บังเอิญ

1472 Words
ฉันกลับมาถึงห้องพักได้ไม่นานก็รีบไปอาบน้ำทันทีเลยล่ะค่ะ ฉันมีความรู้สึกว่าตลอดทางที่มามีคนตามฉันอยู่ตลอด แต่พอหันไปมองก็ไม่ได้เจอใครเลยนะคะ บางทีฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุดของฉันอยู่ ฉันว่าฉันจะออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตในตอนเช้าสักหน่อยค่ะ อยู่ที่นี่พอไม่มีวาคีนแล้ว ฉันก็ต้องทำอาหารเองค่ะ กินได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ไม่เป็นไรค่ะเพราะยังไงคนที่ได้กินก็มีเพียงแค่ฉันอยู่คนเดียว ฉันอาบน้ำเสร็จก็เปิดดูซีรีส์ จนผล็อยหลับไป ชีวิตของฉันวันๆ ก็นอน กิน เที่ยว ทำงาน และก็ยังมีเวลาพักผ่อนอีกด้วยค่ะ ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน อากาศที่นี่ก็กำลังดีอย่างที่ฉันชอบด้วยค่ะ ฉันรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า และเตรียมแต่งตัวที่จะออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตในตอนเช้า เพราะฉันไม่ค่อยชอบที่คนเยอะค่ะถ้าออกไปสายหน่อยคนก็จะเริ่มเยอะมากขึ้น ฉันหันมองรอบห้องอีกครั้งว่าเรียบร้อยดี แล้วถึงเดินออกมานอกห้องกะว่ากลับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็จะกลับมาเก็บกวาดห้องเสียหน่อยค่ะ วันนี้ฉันใส่ชุดค่อนข้างสบายเลยค่ะล่ะ ฉันใส่เสื้อเกาะอกสีดำ เข้ากับกางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีขาวเพราะอากาศไม่ได้หนาวมากเท่าเมื่อวานเป็นความรู้สึกส่วนตัวของฉันนะคะ ฉันเดินออกมาเรื่อยๆ ค่ะด้วยความที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเองก็เลยจากคอนโดของฉันไปไม่มาก และวันนี้ฉันไม่ได้มีธุระไปไหนฉันเลยเลือกวิธีเดินค่ะ ถือว่าได้ออกกำลังกายและเดินชมเมืองไปในตัวด้วย อากาศก็ไม่ได้ร้อนอย่างที่บอกไปในตอนแรก ฉันหยิบหูฟังขึ้นมาใส่มันเข้าไปในหูของฉัน เปิดเพลงฟังคลอเบาๆ ดูบรรยากาศรอบเมืองไปด้วยขณะที่กำลังเดินไปซูเปอร์มาเก็ตค่ะ "สวัสดีค่ะคุณหมอ" "สวัสดีค่ะซูซี่" ฉันมาถึงซูเปอร์มาเก็ตแล้วค่ะ ซูซี่เป็นพนักงานที่นี่ค่ะเธอให้ความช่วยเหลือฉันตั้งแต่ฉันมาแรกๆ เพราะว่าฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ หลังจากนั้นมาซูซี่ก็จะคอยช่วยเหลือฉันอยู่เสมอ อ่อที่มันบังเอิญไปมากกว่านั้นก็คือฉันดูแล้วเจ้าบ๊อบแมวส้มตัวกลมของซูซี่อยู่ค่ะ นั่นยิ่งทำให้เราเข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ฉันเดินไปทั่วซูเปอร์มาร์เก็ตเลยค่ะ หาซื้อวัตถุดิบสำหรับสัปดาห์นี้เอาไปตุนไว้ที่บ้าน ที่จริงวันนี้ฉันอยากจะไปหาพ่อกับแม่ฉันด้วยนะคะ แต่แค่ติดต่อไปก็ต้องกินแห้วไปตามระเบียบค่ะ พักหลังๆ มานี้พ่อกับแม่ฉันหวานกันบ่อยมากล่าสุดก็นี่แหละค่ะ พากันไปเที่ยวสวีตหวานกันสองคนจนลืมลูกลืมเต้า ฉันเดินมาถึงโซนขนมที่จะซื้อไปตุนเอาไว้ที่ห้องพักสักหน่อย แต่ว่าขนมที่ฉันจะหยิบเนี่ยมันสูงกว่าฉันเสียอีก ถึงแม้ว่าฉันจะสูงตั้งหนึ่งร้อยหกสิบพอดีก็ยังอยู่ในมาตรฐานหญิงไทยใจงามนะคะ ฉันมองซ้ายมองขวาหาพนักงานที่จะมาช่วยฉันหยิบแต่พนักงานแต่ละคนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยว่างเลยละคะ เอาละถึงคราวที่ฉันต้องช่วยเหลือตัวเองบ้างแล้วละ ฉันจับรถเข็นเอาไว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ยืดขึ้นไปจนสุดแล้วแต่ก็ยังไม่ถึง อีกนิดเดียวค่ะ อีกนิดเดียวเท่านั้นฉันก็จะได้กินขนมแสนอร่อยที่ฉันอยากกินมานาน "อ่ะ!" อยู่ดีๆ ก็มีมืออุ่นๆ ของใครบางคนมาจับที่หน้าท้องของฉันเอาไว้ คนคนนั้นเขายืนซ้อนหลังของฉันแล้วเอื้อมหยิบขนมที่ฉันอยากได้ลงมาให้ฉันได้อย่างง่ายดาย ฉันรีบหันไปทันทีเลยค่ะ เพราะทั้งตกใจกับการกระทำอุกอาจ และกลิ่น ใช่ค่ะ กลิ่น กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยที่ฉันเคยดมมานานเป็นปี ฉันหันไปด้านหลังสิ่งที่ฉันเห็นก็ทำเอาเรี่ยวแรงของฉันแทบหมด ฉันเกือบล้มลงไปเพราะอยู่ดีๆ ก็หมดแรงไปเสียดื้อๆ ดีที่เขารั้งเอวของฉันให้เข้าหาตัวเขาทำให้เราทั้งสองคนแนบชิดกันไปโดยปริยาย "จะล้มแล้ว" หัวใจของฉันมันเต้นแรงมากเลยค่ะ ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาได้จริงๆ ฉันอยากหลบหนีไปให้ไกลแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะตอนนี้ 'เขา' ยึดร่างกายของฉันเอาไว้ มุมปากของเขายกยิ้ม แววตาของเขาดูสดใสเป็นประกายวิบวับ อีกทั้งเขายังดูโตขึ้น สูงขึ้น และดูสมบูรณ์แบบไปทุกส่วน "เอาอะไรอีกมั้ย เดี๋ยวคีนหยิบให้ครับ" ฉันกำลังอึ้ง ตกใจ และใจสั่น ฉันรับรู้ได้เลยว่าฉันสั่นไปทั้งตัว มันมีทั้งความกลัว และความคิดถึง ที่ประเดประดังเข้ามา ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มหายใจติดขัดและน้ำตาที่ไม่ได้ไหลมานานก็เอ่อคลอเบ้าตาสวยโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกความรู้สึกของฉันมันจุกอยู่ที่อก ฉันได้สติอีกครั้งก็เพราะวาคีนกำลังถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ว วา วาคีน" "ครับ วาคีนเอง" เขาตอบรับคำของฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล อีกทั้งยังยิ้มให้ฉัน ใช่ค่ะ ทุกคนเข้าใจไม่ผิด วาคีนผู้ชายที่เคยหยาบคายกับฉัน ผู้ชายที่เคยทำให้ฉันเสียใจจนเกือบตาย ผู้ชายที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของฉัน เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉัน และใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเช็ดน้ำตาหยดแรกของฉันที่มันกำลังไหลลงมาอย่างอ่อนโยน ผู้ชายหยาบคายคนนั้น กำลังซับน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันพูดไม่ออก และไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ไม่รู้จะพูดมันออกมาเป็นภาษาอะไร ฉันกับเขาอยู่กันคนละซีกโลก แต่กลับมาเจอกันที่นี่ ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเขามาทำไม แต่เราไม่ควรที่จะเจอกันเลย ไม่ควรเจอกันเลยแม้แต่น้อย พอฉันได้สติก็ผลักอกแกร่งของวาคีนที่เริ่มเข้าใกล้ฉันเรื่อยๆ แล้วจะวิ่งหนีออกมา หมับ! "เฟิร์น!" ฉันหันมาสะบัดแขนให้ออกจากมือของวาคีนแล้วรีบเดินออกมาในทันทีโดยที่ฉันลืมทุกสิ่ง ลืมทุกอย่าง สองสิ่งที่ฉันจำนั่นคือ 'เขา' วาคีนผู้ชายคนที่ฉันไม่ควรเข้าใกล้ และก็เป็น 'เขา' คนที่ทำร้ายจิตใจของฉันจนฉันต้องหนีมาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่นี่ ฉันหลุดออกมาจากวาคีนได้ค่ะ และเขาก็ไม่ได้ตามฉันออกมานะคะ แต่ก็ดีเหมือนกันที่วาคีนไม่ตามฉันออกมา ฉันรีบวิ่ง วิ่ง และก็วิ่งออกมาให้ไกลจากวาคีนให้ได้มากที่สุดค่ะ ครั้งนี้ฉันกับเขาเราอาจจะบังเอิญได้เจอกัน แต่มันต้องไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่ ฉันหันกลับไปมองที่ด้านหลังในขณะที่ฉันกำลังวิ่งหนีวาคีนออกมาก่อนจะหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นแล้วว่าไม่ได้มีใครตามฉันออกมาแม้แต่คนเดียว ค่อยโล่งอกหน่อยนะคะหัวใจของฉันมันยังสั่นอยู่เลยค่ะ ฉันเดินคอตกกลับไปที่คอนโดของตัวเองค่ะ ตัวฉันยังรู้สึกชาๆ อยู่เลย ฉันมาถึงคอนโดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นห้องไปนะคะ ฉันเดินไปที่สวนสาธารณะของคอนโดก่อนค่ะ แล้วนั่งลงมองสิ่งต่างๆ ที่กำลังสงบก่อนจะหยิบกระเป๋าเพื่อที่จะหาโทรศัพท์มือถือของฉันอยากโทรชวนเพื่อนของฉันออกมาแฮงเอาท์สักหน่อย แต่! "กระเป๋าฉันละ" ตายแล้วยายเฟิร์นเอ๊ย! กระเป๋าของฉันหายไปไหนเนี่ย หล่นตอนที่ฉันวิ่งหนีมางั้นเหรอ แล้วในนั้นมีทุกอย่างของฉันหมดเลยแม้แต่โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และคีย์การ์ดคอนโด "อุตส่าห์วิ่งมาได้ตั้งไกล ต้องเดินกลับไปก้มหากระเป๋าอีกเหรอเนี่ย" ฉันอยากจะชกตัวเองนักแต่ก็ไม่กล้าเพราะว่าฉันกลัวเจ็บ "ถ้าเจอไอ้โรคจิตนั่นอีกจะทำไง" หงุดหงิดชะมัด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD