คนรักที่พึ่งปรากฏ

1142 Words
“อาซู่ ตื่นอยู่หรือไม่ ออกมาหาแม่หน่อยเถิด อาซู่” ชายหนุ่มทอดสายตามองร่างบางที่เอ่ยเรียกบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนด้วยแววตาที่ชื่นชม เพียงครู่เดียวเขาก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นร่างเล็กๆที่จ้ำม่ำผิวขาวผ่องค่อยๆปรากฎขึ้นในอ้อมแขนของหญิงสาว “ท่านแม่ ข้าง่วง” เสียงเล็กเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนจะซุกกายเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นมารดา “อาซู่ เจ้าไม่อยากจะรู้หรือว่าใครนั่งมองเจ้าอยู่” ว่านถิงเขย่ากล่อมร่างจ้ำม่ำในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะเอ่ยอย่างหยอกเย้า เพราะรู้ดีว่าเด็กน้อยอยากจะเจอผู้เป็นบิดามากเพียงใด “ใครหรือขอรับ จะมีใครมองข้าเห็นนอกจากท่านแม่กับท่านพ่อ หือ!ท่านพ่อ” ร่างเล็กลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมองสบตากับผู้เป็นบิดาที่นั่งมองเขาอยู่ นัยน์ตาคมทั้งสองคู่ที่คล้ายคลึงกันราวกับว่ามีสายใยที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน ร่างเล็กจ้ำม่ำค่อยๆลอยออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นมารดาพุ่งไปยังตักกว้างของชายที่เป็นบิดาแทน “ท่านพ่อ อาซู่คิดถึงท่านพ่อขอรับ” เสียงเล็กที่พูดขึ้นดึงสติที่กำลังเลื่อนลอยของชายหนุ่มให้กลับคืนมา มือหนาจึงยกขึ้นโอบอุ้มเอาร่างจ้ำม่ำนั้นเข้าสู่อ้อมแขนก่อนจะยกมือขึ้นลูบลงบนใบหน้าน้อยๆที่มีจมูกนิดปากหน่อยอย่างน่าเอ็นดู รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเอ่ยกับบุตรชายที่เขาไม่ทันคิดฝันว่าจะมี “บิดาก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน อาซู่น้อยๆของข้า” ใบหน้าเล็กซุกเข้ากับอกแกร่งอย่างโหยหา เมื่อได้มาอยู่ในอ้อมกอดของบิดาเช่นนี้ร่างเล็กที่เคยเลือนลางในยามกลางวันกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกถึงความสมบูรณ์พร้อมของหยินหยางที่ได้มาเคียงข้างกัน จึงสามารถสร้างชีวิตอันงดงามให้ก่อเกิดขึ้นมาได้ เมื่อสามารถตกลงและเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ชายหนุ่มจึงปล่อยให้หญิงสาวช่วยพันผ้าลงบนแผลเล็กๆที่เกิดจากการถูกลูกธนูที่ศัตรูยิงมาถากกายเขา อีกทั้งเพื่อป้องกันการถูกผู้คนสงสัยหากแผลของชายหนุ่มจะหายเร็วเกินไป ก่อนจะจับจูงร่างบางเดินออกมาจากห้อง เพื่อจะแจ้งให้ทุกคนได้รับทราบว่าเขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกับนาง “หลานต้องขออภัยท่านย่าและท่านลุงกับท่านป้าทุกๆท่าน ที่ปิดบังเรื่องของว่านว่าน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าเกือบจะต้องลาจากโลกนี้ไป มันทำให้ได้รู้ว่าชีวิตของคนเรานั้นแสนสั้นยิ่งนัก ข้าจึงอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับหญิงที่ข้ารัก ดังนั้นขอท่านย่าได้โปรดเมตตาจัดงานแต่งให้เราทั้งสองด้วยเถิดนะขอรับ” ว่านถิงเกือบจะหลุดปรบมือให้กับร่างหนาข้างกายเสียแล้ว ด้วยนึกไม่ถึงว่าเขาจะแสร้งเล่นละครว่ารักกันกับนางอย่างหวานซึ้งได้เนียนขนาดนี้ หากนางเป็นผู้อื่นคงจะต้องหลงเชื่อลมปากของเขาอย่างแน่นอน ก็ดูเอาเถิด ทั้งสายตาทั้งมือหนาที่กุมมือเล็กของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย หากใครมีตาย่อมมองเห็นและรับรู้ถึงความรักของเขาที่เเสดงออกมาอย่างแน่นอน “ย่อมได้อาหลาง ย่าจะจัดการจัดงานให้พวกเจ้าอย่างเร็วที่สุด ในที่สุดวันนี้ที่ข้ารอคอยก็มาถึงเสียที ขอบคุณสวรรค์”ฮูหยินผู้เฒ่ามีหรือจะขัดใจหลานชายคนโปรด หญิงชรามีแต่จะรีบรับปากทั้งยังมีเค้าโครงของงานแต่ง ที่จะจัดให้ทั้งคู่ผุดขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็วทันใจ ราวกับว่านางได้คิดตระเตรียมเรื่องนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้เป็นร้อยเป็นพันรอบแล้ว “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าว่าเราควรจะตรวจสอบพื้นเพของหญิงผู้นี้ดูเสียหน่อยนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ต้นตระกูลมาจากไหน เกิดเป็นพวกชนชั้นล่างขึ้นมา จะไม่ดีกับหน้าตาของตระกูลของเรานะเจ้าคะ” ยังคงเป็นสะใภ้รองเหยียนเชียนที่เอ่ยขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ทั้งยังใช้สายตาเหยียดหยามดูแคลนจ้องมองไปยังร่างบางของว่านถิงที่นั่งเคียงข้างชายหนุ่ม ‘หึ!นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมก้อนหินเย็นชาอย่างหลานชายของสามีของตน ที่ไม่เคยชายตามองหญิงใด จู่ๆเกิดนึกที่จะแต่งงานขึ้นมาในยามนี้ หรือว่าการบาดเจ็บในครั้งนี้จะกระทบกระเทือนไปถึงสมองในส่วนที่เคยเย็นชาของเขาจนแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว ทีเมื่อก่อนนางทั้งเปิดทางทั้งวางแผนจับคู่ให้กับหลานสาวจากบ้านเดิมของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มกลับไม่เคยสนใจใยดีทั้งยังปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยอีกต่างหาก แต่ยามนี้กลับมาบอกว่าไปแอบถูกตาต้องใจหญิงสาวหน้าตาบ้านๆที่นางไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดพิเศษกว่าหญิงอื่นสักนิด ช่างหูตาพร่ามัวเสียจริง!’ “ต้องขอขอบคุณในความห่วงใยของท่านป้ารองที่มีต่อตระกูลของเรา แต่แม้แต่ท่านย่าที่เป็นผู้นำสูงสุดก็ยังไม่คัดค้านใดๆ แล้วท่านที่เป็นเพียงแค่ฮูหยินของตระกูลสายรองมีสิ่งใดให้ต้องกังวลกัน อีกอย่างข้ารักนางที่เป็นนางหาใช่รักเพราะนางมาจากตระกูลสูงหรือต่ำ และไม่ว่านางจะมาจากที่ใด หากแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินของข้า นางก็ย่อมมีเกียรติเท่าเทียมกันกับข้า ขอท่านจงเข้าใจไว้ด้วย” “เช่อหลาง!ท่านพี่ดูหลานชายของท่านสิเจ้าคะ ไม่ไว้หน้าข้าเลยสักนิด ที่ข้าพูดไปก็เพราะเป็นห่วงนะเจ้าคะ” เมื่อได้ฟังถ้อยคำร้ายกาจของชายหนุ่ม เหยียนเชียนก็หน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายจึงหันไปเรียกหา’เช่อกู่’สามีของตนเพื่อหากำลังเสริม แต่ชายวัยกลางคนนั้นกลับหันมาส่งเสียงตำหนิ ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่นางมากยิ่งขึ้น “พอเถิดฮูหยิน เงียบได้แล้ว” “ท่านพี่! หึ ข้าขอตัวเจ้าค่ะ” เมื่อร่างบางที่ยังงดงามเช่นคนที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดีหันหลังเดินจากไป เช่อกู่ก็ประสานมือขึ้นคำนับต่อฮูหยินผู้เฒ่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD