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้าย” น้ำเสียงที่อ่อนหวานผิดกันไกลกับคำกล่าวรุนแรงที่ออกมาจากริมฝีปากที่มีสีแดงสดอย่างน่ามองนั้น ทำให้ว่านถิงที่ตะลึงมองใบหน้างามต้องกระพริบตาถี่ๆเรียกสติของตนให้กลับมาพิจารณาคำกล่าวของตนตรงหน้า
“ท่านว่าอย่างไรนะ” ด้วยใบหน้านั้นช่างสามารถล่อลวงผู้คนให้ตกหลุมแห่งความงามได้ดียิ่งนัก หากแต่คำกล่าวที่หลุดออกมากลับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของความเป็นคนอย่างรุนแรง ทำให้หญิงสาวนึกถึงคำเปรียบเปรยที่ว่า’สวยแต่รูปยามจูบเหม็นโฉ่’ขึ้นมาในทันที ซึ่งคำกล่าวนี้ มักจะใช้เปรียบเปรยถึงดอกไม้ที่มีความงาม แต่พอคิดที่จะดมกลิ่นกลับพบแต่ความเหม็นเน่า ดังสตรีรูปงามนางนี้ที่เอ่ยวาจาที่บ่งบอกถึงจิตใจที่น่าเกลียดผิดกับรูปร่างหน้าตาที่งดงามจับใจของตนไปคนละทาง
“หึ นอกจากจะมีหน้าตาที่ธรรมดาไร้ความงามดึงดูดแล้ว เจ้ายังพิการอีกหรือ นี่น่ะหรือเจ้าคะท่านน้า คนที่ท่านบอกว่าพี่หลางถึงกับออกปากเอ่ยว่าจะแต่งนางเป็นฮูหยินด้วยตนเอง ทำไมพี่หลางถึงได้ตาต่ำเช่นนี้ได้”