2282 Words
'ก๊อก ก๊อก' "พ่อช้าง เช้านี้ไปใส่บาตรกับแม่ไหมลูก" คุณนายเทพทองเคาะห้องบุตรของตัวเองตั้งแต่เช้ามืด เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันพระเธอจึงอยากจะชวนขุนช้างไปทำบุญตักบาตรด้วยด้วยกันเสียหน่อย ทว่าในห้องที่เธอเคาะประตูไป ผู้ที่ตื่นขึ้นมาจากเสียงเรียกไม่ใช่ขุนช้าง แต่เป็นผู้อยู่อาศัยอีกคนอย่างพลายแก้วต่างหาก ร่างสูงหยัดกายด้วยความยากลำบาก เนื่องจากช่วงเอวของเขาถูกขุนช้างพาดขาทับอยู่ คนอะไรจะนอนดิ้นได้ขนาดนี้ แม้แต่ผ้าห่มยังกระจัดกระจายไม่เป็นที่ กระนั้นถ้าจะให้รอเจ้าของห้องตื่นเกรงว่าคนหน้าห้องจะเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน พลายแก้วจึงได้รีบปลุกคนขี้เซาเพื่อให้ขานรับแม่ตัวเอง ด้วยความว่าความนอนง่ายตื่นยากของขุนช้างเป็นที่เลื่องลือกันอยู่แล้ว กว่าขุนแผนจะปลุกคนข้างกายขึ้นมาได้ก็เรียกได้ว่าแทบจะต้องถ่ายตาอีกคนออก "หื้อ.." ดวงตาสีนิลค่อยๆลืมขึ้นพลางมองไปทางหน้าต่าง เขาจึงเห็นว่าตอนนี้แม้แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น เจ้าตัวเลยหันไปหาพลายแก้วแล้วถามกับอีกคนเสียงเนือยๆ "ไอ่แก้วเอ็งจักรีบปลุกข้าไปใย ยามนี้ยังเช้ามืด เอ็งจักรีบไปไล่ควายเข้าคอกหรือ" "มิใช่เสียหน่อย แม่เอ็งเรียกไปใส่บาตร ตอนนี้อยู่หน้าประตูแล้ว" ขุนช้างที่ตอนแรกสลึมสลืออยู่ก็ถึงกับรีบหยัดตัวลุกขึ้น จากที่จะหลับแหล่มิหลับแหล่กลายเป็นว่าตอนนี้ก็ต้องตื่นเต้มตาแล้ว "ตื่นแล้วจ่ะๆ แม่ไปก่อนเลยเดี๋ยวช้างตามไป" ขุนช้างละล่ำละลั่กตอบกลับ ทางผู้เป็นแม่จึงได้ละตัวออกไปเตรียมของใส่บาตรต่อ ตอนนี้ทั้งห้องจึงได้กลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง "อย่าหลับเชียวหนาเอ็ง ตอบรับแม่ไปแล้วก็ต้องไปได้แล้ว" เมื่อพลายแก้วเห็นว่าขุนช้างเริ่มโงนเงนมีท่าทีจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ก็ได้เอานิ้วยันหัวอีกคนไว้ไม่ให้วูบไปซะก่อน ขุนช้างเลยค่อยๆพาตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า "อื่ม..ไอ่แก้ว เอ็งหายตัวไปรอข้าที่หลังเรือนก่อน เดี๋ยวข้าคุยกับแม่ครูหนึ่งแล้วจักไปตามเอ็งมา" "ได้" คนง่วงว่าอย่างใจเย็นขุนแผนจึงได้ใช้คาถาหายตัวแล้วปีนหน้าต่างไปที่หลังเรือนตามคำสั่ง ส่วนทางขุนช้างก็ออกจากห้องไปหาผู้เป็นแม่ เพื่อแจ้งข่าวคราวว่าสหายของตนจะมาแวะพักแรมที่นี่ แล้วพอนางเทพทองรู้ว่าสหายที่ลูกบอกคือพลายแก้วลูกนางทองประศรี เธอก็สั่งบ่าวให้จัดแจงห้องหับอย่างยินดีทัน ทั้งขุนช้างและพลายแก้วเองก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันแต่เด็ก ส่วนนางเทพทองกับทองประศรีเองก็รู้จักกันมานานโข ถ้ามีโอกาสได้คุยกับพลายแก้วเธอก็อยากจะถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเพื่อนด้วยเช่นกัน หลังจากคุยกับผู้เป็นแม่เรียบร้อยแล้ว ขุนช้างก็บอกกับแม่ตนว่าพลายแก้วอาจจะเดินทางมาจากต่างจังหวัดถึงเช้าวันนี้ ตนจึงได้เตรียมตัวไปรับเสียก่อน ดีหน่อยที่ขุนช้างสามารถใช้เหตุผลหลายๆอย่างรองรับการกระทำได้ เจ้าตัวถึงสามารถปลีกตัวออกมาหาเจ้าพลายแก้วได้อย่างไม่มีใครสงสัย ร่างโปร่งเดินออกจากเขตเรือนมาทางด้านหลังอย่างที่นัดแนะกันไว้ก่อนหน้า จุดตรงนี้เป็นป่าผลไม้ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีคนผ่านไปมามากนัก เขาจึงคิดว่าพลายแก้วอาจจะมาหลบอยู่แถวนี้ก็เป็นได้ ทว่าเมื่อลองเดินหาจนทั่ว เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าพลายแก้วเลย หรือจะโดนธรณีสูบไปแล้วนะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ทว่าไม่นานก็ได้คำตอบ "หาข้าอยู่หรือ" ร่างสูงโผล่มาข้างหลังขุนช้างอย่างเงียบเชียบพลางใช้มือหนาทั้งสองข้างจับลงที่ช่วงเอวบางให้อีกคนตกใจเล่น แน่นอนว่าขุนช้างไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อได้จังหวะร่างโปร่งจึงหันไปฟาดเข้าที่ต้นแขนของพลายแก้วอย่างจัง จนตรงที่โดนฟาดกลายเป็นรอยมือ "หูยไอ่ช้าง เอ็งจะมือหนักไปไหน" พลายแก้วว่าพลางลูบแขนตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด ส่วนขุนช้างที่ได้เอาคือก็ยิ้มกริ่มยืนท้าวสะเอวด้วยความสะใจ "สมน้ำหน้าใครใช้ให้เอ็งอยากมาแกล้งข้ากันล่ะ" คนขี้แกล้งต้องโดนซะบ้าง นี่เขาไม่โดดถีบขาคู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว "อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาหงิ๋งนะพลายแก้ว เรากลับเรือนได้แล้ว" ห๊ะ? อะไรคือหมาหงิ๋ง จู่ๆพลายแก้วก็มีหูมีหางอย่างงงๆ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ขุนช้างก็เดินลิ่วๆหนีไปซะก่อนแล้ว "ตายจริงพ่อแก้ว มิได้พบกันเสียนานสบายดีไหมลูก" นางเทพทองเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวเองพาสหายเก่ามาพบก็ถึงกับรีบรุดตัวไปหาทันที ในตอนนั้นที่เธอได้เห็นพลายแก้ว อีกคนยังเป็นเด็กตัวน้อยๆอยู่เลย ตอนนี้กลับโตขึ้นมากลายเป็นหนุ่มใหญ่รูปหล่อ สมชายชาตรีเป็นที่สุด ทว่าพอหันกลับมาดูที่ลูกชายเธอ รายนั้นแม้จะดูดีกว่าแต่ก่อนมาก ทว่าองค์ประกอบโดยรวมบางอย่างก็ทำให้ลูกชายของเธอคนนี้ไม่สมชายชาติทหารสมัยนี้เท่าใดนัก ทั้งใบหน้าเนียนละเอียดละออ ออกไปทางงดงามอย่างสตรี อีกทั้งยังมีร่างกายที่ไม่ได้ล่ำสันอย่างบุรุษ ผิวกายยังขาวผ่องเหมือนกับคนไม่เคยออกบ้านหรือจับงายหยักงานรบ "ไหนๆเจ้าแก้วก็มาแล้ว อยู่ใส่บาตด้วยกันเลยสิจ๊ะ" นางเทพทองเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม พลายแก้วเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังไปช่วยคนในเรือนจัดแจงของตักบาตอีก ช่วงเช้านี้อากาศเย็นสบายกำลังดี พระอาทิตย์เองก็ค่อยๆขึ้นจากขอบฟ้าอย่างสวยงามเป็นภาพที่ยากจะได้เห็นหากขุนช้างยังนอนตื่นสายจนตะวันแสกหน้าอยู่ ทั้งเจ้านายและบ่าวของเรือนต่างก็พากันมารอพระที่หน้าเรือน พอเวลาผ่านไปไม่นานพระสงฆ์จากวัดใกล้ๆก็เดินทางมาบิณฑบาตกันแล้ว "ว่ากันว่าหากทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าก็จักได้เกิดมาพบกันอีก ทั้งสองเอกก็หมั่นทำบุญร่วมกันไว้หนาชาติหนาจักได้เกิดมาพบกันอีก" หลังจากทำบุญใส่บาตรจนอิ่มบุญทั่วหน้า นางเทพทองก็หันมาพูดกับบุตรชายและสหายด้วยรอยยิ้ม ที่นางพูดถึงคืออยากให้ลูกชายและสหายได้เกิดมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนในความเข้าใจของใครบางคนมันอาจจะต่างกันออกไปสักหน่อย "แล้วต่อจากนี้เอ็งจักทำอันใดต่อ" ลาหลังจากผู้เป็นแม่ ขุนช้างที่อยู่กับพลายแก้วก็ถามอีกคนเสียงเรียบตามฉบับ ชุนแผนจึงได้ตอบกลับมาบ้าง "ข้าว่าจักหาที่ปลูกเรือนเสียหน่อย จักได้เอาแม่มาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย" "เช่นนั้นให้ข้าช่วยเอ็งดูที่ดีหรือไม่ ข้าทำมาค้าขายเจรจาเก่ง เอ็งต้องได้ที่ดีๆในราคาดีๆเป็นแน่" ขุนช้างว่าพลางยิ้มกริ่ม ส่วนทางพลายแก้วก็ไม่ได้อยากปฏิเสธข้อเสนอของขุนช้างอยู่แล้วเจ้าตัวจึงได้ตอบตกลงไป ในช่วงหลายวันนี้ขุนช้างยังไม่มีงานราชการ เขาจึงจะยังสามารถเถลไถลได้อย่างเต็มที่ วันนี้ชุนช้างจึงได้อาสาเป็นคนพาพลายแก้วหาที่ตั้งเรือน เรียกได้ว่าการเดินทางไปยังที่ต่างๆนั้นกินเวลาตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าตั้งแต่ช่วงเช้าจรดบ่ายเลยก็ว่าได้ ในระหว่างนั้นเองด้วยความว่าจังหวัดสุพรรณก็เป็นจังหวัดที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ตอนที่เดินไปนู่นมานี่พวกเขาจึงได้ผ่านสถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็กไปหลายที่ ช่วงที่กำลังกลับเรือนพลายแก้วจึงได้สะกิดทักขุนช้างให้ไปยังสถานที่นึงซะก่อน "เอ็งจำแม่น้ำตรงนี้ได้หรือไม่ เมื่อครั้งยังเด็กพวกเรามักจะชอบมาเล่นที่นี่กันบ่อยๆ แต่ตอนที่ข้าย้ายไปเมืองกาญข้าก็ไม่เคยได้มาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งตอนนี้" ทางขุนช้างที่เดิมทีไม่ใช่เจ้าของร่างนี้อยู่แล้วอีกทั้งกว่าเขาจะมาประทับร่างนี้พลายแก้วก็ดันย้ายไปอยู่อีกเมืองซะก่อน เรื่องความหลังวัยเด็กหรืออะไรทำนองนั้นที่อีกฝ่ายพูดถึงเขาจึงไม่รู้เรื่องทั้งสิ้น "อะ..อื่ม ใช่ๆ" ขุนช้างเออออไปตามประสาทั้งๆที่ในใจกู่ร้องให้พลายแก้วอย่าถามเรื่องในอดีตให้มาก "ข้าว่าจะลงไปเล่นน้ำเสียหน่อย เอ็งจะเล่นด้วยหรือไม่" ขุนช้างถึงกับหันมองอีกคนด้วยใบหน้ามี คำถาม นี่เจ้าตัวคิดจะลงเล่นน้ำตอนนี้เวลานี้เนี่ยนะ ก็พอเข้าใจอยู่ตามประสาเด็กวัยรุ่น เอเนอร์จี้เยอะก็อยากจะขยับตัวบ้างไรบ้าง เพราะงั้นถ้าพลายแก้วอยากเล่นเขาเองก็คงจะว่าอะไรไม่ได้ "เอาสิ แต่ข้าไม่เล่นหนา เอ็งเล่นไปคนเดียวเลย" เมื่อว่าจบคนตัวสูงก็ถึงกับทำหน้างอ แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันจริงจังของขุนช้างที่บอกว่าจะไม่ลงเล่นเด็ดขาดพลายแก้วก็ได้แต่ทำใจ เล่นคนเดียวก็ได้ "งั้นข้าไปล่ะ" ไม่ว่าเปล่าพลายแก้วก็ทำการถอดเสื้อท่อนบนออกจนกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าเด่นชัดขึ้นมาในม่านสายตา ทั้งกล้ามแขนเป็นมัดๆ แถมยังมีซิกแพคเป็นลอนที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวดูแลตัวเองดีขนาดไหน ดวงตาสีนิลดูเหมือนว่าจะจดจ้องเรือนร่างของอีกคนนานไปหน่อย คนที่ถูกจ้องเลยทำตัวเคอะเขินแบบหยอกล้ออีกคนเล่น "มองขนาดนี้ข้าก็อายเป็นหนา" พลายแก้วว่าอย่างติดตลก ขุนช้างจึงได้เบือนหน้าหนีปล่อยให้คนอยากเล่นน้ำลงน้ำไปเองคนเดียว พลายแก้วที่ถูกเมินเลยขยับไปดึงแก้มอีกคนทีนึงอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนที่จะหนีลงน้ำไป "พลายแก้ว! เอ็งนี่มัน!" ด้วยความว่าพลายแก้วมันเป็นคนแรงควาย ตอนนี้แก้มขาวๆของขุนช้างจึงได้กลายเป็นรอยมือขึ้นมา กระนั้นแม้จะอยากไปฟาดพลายแก้วสักทีให้หายแค้น เขาก็ทำได้เพียงข่มอารมณ์แล้วหันไปนั่งกินลมอยู่ริมน้ำเท่านั้น เนื่องจากแม่น้ำตรงนี้มีทั้งที่ลึกที่ตื้นให้ว่ายน้ำเล่นอย่างอิสระ พลายแก้วจึงได้ว่ายน้ำเล่นกับพวกปลาจนแทบจะกลายเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ทว่าพอเล่นน้ำกันไปได้สักพักใหญ่ๆ จู่ๆร่างของพลายแก้วก็ดีดดิ้นอยู่กลางแม่น้ำจนขุนช้างต้องลุกขึ้นดู "ไอ่แก้วเอ็งเป็นอันใด!" "ตะคริวๆ ข้าเป็นตะคริว!" เจ้าของดวงตาสีนิลถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้ยินแบบนั้น ขุนช้างไม่รอช้าไม่เสียเวลา เขารีบลงน้ำเพื่อจะไปช่วยเพื่อนตัวเองซึ่งอาการไม่สู้ดีนักทันที "พลายแก้ว!" ทว่าพอจะไปถึงร่างสูงพลายแก้วก็ดันจมหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ในแม่น้ำกว้างจึงมีเพียงขุนช้างที่ลอยค้างเติ่งอยู่คนเดียว "ไอ่แก้ว ไอ่แก้ว! เอ็งอยู่ไหน" ขุนช้างควานหาในน้ำไปทั่วทว่าก็ไม่เจออะไร ขณะที่กำลังจะว่ายไปอีกทาง ขาของเขาก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างจับไว้แล้วดึงลงไปใต้น้ำ "อื๊อ!!" เป็นเวลาครู่เดียวเท่านั้นที่เขาถูกดึงลงไป พอขึ้นมาได้คนตัวขาวจึงได้รีบหาที่ยึดจนไปคว้าคอร่างสูงเข้า "ฮ่าๆๆ ไอ่ช้างนี่เอ็งตกใจขนาดนั้นเลยหรือ กอดข้าเสียแน่นเชียว" พลายแก้วว่าพลางโอบเอวคนที่เกาะตัวเองไว้แน่น ทว่าขุนช้างกลับไม่ได้พูดตอบกลับอะไร ทำเพียงชักสีหน้าใส่อีกคนเท่านั้น ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าชุนช้างไม่พอใจมากๆ ทว่าพอจะพูดกับอีกฝ่าย พลายแก้วก็ดันถูกขุนช้างสาดน้ำใส่ซะก่อน "ไอ่ช้างเดี๋ยว!" ขุนช้างไม่ได้ฟังคำทัดทานใดๆของพลายแก้ว เขาตรงดิ่งขึ้นฝั่งด้วยใบหน้าบึ้งตึง โดยที่ทิ้งคนตัวสูงให้เดินตามมาอยู่อย่างงั้น ดูท่าว่าไอ่แก้วคนนี้จะงานเข้าแล้วสิ.. สม นั้ม น่าาาา วรั๊ยยยย คนโดนงอนนน งอนนังแผนนานๆเลยลูก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD